เปรียบเทียบการชาร์จมือถือ!ชาร์จในรถ &ชาร์จในบ้าน เเบบไหน?ดีกว่ากัน

Advertisement เชื่อว่าบางท่านอาจเคยลืมชาร์จโทรศัพท์มือถือก่อนไปทำงาน เพราะเผลอหลับซะก่อน ตื่่นมาอีกทีแบตใกล้หมดชาร์จไม่ทันทำอย่างไรดี แล้วลองชาร์จผ่านทางพอร์ต USB ที่ชาร์จรถก็ได้ แต่ความจริงแล้วกลับช่วยไม่ได้เลยมากกว่า เพราะอะไรมาดูกัน Advertisement [ads] การชาร์จมือถือ ถ้าเลือกระหว่างชาร์จในรถ กับชาร์จในบ้าน ควรชาร์จที่ไหน  แนะนำสุดคือเสียบกับ Adaptor Charge แล้วชาร์จที่บ้าน จะสามารถชาร์จมือถือได้เร็วกว่าชาร์จผ่านพอร์ต USB ในรถยนต์ซึ่งออกแบบสำหรับเสียบ Flashdrive ฟังเพลง    แต่รู้ไหมว่าเสียบผ่านพอร์ต USB บนรถนี้ จ่ายไฟเพียงแค่ 0.5A เท่านั้น นั่นหมายความว่าไม่ได้ช่วยชาร์จแบตให้เต็มเลย แต่กลับเต็มช้ากว่าเดิมอีก Advertisement แต่ใช่ว่าไม่มีวิธีแก้เลย อีกวิธีที่แนะนำคือชาร์จผ่านทาง Adaptor ชาร์จสำหรับรถโดยเฉพาะที่สามารถจ่ายไฟฟ้า 1A  ถึง 2.1A  ซึ่งอยู่ในการจ่ายกระแสไฟฟ้าที่เหมาะสมกับมือถือ หรือไม่ก็ชาร์จผ่านทาง Powerbank แทน ซึ่งจ่ายไฟปกติกว่าพอร์ต USB เครื่องเสียงรถยนต์ แค่นี้ก็มีไฟที่จะเพียงพอในการใช้โทรศัพท์กรณีลืมชาร์จสมาร์ทโฟนแล้ว หรือสังเกตที่พอร์ต USB ในรถว่ามีระบุ 5V หรือ 1A […]

สาวๆต้องรู้! อย่ากลัวที่มีสะโพกใหญ่…สะโพกยิ่งใหญ่…ยิ่งบอกได้ว่าสุขภาพดี! เช็คเลย

เป็นธรรมดาที่สาวๆ หลายคนมักจะมองว่า “การมี "สะโพกใหญ่" ทำให้ดูไม่สวย เวลาจะสวมใส่อะไรก็ไม่สวย และไม่มีความมั่นใจเอาซะเลย” อย่างไรก็ตาม คุณรู้หรือไม่ว่ายังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ยัฝต้องการอยากจะมีสะโพกผาย ก้นใหญ่มาครอง เพราะการเป็ยเช่นนี้มีข้อดีหลายประการ   วันนี้…เราจึงได้หยิบยกเอาผลงานวิจัยที่บ่งบอกถึงข้อดีของการมีสะโพกใหญ่ว่ามีอะไรบ้าง…ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยว่าดีกว่าว่ามันดีอย่างไร!!   ข้อดีของการมีสะโพกใหญ่ 1. สะโพกใหญ่…ไอคิวสูง นี่เป็นความเชื่อของนักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ซึ่งทดลองแล้วพบว่า…การที่มีสะโพกใหญ่มีความเกี่ยวพันกับสติปัญญาของมนุษย์ โดยขนาดสะโพกที่ใหญ่เป็นสัดส่วนโดยตรงกับระดับสติปัญญา หมายความว่า…ยิ่งมีสะโพกใหญ่เท่าไหร่ ก็มีโอกาสที่จะมีไอคิวสูงมากขึ้นเท่านั้น   ดังนั้น เหล่าบรรดานักปราชญ์ทั้งหลายที่เราเป็นภาพวาดกัน ก็ล้วนเป็นพวกสะโพกใหญ่ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น คลีโอพัตรา, นโปเลียน, วอชิงตัน และคนอื่นๆอีกมากมาย      2. สะโพกใหญ่…อายุยืน นอกเหนือจากเรื่องของสติปัญญาแล้ว การมีสะโพกใหญ่ยังมีผลต่อสุขภาพด้วย เพราะคนที่มีสะโพกใหญ่กว่าขะเป็นคนที่มีสุขภาพดีและอายุยืนมากกว่า ทั้งนี้ เพราะมีการศึกษาพบว่า…เมื่อเทียบอัตราการเสียชีวิตของคนที่มีสะโพกเล็กที่สุด กับคนที่มีคนสะโพกใหญ่ที่สุด จะพบว่าคนที่มีสะโพกใหญ่มีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่าถึง 87%  โดยพวกเขามีโอกาสที่จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจต่ำกว่า 86% และมีความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดต่ำกว่า 46% นั่นเอง   [ads]   3. สะโพกใหญ่…เพราะมีไขมันดี ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกฟอร์ดเปิดเผยว่า….คนสะโพกใหญ่จะมีสุขภาพแข็งแรงกว่า สาเหตุสำคัญก็คือ […]

หันมองก่อนกด! อุจจาระมีเลือด..เสี่ยง 5 โรคร้าย แก้ก่อนยังหายทัน โดยเฉพาะคนถ่ายยาก

ก่อนที่คุณจะหันไปกดชักโครกทุกครั้ง คุณควรหันไปสังเกตลักษณะของอุจจาระของคุณเสียบ้างว่ามีอะไรที่ผิดปกติไปจากเดิมหรือไม่? เพราะสุขภาพของเราสามารถตรวจได้ง่ายๆ จากอุจจาระนี่แหละ อย่าเพิ่งรังเกียจมันเลยค่ะ เพราะไม่ว่าจะเป็นขนาด สี กลิ่น หรือลักษณะที่เห็นได้จากภายนอก ล้วนแต่สามารถบอกความผิดปกติให้คุณได้รู้ได้ก่อนทั้งนั้น เพราะฉะนั้น ตามมาสังเกตกันได้เลย     สิ่งหนึ่งที่สามารถสังเกตได้ชัดเจน และหลายคนอาจตกใจเมื่อได้เห็น ก็คือ อุจจาระเป็นเลือด หรืออุจจาระที่มีเลือดสดๆ ปนออกมาด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นนี้อาจมาจากหลายเหตุผล อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าเป็นโรคริดสีดวงทวารเพียงอย่างเดียว แต่อันที่จริงแล้วยังมีอีกหลายโรคที่อาจแสดงอาการโดยเริ่มต้นจากอุจจาระเป็นเลือดที่ว่านี้ก็เป็นได้ แถมยังมีความอันตรายมากกว่าโรคริดสีดวงทวารอีกด้วย ต้องระวังให้ดีเลยละ!   6 โรคอันตราย ที่เริ่มจากอาการ “อุจจาระเป็นเลือด” ยิ่งปล่อยไว้นานอาจแก้ไม่ทัน   1. โรคริดสีดวงทวาร โรคแรกๆที่คุณนึกถึงคงเป็นโรคนี้ เพราะมักเกิดขึ้นได้บ่อยกับคนที่ท้องผูกบ่อยๆ ใครที่เป็นเช่นนี้จะมีความเสี่ยงเป็นโรคนี้ได้มากกว่าคนที่ถ่ายได้ตามปกติ และหากสังเกตว่าอุจจาระของตนเองมีลักษณะเป็นก้อนแข็งบ่อยๆ จนอุจจาระไปครูดกับผิวหรือเยื่อเมือกของทวารหนัก ก็จะเกิดเป็นแผลและมีเลือดสดไหลออกมาเป็นหยดๆ หรือเป็นเส้นๆ พร้อมอุจจาระอยู่บ่อยๆได้ นอกจากนี้ จะมีอาการปวดแสบบริเวณรูทวารหนัก  โดยอาการปวดแสบจะหนักมากขึ้นเรื่อยๆหากไม่รีบรับการรักษาด้วยการพบแพทย์เพื่อการรักษาอย่างถูกวิธี     2. เลือดออกในลำไส้ใหญ่ หากสังเกตว่ามีเลือดสดๆ หรือลิ่มเลือดไหลออกมาพร้อมกับอุจจาระ แต่ไม่ได้มีอาการปวดแสบที่ทวารหนัก เพราะไม่ได้มีอาการร่วมกับอาการท้องผูก คุณต้องตัดความคิดว่าตัวเองเป็นริดสีดวงออกไปก่อน เพราะการมีเลือดออกในลำไส้ใหญ่แบบนี้ […]

หางานยากจริงหรือ? วิธีการหางานสำหรับ”คนมีรอยสัก”

   ในสมัยปัจจุบันนี้แม้ว่าคนจะยอมเปิดรับกับวัฒนธรรมใหม่ๆ หรือเปิดใจมากเพิ่มขึ้นแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มและบางสาขาอาชีพที่อาจจะยังไม่สามารถเปิดรับได้ทั้งหมด เช่น การมีรอยสักในสังคมการทำงานของไทยเป็นต้น ในสังคมไทยนั้นคนมีรอยสักมีโอกาสหางานได้ยาก และถูกมองว่าเป็นคนที่ขาดวุฒิภาวะทางความคิด มีความคิดตื้นๆ ไม่มองผลระยะยาว คิดว่าสมัยนี้แล้ว เขารับที่ความสามารถ แต่โลกความจริงของสังคมไทยมันยังไม่ใช่ หรือถูกมองว่าเป็นคนก้าวร้าว หัวรุนแรง ดังนั้นบริษัททั้งหลายจึงมักไม่อยากจะเสียเวลารับมาทดลองงาน  เป็นต้น [ads]    เช่นหนึ่งในตัวอย่างจากกระทู้ pantip เว็ปไซต์ชื่อดังของเมืองไทย ที่ได้โพสระบายความเครียดจากการหางานไม่ได้ เพราะมีรอยสัก “เรียนจบมาตอนนี้ (ปริญญาตรี การตลาด ) ก็ว่างงานไปหกเดือนแล้ว หางานทำไม่ได้เพราะมีรอยสัก มีหลายแห่งมากแต่บางส่วนสามารถใส่เสื้อแขนยาวปิดได้ มีปัญหาแค่รอยตรงคอเหนือปกเสื้อ มีบริษัทโทรมาบ้างให้ไปสัมภาษณ์ แต่ติดเรื่องรอยสักทุกครั้ง ไปสมัครเป็นพาร์ทเนอร์ร้านกาแฟดังร้านนึงก็ยังไม่เอาเพราะมีรอยสัก ผิดที่ตัวเราเองด้วยเพราะรอยสักเรามันเห็นชัดมากๆ ขนาดประมาณเหรียญสองบาทอยู่ตรงต้นคอด้านซ้ายเหนือปกเสื้อ เราอยากขอคำแนะนำว่าเราควรจะทำงานอะไร ควรสมัครงานแบบไหน เราสามารถสื่อสารภาษาจีนเบื้องต้นได้ (เคยทำงานเกี่ยวกับอีเว้นท์มาหนึ่งปี แต่ตอนนั้นรอยสักยังไม่มาก) เรามีมนุษยสัมพันธ์ดีเข้าได้กับทุกคนและเคารพผู้อื่นที่อาวุโสกว่าเสมอ ให้ทำงานอะไรเราไม่เกี่ยงเลย แต่ติดแค่เรื่องรอยสักจริงๆ หรือจะไปทำธุรกิจส่วนตัวก็ไม่รู้จะทำอะไรอีก ล้มเหลวในชีวิตมากๆ อยากขอคำแนะนำ งานธนาคารเราก็อยากทำแต่ก็หมดสิทธิ์ ก็อยากจะฝากเตือนไว้เป็นบทเรียนเพราะทำมาแล้วพลาดมันจะติดตัวเราไปตลอดชีวิตและตัดโอกาสตัวเองไป ตอนนี้เราก็นั่งอ่านพันทิปฆ่าเวลาไปเรื่อยเรื่องการหางานทำก็เลยมาตั้งกระทู้ดู เราพยายามแล้วแต่ก็ได้รับการปฏิเสธทุกครั้ง หรือควรจะไปทำอะไรดีมีอะไรน่าขายบ้างช่วยแนะนำเราที เราคิดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ” วิธีการแก้ปัญหาเรื่องนี้สามารถทำได้หลายวิธีคือ […]

เรื่องใกล้ตัวที่เคยชิน!! ‘โรคดึงผมตัวเอง’ พร้อมการสังเกตอาการที่ต้องพบจิตแพทย์

เรื่องใกล้ตัวที่หลายคนเคยชิน ซึ่งคราวนี้จะพูดกันถึงโรคที่เรียกว่า “โรคดึงผมตัวเอง” (hair-pulling disorder) ภาวะที่ผู้ป่วยจะมีพฤติกรรมถอนผม (ขน) ของตัวเองซ้ำๆ!!! จนทำให้ “ผมแหว่ง” หรือ “ล้าน” เป็นหย่อมๆ พบได้พอสมควร เพียงแต่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในบ้านเรา ผู้ป่วยจำนวนมากจึงไม่ได้มาพบแพทย์ ใครที่เป็นอยู่ตอนนี้ หรือชอบดึงบ่อยๆ ก็คงจะรู้ดีว่าเป็นอย่างไร แล้วจะพบได้บ่อยแค่ไหน??? ทั้งนี้โรคดึงผมตัวเอง พบได้ประมาณ 1-2% ในประชากรทั่วไป ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงวัยรุ่นจนถึงวัยผู้ใหญ่ และ “ผู้หญิง” เป็นมากกว่าผู้ชาย อาการหลักก็เป็นไปตามชื่อโรคนั่นแหละ…ผู้ป่วยมักชอบดึงผม (อาจจะเป็นขนก็ได้) ตัวเองซ้ำๆ [ads] ให้สังเกตุว่า…แต่ละครั้งมักทำไม่นาน ไม่ได้ดึงติดต่อกันเป็นชั่วโมง แต่ทำบ่อยๆ เป็นพักๆ เรื่อยๆ ทั้งวัน ซึ่งผลของการดึงผมนั้น ผมจะแหว่งหายไปเป็นหย่อมๆ บางคนที่อาการหนักติดเป็นนิสัย บริเวณผมที่หายไปอาจจะใหญ่มากจนเหมือนหัวล้านได้ ซึ่งลักษณะของการดึงผมของผู้ป่วย จะแบ่งได้เป็น 2 แบบ 1.ดึงโดยรู้ตัว ผู้ป่วยจะรู้ตัวและจดจ่อกับการดึงผมตัวเอง บางคนสิ่งกระตุ้นอาจเป็นความรู้สึกคันอยากจะถอน โดยก่อนที่จะดึงอาจมีความเครียด หรือกังวลนำมาก่อน เมื่อดึงแล้วจะรู้สึกผ่อนคลาย “ฟินอะไรทำนองนั้น” 2.ดึงโดยไม่รู้ตัว กรณีนี้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ […]

สร้างวินัยกันเถอะ!“เลิกใช้-เลิกรับ“ถุงพลาสติก” ทุกจันทร์-พุธ-ศุกร์

 สถานการณ์ปัญหาสิ่งแวดล้อมและมลพิษของประเทศไทยเวลานี้ ยากจะปฏิเสธได้ว่าปัญหา “ขยะ” และ “ของเสียอันตราย” ได้กลายมาเป็นปัญหาที่รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่เราเคยเห็นสภาพของ “ขยะล้นเมือง” เฉพาะในชุมชนหรือเมืองใหญ่ๆ เท่านั้น แต่ปัจจุบันทุกอย่างได้เปลี่ยนไป เมื่อไปทางไหนก็มีแต่ขยะไม่เว้นแม้แต่ตามตรอก ซอก ซอย แม่น้ำ ลำคลอง หรือแม้แต่กลางทะเล  [ads]         ขณะที่ข้อมูลจาก “กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” (ทส.) ชี้ว่า เมื่อปี 2551 ประเทศไทยมีขยะมูลฝอยเกิดขึ้น 23.93 ล้านตัน และมีอัตราการเกิดขยะ 1.03 กก./คน/วัน ขณะที่ในปี 2559 หรือแค่เพียง 8 ปีต่อมา ปริมาณขยะมูลฝอยได้พุ่งขึ้นสูงเป็น 27.04 ล้านตัน ขณะที่อัตราการเกิดขยะก็เพิ่มเป็น 1.14 กก./คน/วัน และที่น่าห่วงไม่แพ้กัน คือ ปริมาณขยะมูลฝอยที่ถูกนำไปกำจัดอย่างถูกต้องมีอัตราเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนภาพรวมกระบวนการคัดแยก จัดเก็บ รวบรวม และขนส่งขยะ ก็ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ปัญหาขยะของประเทศไทยวันนี้ จึงเป็นสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายจำเป็นต้องร่วมมือกันแก้ไขอย่างเร่งด่วน!    พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ […]

ลองสนุกๆ…ไอเดียสร้าง”โคมไฟลาวา”ด้วยตัวเอง

มาเรียนรู้หลักการวิทยาศาสตร์แบบง่ายๆ ผ่านการประดิษฐ์โคมไฟลาวา โดยใช้อุปกรณ์ในบ้านของคุณ [ads] สิ่งที่ต้องเตรียม – น้ำมันพืช 1 ลิตร เช่น น้ำมันเรพซีด – น้ำก๊อก 0.5 ลิตร – สีผสมอาหารตามชอบ – ยาแอสไพรินแบบเม็ดฟองฟู่ หรือยาเม็ดฟองฟู่อื่นๆ – ขวดเปล่าขนาด 1.5 ลิตร หรือภาชนะโปร่งใสขนาดเท่ากัน วิธีการทดลอง (การทดลองนี้ไม่มีอันตรายแต่อย่างใด ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที) 1. เทน้ำก๊อก 0.5 ลิตร ลงในขวดเปล่า จากนั้นเติมน้ำมันพืช 1 ลิตรลงไป รอให้น้ำและน้ำมัน 2. หยดสีผสมอาหารลงไป 6-7 หยดเพื่อให้น้ำมีสีสดใส ตามด้วยการใส่ยาแอสไพรินแบบเม็ดฟองฟู่ลงไปประมาณ 1-2 เม็ด หรือถ้าคุณอยากให้โคมไฟลาวาคงประสิทธิภาพ คุณสามารถใส่ยาเม็ดฟองฟู่เพิ่มเข้าไปได้เรื่อยๆ ผลลัพธ์ที่ได้ – น้ำมีความหนาแน่นมากกว่าน้ำมัน โมเลกุลของน้ำกระจุกรวมตัวอยู่ใกล้กันมากกว่าและมีโมเลกุลมากกว่าน้ำมัน ดังนั้น น้ำจึงหนักกว่าและจะอยู่ด้านล่างน้ำมันเสมอ – […]

อุทาหรณ์! ยายกลืนเมล็ดกระท้อน ขูดจนลำไส้ทะลุ เสียชีวิต!!

วันที่ 12 มิถุนายน 2560 ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.วังลึก อ.บ้านด่านลอย จ.สุโขทัย มีผู้เสียชีวิตจากการกินเมล็ดกระท้อน โดยผู้เสียชีวิตคือ นางบังเอิญ เพชรตุ่น อายุ 68 ปี โดยเจ้าตัวมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน ที่ผ่านมา ลูกหลานจึงช่วยกันพาส่งโรงพยาบาล แพทย์ได้ทำการผ่าตัดนำเมล็ดกระท้อนออกมา 4 เมล็ด [ads]    นอกจากนี้แพทย์ยังพบว่ามีลำไส้ทะลุและอุจจาระปะปนในช่องท้องทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างแรงจนเสียชีวิตหลังจากผ่าตัดได้ 4 วัน นางสมจิตร เพชรตุ่น ลูกสาว เล่าว่า แม่เป็นคนชอบกินกระท้อนมาก เจอที่ไหนก็จะกิน และต้องกินเมล็ดด้วย บอกว่าอร่อย ซึ่งตนเองและญาติพี่น้องก็เคยกิน แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเหตุรุนแรงจนทำให้เสียชีวิตได้ จึงได้พยายามเตือนบุคคลในครอบครัวและเพื่อนบ้านให้เห็นถึงพิษภัยของเมล็ดกระท้อน ที่อาจจะย่อยยากและกลายเป็นภัยแฝงอยู่ในลำไส้ทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้             ด้าน นพ.พรชัย สินคณารักษ์ แพทย์เจ้าของไข้ เปิดเผยว่า ผู้ป่วยรายนี้ปวดท้องด้านซ้ายอย่างรุนแรง เมื่อสอบถามจึงทราบว่ากินเมล็ดกระท้อน ก็มั่นใจว่าเกิดจากปลายแหลมของเมล็ดไปขูดลำไส้ทำให้ลำไส้มีแผลฉีกขาดจนทะลุและติดเชื้อในกระแสเลือด ทั้งนี้ขอเตือนทุกคนว่าอย่ากลืนเมล็ดกระท้อนหรือเมล็ดผลไม้ใด ๆ เป็นอันขาด เพราะตนเจอคนไข้กรณีนี้ทุกปี ปีละ 2-3 […]

เริ่ม 26 กค.60 นี้เเล้ว….กยศ. เตรียมหักบัญชีเงินเดือนใช้หนี้

 วันที่ 11 มิถุนายน 2560 มีรายงานว่า หลังคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการ พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560 เพื่อรวบกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ.  กับกองทุนเงินให้กู้ยืมที่ผูกกับรายได้ในอนาคต หรือ กรอ. เข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพนั้น [ads]           นายปรเมศวร์ สังข์เอี่ยม ผู้อำนวยการฝ่ายคดีและบังคับคดี กยศ. เปิดเผยว่า กฎหมายฉบับใหม่ มีผลบังคับใช้วันที่ 26 กรกฎาคมนี้ โดยกฎหมายได้ระบุให้นายจ้าง สามารถหักเงินจากรายได้ของลูกจ้างที่เป็นลูกหนี้ในกองทุน กยศ. เช่นเดียวกับการหักภาษีของกรมสรรพากรในแต่ละเดือน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลของลูกหนี้ กยศ. ที่มีอยู่ทั้งหมด 4 ล้าน 8 แสนคน และประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องราชการและบริษัทเอกชน เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กรมสรรพากร เพื่อดูข้อมูลที่อยู่ สถานที่ทำงาน รายได้ เพื่อทำเรื่องหักบัญชีเงินเดือนของลูกจ้าง นำส่งคืนกองทุน กยศ.           นายปรเมศวร์ กล่าวต่อด้วยว่า ในเบื้องต้นจะเริ่มหักรายได้ลูกหนี้ กยศ. ที่เป็นข้าราชการก่อน […]

(ความรู้)ที่ตรวจครรภ์ด้วยตนเองเเบบต่างๆ[ราคา+วิธีใช้]

ชุดตรวจครรภ์ หรือ ที่ตรวจครรภ์ : การตรวจครรภ์ด้วยตัวเองนี้จะเป็นการทดสอบหาฮอร์โมน HCG (Human chorionic gonadotropin) ในปัสสาวะของคุณแม่ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่หลั่งมาจากรกและจะเริ่มผลิตหลังจากเกิดการปฏิสนธิไปแล้วประมาณ 6 วัน และจะขึ้นสูงสุดในช่วง 8-12 สัปดาห์ ซึ่งจะมีความแม่นยำมากถึงร้อยละ 90 และสามารถตรวจได้อย่างแม่นยำในรายที่มีการขาดประจำเดือนตั้งแต่วันที่ 10-14 ขึ้นไป โดยปกติแล้วในชุดทดสอบจะมีอุปกรณ์ตรวจมาให้พร้อมอย่างเสร็จสรรพ แต่จะมีอยู่ด้วยกัน 3 รูปแบบ คือ [ads] แบบแถบจุ่ม ( Test Strip) จะประกอบไปด้วย แผ่นทดสอบการตั้งครรภ์ (แผ่นตรวจครรภ์) และถ้วยตวงปัสสาวะ (อาจจะมีถ้วยตวงปัสสาวะมาให้หรือไม่มีก็ได้) ในส่วนของวิธีการใช้นั้น ให้เก็บน้ำปัสสาวะลงในถ้วยตวง แล้วนำแผ่นทดสอบการตั้งครรภ์ด้านที่มีลูกศรชี้ลง จุ่มลงไปในน้ำปัสสาวะเพียง 3 วินาที โดยระวังอย่าให้น้ำปัสสาวะเลยขีดที่กำหนดหรือสูงเกินขีดลูกศรในแผ่นทดสอบ แล้วนำแผ่นทดสอบออกจากน้ำปัสสาวะ และถือหรือวางไว้ในแนวนอน (ควรวางบนพื้นผิวที่แห้งสนิทเท่านั้น) แล้วรออ่านผลการตั้งครรภ์ได้ภายใน 1-5 นาที ทางที่ดีให้รอจนกว่าจะครบ 5 นาที เพื่อให้แน่ใจว่าชุดทดสอบแสดงผลได้อย่างถูกต้อง ข้อดีของแถบตรวจแบบนี้คือมีราคาถูก แต่การใช้ต้องระวังอย่าให้น้ำปัสสาวะสูงเกินกว่าขีดที่กำหนด […]

1 102 103 104 717
error: