หันมองก่อนกด! อุจจาระมีเลือด..เสี่ยง 5 โรคร้าย แก้ก่อนยังหายทัน โดยเฉพาะคนถ่ายยาก





ก่อนที่คุณจะหันไปกดชักโครกทุกครั้ง คุณควรหันไปสังเกตลักษณะของอุจจาระของคุณเสียบ้างว่ามีอะไรที่ผิดปกติไปจากเดิมหรือไม่? เพราะสุขภาพของเราสามารถตรวจได้ง่ายๆ จากอุจจาระนี่แหละ

อย่าเพิ่งรังเกียจมันเลยค่ะ เพราะไม่ว่าจะเป็นขนาด สี กลิ่น หรือลักษณะที่เห็นได้จากภายนอก ล้วนแต่สามารถบอกความผิดปกติให้คุณได้รู้ได้ก่อนทั้งนั้น เพราะฉะนั้น ตามมาสังเกตกันได้เลย

 

 

สิ่งหนึ่งที่สามารถสังเกตได้ชัดเจน และหลายคนอาจตกใจเมื่อได้เห็น ก็คือ อุจจาระเป็นเลือด หรืออุจจาระที่มีเลือดสดๆ ปนออกมาด้วย

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้อาจมาจากหลายเหตุผล อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าเป็นโรคริดสีดวงทวารเพียงอย่างเดียว แต่อันที่จริงแล้วยังมีอีกหลายโรคที่อาจแสดงอาการโดยเริ่มต้นจากอุจจาระเป็นเลือดที่ว่านี้ก็เป็นได้ แถมยังมีความอันตรายมากกว่าโรคริดสีดวงทวารอีกด้วย ต้องระวังให้ดีเลยละ!

 

6 โรคอันตราย ที่เริ่มจากอาการ “อุจจาระเป็นเลือด” ยิ่งปล่อยไว้นานอาจแก้ไม่ทัน

 

1. โรคริดสีดวงทวาร

โรคแรกๆที่คุณนึกถึงคงเป็นโรคนี้ เพราะมักเกิดขึ้นได้บ่อยกับคนที่ท้องผูกบ่อยๆ ใครที่เป็นเช่นนี้จะมีความเสี่ยงเป็นโรคนี้ได้มากกว่าคนที่ถ่ายได้ตามปกติ

และหากสังเกตว่าอุจจาระของตนเองมีลักษณะเป็นก้อนแข็งบ่อยๆ จนอุจจาระไปครูดกับผิวหรือเยื่อเมือกของทวารหนัก ก็จะเกิดเป็นแผลและมีเลือดสดไหลออกมาเป็นหยดๆ หรือเป็นเส้นๆ พร้อมอุจจาระอยู่บ่อยๆได้

นอกจากนี้ จะมีอาการปวดแสบบริเวณรูทวารหนัก  โดยอาการปวดแสบจะหนักมากขึ้นเรื่อยๆหากไม่รีบรับการรักษาด้วยการพบแพทย์เพื่อการรักษาอย่างถูกวิธี

 

 

2. เลือดออกในลำไส้ใหญ่

หากสังเกตว่ามีเลือดสดๆ หรือลิ่มเลือดไหลออกมาพร้อมกับอุจจาระ แต่ไม่ได้มีอาการปวดแสบที่ทวารหนัก เพราะไม่ได้มีอาการร่วมกับอาการท้องผูก คุณต้องตัดความคิดว่าตัวเองเป็นริดสีดวงออกไปก่อน

เพราะการมีเลือดออกในลำไส้ใหญ่แบบนี้ ไม่ว่าจะมีอาการเล็กๆ น้อยๆ เลือดหยุดไหลได้เอง หรือเป็นมาก ก็อาจเป็นเพราะเลือดออกในลำไส้ใหญ่ได้ คุณสามารถรอดูอาการที่บ้านได้ แต่หากมีเลือดไหลออกมาก ควรนอนพัก งดน้ำงดอาหาร และพบแพทย์จะเป็นการดีที่สุด

 

 

3. เลือดออกในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็ก

อาการที่ว่านี้จะเริ่มต้นจากการอาเจียนออกมาเป็นเลือดก่อน แต่บางรายอาจไม่มีอาการอาเจียนก็ได้ จากนั้นอาจตามด้วยการอุจจาระเป็นเลือด โดยเลือดที่ออกมาจะเป็นสีเข้มจนเกือบดำ

หากถ่ายเป็นเลือดจำนวนมาก ควรงดน้ำ งดอาหาร แล้วรีบไปพบแพทย์โดยด่วน ไม่เช่นนั้นจะมีอาการรุนแรงมากๆตามมาได้

 

 

4. โรคบิด

หากคุณมีอาการท้องเสียท้องร่วง อุจจาระมีมูกเลือดปน พร้อมกับอุจจาระมีกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง นั่นอาจเป็นสัญญาณของความเสี่ยงต่อการเป็นโรคบิดที่เกิดจากการติดเชื้อในลำไส้ใหญ่ ซึ่งมีผลทำให้ลำไส้ใหญ่อักเสบ เป็นแผล ได้

สิ่งที่แพทย์แนะนำ ก็คือ ควรให้แพทย์ตรวจอุจจาระเพื่อหาสาเหตุที่ชัดเจนที่โรงพยาบาล จะได้เข้ารับการรักษาได้อย่างถูกต้อง

[ads]

 

5. โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

มะเร็งจะทำให้เกิดแผล โดยเฉพาะบริเวณใกล้ทวารหนัก จึงทำให้มีความเสี่ยงที่จะถ่ายแล้วมีเลือดปน โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

โรคนี้มักเกิดขึ้นกับผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 40-50 ปี แต่ก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นกับคนวัยรุ่น วัยทำงานได้เช่นกัน และยิ่งครอบครัวของใครมีประวัติเป็นโรคนี้มาก่อน ก็จะยิ่งมีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้นไปอีก

ทางแก้ไขที่ดีที่สุดที่ควรทำ ก็คือ ลดการทานเนื้อแดง อาหารปิ้งย่าง อาหารไหม้เกรียม หยุดการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ

 

นอกจากนี้ อาการอุจจาระเป็นเลือดนอกจากจะเป็นสัญญาณอันตรายถึงโรคต่างๆ ได้แล้ว การที่สีของอุจจาระมีสีแดงเข้มหรือเกือบดำ อาจมาจากสาเหตุอื่นๆ เช่น

– การทานอาหารที่มีเลือดสัตว์เป็นส่วนประกอบ

– การทานยาบำรุงเลือด

 

ดังนั้น หากมีอาการถ่ายเป็นเลือด หรือสีคล้ายเลือดเล็กๆ น้อยๆ และไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆ อาจลองปรับตัวเองด้วยการทานผักผลไม้ให้มากขึ้น ดื่มน้ำให้มากขึ้น และออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้อาการดังกล่าวดีขึ้นได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม หากไม่แน่ใจในอาการที่เป็นอยู่ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายก็จะดีที่สุดค่ะ

 

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก health.sanook.com

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: