ทั่วไป

Advertisement ความคืบหน้ากรณี พ่อค้าไก่หมุนปลอมตัวเป็นทนายความ รวมถึงยังปลอมตั๋วทนาย และปลอมคำพิพากษาหลอกลวงลูกความหลายราย อีกทั้งยังว่าความเอาชนะอัยการตัวจริงได้อีกนั้น Advertisement ล่าสุด (5 ตุลาคม 2565) นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงกรณีนี้ว่า ทางสำนักงานอัยการและเจ้าหน้าที่ศาลได้ตรวจสอบหาสำนวนแล้ว พบว่าไม่ปรากฏคดีดังกล่าว Advertisement โดยยืนยันว่า พ่อค้าไก่หมุนไม่เคยว่าความในคดีอาญาของศาลจังหวัดกำแพงเพชร เป็นเพียงแค่ผู้ซักถามพยานของจำเลยเท่านั้น ไม่ได้ว่าความเต็มตัวจนชนะคดี ขณะที่ แม่ของพ่อค้าไก่หมุน เล่าว่า ลูกเคยขายไก่หมุนจริง ก่อนมารับว่าความ ใช้บ้านเปิดเป็นสำนักงาน แต่ไม่รู้รายละเอียด รู้เพียงแค่ว่าเป็นเสาหลักหาเงินมาให้ที่บ้านใช้เท่านั้น   ข่าวจาก : kapook

6 ก.ค.2565 มีหนุ่มรายหนึ่ง ออกมาร้องขอความช่วยเหลือผ่านเพจสายไหม ต้องรอด หลังจองซื้อรถกับโชว์รูมรถยนต์ชื่อดังย่านถนนศรีนครินทร์ ตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ.2565 โดยหนุ่มธนาคาร ได้กู้เงินสวัสดิการพนักงานธนาคาร จำนวนกว่า 1,566,000 บาท มาจ่ายเป็นค่ารถยนต์คันดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าเงินกู้สวัสดิการพนักงานธนาคาร มีอัตราดอกเบี้ยถูกกว่าไฟแนนซ์กว่าเท่าตัว โดยโอนเงินค่าซื้อรถทั้งหมดไปให้กับทางโชว์รูมแล้วตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค.2565 ฝ่ายขายแจ้งว่าจะส่งมอบรถให้ภายในวันที่ 3 เม.ย.2565 แต่จนถึงปัจจุบันเลยกำหนดส่งรถมาแล้วกว่า 7 เดือนก็ยังไร้วี่แววที่จะได้รถ โชว์รูมอ้างเพียงว่า พนักงานของโชว์รูมมีการทุจริต จึงยังส่งมอบรถไม่ได้ ขอเลื่อนไปไม่มีกำหนด รถคันนี้เป็นรถยนต์คันแรก ปกติมีแต่รถมอเตอร์ไซค์ ไปทำงานก็ขับรถมอเตอร์ไซค์ไปกับภรรยา เหตุผลที่ซื้อเนื่องจาก แม่แก่ชรามากและมีโรคประจำตัวต้องไปรพ.ทุกสัปดาห์ ทุกครั้งที่ไปหาหมอจะต้องคอยขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปเรียกรถแท็กซี่ ซึ่งค่อนข้างลำบาก จึงคุยกับภรรยาตัดสินใจซื้อรถยนต์ แต่ก็ต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ขอถามว่า ที่โชว์รูมอ้างว่ามีพนักงานในโชว์รูมทุจริตนั้น เกี่ยวอะไรกับการส่งมอบรถ ในเมื่อโอนเงินไปจ่ายค่าซื้อรถยนต์ ที่บัญชีของโชว์รูมซึ่งเป็นบัญชีบริษัทอย่างถูกต้องทุกอย่าง เมื่อบริษัทรับเงินไปแล้ว ก็ต้องส่งมอบรถให้ตามกำหนด ส่วนเรื่องที่มีพนักงานของโชว์รูมทุจริต เป็นปัญหาภายในของโชว์รูม ก็ต้องไปเครียร์กันเอง มันไม่เกี่ยวกับลูกค้า โดยทางพี่เอกภพ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เตรียมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าเจรจาให้ความช่วยเหลือแล้ว สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) […]

5 ต.ค.65 นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า การระบาดของโรคโควิด-19 กว่า 2 ปีที่มียอดผู้ป่วยเป็นจำนวนมากในช่วงปี 2564-2565 มีผู้ป่วยถึงปีละ 2 ล้านคน ทำให้มียอดจ่ายเคลมสินไหมประกันโควิดสูงถึง 160,000 ล้านบาท โดยเฉพาะประกันโควิด “เจอจ่ายจบ” มียอดเคลมมากสุด และยังมียอดตกค้างอีก 70,000 ล้านบาท ซึ่งกองทุนประกันวินาศภัยต้องหาเงินมาจ่ายชดเชย จากบริษัทประกัน 4 แห่งที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ได้แก่ บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท เดอะ วัน ประกันภัย จำกัด(มหาชน) บริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน) ส่วนอีก 1 บริษัท อยู่ระหว่างขอยื่นแผนฟื้นฟูกิจการ คือบริษัท สินมั่นคง ประกันภัย จำกัด (มหาชน) […]

5 ตุลาคม 2565 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ในกลุ่ม พวกเราคือผู้บริโภค เป็นภาพข้าวกล่องเมนู ปลาทูน้ำพริกกะปิ ซึ่งเธอนั้นซื้อมาจากร้านในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง พร้อมระบุว่า กล่องนี้ราคา 65 บาท จากภาพเมนูข้าวปลาทูน้ำพริกกะปิกล้องดังกล่าว ประกอบไปด้วย ปลาทูซักเล็ก ๆ ไม่ถึงครึ่งตัว มะเขือยาวทอดหั่นแว่น 2 ชิ้น และชะอมทอดไข่ 2 ชิ้นเล็ก ๆ เพียงเท่านั้น ส่วนปริมาณน้ำพริกนั้นให้ใส่ถ้วยมาปริมาณประมาณ 1 ออนซ์ หลังจากภาพนี้ถูกโพสต์ไป มีสมาชิกเข้ามาคอมเมนต์จำนวนมาก ส่วนใหญ่ต่างมองว่าปริมาณที่ได้นั้นน้อยเกินไป แซวว่ามีความมินิมอลสุด ๆ แมวกินยังไม่อิ่ม ที่อื่นถูกกว่าแต่ได้เยอะกว่านี้ แต่บางส่วนมองว่าการขายในราคา 65 บาทอาจยังไม่ถือว่าแพงเกินไป เป็นต้น   ข่าวจาก : kapook

ล่าสุด (5 ต.ค.) กระแสเริ่มจางหายไปแล้ว จนชาวเน็ตนึกว่าจบ แต่กลับไม่จบ เมื่อคุณแม่ของเจ้าของตำแหน่งแชมป์หนูน้อยกล้วยไข่ ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงทางฝั่งตัวเองบ้าง เล่านิทานสอนคนแพ้แล้วพาล ระบุว่า จากการ ที่มีดราม่ากันเกิดขึ้นของน้อง ในการประกวดหนูน้อยกล้วยไข่เมืองกำแพงเพชร2565 มีข่าวต่างๆมากมายในตอนแรกกับคอมเมนส์ต่างๆ กระแสทางต่างลบของน้อง..ทางแม่ของน้องขอใช้พื้นที่นี้ชี้แจงในส่วนของความรู้สึกที่เราก็อยากปกป้องลูกของเราเหมือนกัน #Saveน้องลูกคือความภูมิใจของฉันและฉันรอคอยเขามาทั้งชีวิต 1 เราเคารพในการตัดสินของท่านคณะกรรมการ ซึ่งทางเราขอยืนยันว่าเราไม่รู้จักท่านคณะกรรมการแต่ละท่าน เราไม่ได้เป็นเด็กเส้นหรือรู้จักคนมีชื่อเสียง และเป็นเพียงแม่ขายขนมจีบแป้งสด ซึ่งเป็นร้านรถเข็นริมทาง 2 เรื่องทรงผมทางเรารู้ว่าน้องทำผมไม่เหมือนเด็กคนอื่น ๆ ในการประชุมเรื่องการแต่งกายกฎข้อบังคับคือเสื้อแขนกระบองผ้าซินพื้นเมือง แต่ทรงผมที่ประชุมได้ให้มีการเสนอทรงผม แต่ไม่มีใครพูดอะไรทางผู้จัดการงานก็สรุปเป็นขอความร่วมมือให้..ทำผมทรงฟาร่า..ให้เป็นในทางเดียวกันและในวันงานทุกคนเห็นว่าน้องทำผมเกล้ามา..ทำไมไม่ประท้วงกันตั้งแต่ตอนนั้นหรือแจ้งคณะกรรมการหรือผู้จัดงานให้น้องเดินแล้วตกรอบแรกไปเลย เพราะถ้าเป็นแบบนั้นทางเราก็เต็มใจเพราะรู้อยู่แล้วว่าทำผมมาไม่เหมือนคนอื่น แค่ลูกได้เดินขึ้นเวทีแค่รอบแรกก็ดีใจแล้ว 3 ลูกเราแค่ 5 ขวบไม่เคยเดินสายประกวด ประสบการณ์ก็ไม่มี ไม่เคยเข้าคอร์สการเดินแบบหรือการปรับบุคคลิกภาพ เพราะเราไม่ได้ตั้งใจมาสายนี้ แต่ที่มาประกวดก็แค่หาประสบการณ์ สร้างความกล้าแสดงออก มีไหวพริบในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหา การควบคุมอารมณ์เด็ก 5 ขวบ ทำได้ขนาดนี้ในความคิดเราน้องเก่งมาก เหนื่อยก็อดทน ไม่เคยบ่น แต่ลูกเราก็สู้มาถึงรอบสุดท้าย..คุณคงมั่นใจว่าลูกเราคงไม่ได้ที่ 1 เพราะคุณลงทุนไปเยอะ แต่ผลตอบรับกลับไม่เป็นไปตามคาด..พาลค่ะพาล 4 เราไม่เคยคาดหวังว่าลูกเราต้องได้ที่ 1 แค่เข้ารอบ 5 […]

5 ตุลาคม 2565 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง เล่าเรื่องราวการสั่งเบเกอรี่จากร้าน โดยให้ทางร้านใช้บริการเดลิเวอรี่ส่งของมาถึงที่บ้าน โดยทางแม่ค้า ส่งขนมมาตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน ที่่ผ่านมา แต่คนรับของกลับได้รับวันที่ 2 ตุลาคม ห่างกันเป็น 10 วัน เมื่อดูสภาพขนมและกล่อง หน้าตาไม่เหลือร่องรอยเดิม มีอยู่ 1 กล่องหน้ากล่องขึ้นรา เมื่อติดต่อแม่ค้า แม่ค้าบอกให้ไปเคลมกับทางขนส่ง ซึ่งทางเจ้าของโพสต์ยืนยันว่า เธอไม่ได้ต่อว่าแม่ค้าในเรื่องนี้เลย เป็นสิ่งเข้าใจได้ เพราะคนช้าคือขนส่ง อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตบางคนกลับมองต่าง บางคนก็ตำหนิขนส่งที่ดองของ แต่บางคนก็มองว่า ถึงทางร้านไม่ผิด แต่ถ้ายอมเคลมของให้ก็ถือว่าใจ ๆ สร้างความเชื่อใจแก่ลูกค้าได้ หลังจากนั้นตัวเองจะเป็นคนไปเคลียร์กับขนส่งด้วยอีกทาง   ข่าวจาก : kapook

จากสมาชิกเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้แชร์ภาพจากบริเวณที่จอดรถของสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งพบว่า รถสปอร์ตหรูคันหนึ่งจอดอยู่ในที่จอดรถคนพิการ และถูกนำป้ายมาติดบริเวณหน้ากระจกรถ ข้อความว่า “ที่จอดรถเฉพาะผู้พิการและผู้สูงอายุ จากการตรวจสอบจากกล้อง CCTV คุณไม่ใช่ผู้พิการและผู้สูงอายุ” พร้อมเบอร์ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ เนื่องจากมีมาตรการล็อกล้อรถคันดังกล่าวด้วย นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด มหาชน (ทอท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีรถฝ่าฝืนกฎ เข้าไปจอดที่คนพิการอยู่ตลอดเวลา เฉลี่ยวันละ 2-3 คัน ซึ่งเดิมท่าอากาศยานจะใช้มาตรการล็อกล้อ และให้ไปจ่ายค่าปรับที่สถานีตำรวจภูธรสุวรรณภูมิ แต่พบว่า ค่าปรับ 1,000 บาท ไม่กระทบกระเทือนกับผู้ที่ละเมิดเท่าใดนัก และยังคงนำรถมาจอดอยู่เสมอ ทำให้มีการเพิ่มมาตรการทางสังคม ด้วยการนำป้ายมาติดบริเวณหน้ารถ เพื่อให้รับทราบว่า การกระทำดังกล่าวละเมิดสิทธิผู้พิการและไม่ถูกต้อง ไม่ควรมีใครถูกละเมิดสิทธิ ซึ่งมาตรการดังกล่าวเพิ่งเริ่มใช้ในสัปดาห์นี้ สำหรับรถคันดังกล่าวที่เป็นกระแสอยู่ในขณะนี้พบว่า เป็นหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ได้นำรถมาจอดที่จอดรถคนพิการ ก่อนที่จะเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดแล้ว ไม่ได้เป็นคนพิการ และไม่ใช่คนสูงอายุ ตามที่กำหนดไว้ ว่า มีสิทธิจะจอดรถในช่องดังกล่าวได้   ข่าวจาก : ข่าวสด

ผลการศึกษา ที่ได้จากการวิเคราะห์นิสัยการกินและประวัติสุขภาพชาวอิหร่าน ราว 2,500 คน แยกเป็นกลุ่มสุขภาพดี 1,168 คน เป็นโรคเลือดเลือดหัวใจ 1,369 คน โดยให้แต่ละคนตอบแบบสอบถามความถี่ในการรับประทานธัญพืชขัดสี เช่น ข้าวขาว กับโฮลเกรน หรือธัญพืชเต็มเมล็ด ไม่ผ่านหรือผ่านการขัดสีน้อยมาก นักวิจัยพบว่า การกินธัญพืชขัดสีปริมาณสูง มีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจสูงขึ้น ตรงกันข้าม กินโฮลเกรน ความเสี่ยงลดลง ธัญพืชขัดสี คือธัญพืชที่ผ่านกรรมกรรมวิธีเปลี่ยนเป็นแป้งหรืออาหาร ทำให้มีเนื้อสัมผัสละเอียดขึ้น และยืดอายุเก็บได้นาน แต่เป็นการกำจัดสารโภชนาการสำคัญออกไป ขณะที่ โฮลเกรน เช่น ข้าวโอ๊ตกล้อง ขนมปังโฮลวีต ยังมีสารอาหารอยู่เต็มเมล็ด ดร.โมฮัมหมัด อามิน คาจาวี กาสคาไร หัวหน้าทีมวิจัย จากศูนย์วิจัยหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์อิสฟาฮาน กล่าวว่า การบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยธัญพืชขัดสีปริมาณสูง เหมือนกับการบริโภคอาหารอุดมไปด้วยน้ำตาลและน้ำมันปริมาณสูง เหตุที่ผู้คนบริโภคธัญพืชขัดสี มากกว่าโฮลเกรนนั้น มีหลายปัจจัยประกอบกัน ปัจจัยสำคัญที่สุดส่วนหนึ่งได้แก่ รายได้ เศรษฐกิจ งาน การศึกษา วัฒนธรรม แต่เมื่อมีผลศึกษามากขึ้นเรื่อย ๆ […]

3 ตุลาคม 2565 เว็บไซต์ชาแนลนิวส์เอเชีย มีรายงานกรณีของ โต๊ะอี้หลิน หญิงชาวสิงคโปร์วัย 24 ปี ที่ได้เสียชีวิตจากการเข้ารับการผ่าตัดถอนฟันคุด 4 ซี่ โดยมีการวางยาสลบ หลังเผชิญภาวะไข้สูงอย่างรุนแรงที่เกิดจากการตอบสนองต่อยาสลบที่มากผิดปกติ หรือ Malignant hyperthermia โดยพบว่าเธอมีไข้ขึ้นสูงถึง 42 องศาเซลเซียส และหัวใจเต้นเร็ว ก่อนจะเสียชีวิตใน 3 ชั่วโมงหลังการผ่าตัด ข้อมูลจากเอกสารของศาล พบว่า โต๊ะอี้หลินมาพบทันตแพทย์ที่ศูนย์ทันตกรรมแห่งชาติสิงคโปร์ (NDCS) ในวันที่ 23 เมษายน 2562 เนื่องจากมีอาการปวดร้าวอย่างรุนแรงที่บริเวณด้านขวาของปาก ทั้งบนและล่าง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นอาการปวดที่สืบเนื่องมาจากฟันคุด นอกจากฟันคุดจุดที่ทำให้เกิดการปวดแล้ว เธอยังมีฟันคุดอีก 3 ซี่ที่ถูกประเมินว่าอาจจะทำให้มีความปวด บวม หรือติดเชื้อมากขึ้น ดังนั้นหลังปรึกษากับทันตแพทย์ เธอจึงเลือกจะเข้ารับการผ่าตัดแบบมีการดมยาสลบ เพื่อถอนฟันคุดทั้ง 4 ซี่ออกพร้อมกัน รายงานระบุว่า โต๊ะอี้หลินไม่มีประวัติแพ้ยา และก่อนหน้านี้ก็เคยรับการผ่าตัดด้วยวิธีดมยาสลบมาแล้วถึง 2 ครั้ง จากนั้นในวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 […]