บทความทั่วไป

Advertisement เว็บไซต์ odditycentral รายงานว่า ศาลในประเทศสเปนเพิ่งมีคำตัดสินให้นักธุรกิจชายจากเมืองมาลากาจ่ายเงินแก่อดีตภรรยาจำนวน 204,000 ยูโร (ราว 7.5 ล้านบาท) เพื่อชดเชยสำหรับการทำงานบ้านที่ไม่ได้รับการจ่ายค่าจ้างตลอดช่วงเวลา 25 ปีที่ทั้งคู่แต่งงานกัน Advertisement ตามรายงานเผยว่าทั้งคู่แต่งงานกันในเดือนมิถุนายน ปี 1995 ขณะอายุ 20 ปี และเซ็นสัญญาแยกทรัพย์สินในเดือนถัดมา ระบุว่าคู่สมรสแต่ละคนยังคงเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างการแต่งงานแต่เพียงผู้เดียว สิ่งนี้กลายเป็นประโยชน์สามีซึ่งเริ่มต้นทำธุรกิจหลายอย่าง ในขณะที่ภรรยาดูแลลูกสาวสองคนและทำงานบ้านทั้งหมด ทนายความของฝ่ายภรรยากล่าวว่า “เธอเป็นเงาของเขา คอยทำงานอยู่เบื้องหลังเพื่อให้เขาเติบโตและกลายเป็นบางสิ่ง เธอใช้เวลาทั้งหมดจดจ่ออยู่กับครอบครัว เพื่อให้สามีมุ่งความสนใจไปที่ธุรกิจของเขา เธอจึงอยู่กับสาวๆ เธอเป็นคนอยู่กับเด็ก ๆ และพวกเขาก็ไม่เคยจ้างคนนอกมาช่วยเลย” Advertisement ครอบครัวต้องย้ายที่อยู่ไปตามเขตเทศบาลต่าง ๆ รอบเมืองมาลากา ตามความต้องการของสามี จนกระทั่งเขาปฏิเสธไม่ยอมจ่ายค่าเล่าเรียนระดับอุดมศึกษาให้ลูกสาววัย 16 ปี สถานการณ์จึงบีบบังคับให้ภรรยาออกไปทำงานเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเทอมให้ลูกเอง ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจฟ้องหย่าในปี 2020 แต่เนื่องจากทั้งคู่เซ็นสัญญาแยกทรัพย์สินกันไว้แล้ว ทำให้อดีตสามียังคงเป็นเจ้าของทรัพย์สินมีค่าส่วนใหญ่ ในขณะที่เธอได้รับสิทธิครึ่งหนึ่งในบ้านที่เป็นเจ้าของร่วมกันเท่านั้น หลังจากการฟ้องร้องเป็นเวลา 2 ปี ในที่สุดผู้พิพากษาก็ตัดสินให้อดีตภรรยาได้รับเงินชดเชยจำนวน 204,000 ยูโร (ประมาณ 7.5 […]

โก๊ะตี๋ อารามบอย มาออกรายการแฉ เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2566 เล่าถึงการแบกภาระดูแลคนในบ้านทุกคน ใครมีปัญหาก็ต้องมาหา โก๊ะตี๋ ยอมรับว่า ไม่ใช่พระเจ้าที่จะเนรมิตให้ทุกคนมีความสุขได้ ทุกคนต้องมีช่วงที่ดูแลตัวเองได้ โดยเฉพาะพี่ชายเคยสร้างหนี้ให้ก้อนสุดท้าย เลยบอกพอแล้ว ก้อนหนึ่ง 4.5 แสน อีกก้อน 6 แสน ก้อนสุดท้ายแล้วนะ จากข้าวมันไก่ ก็ทำให้พี่ชาย สุดท้ายเป็นหนี้ ขายข้าวมันไก่ ขายดี ลูกค้าเยอะ ได้เงินเยอะอยากปล่อยเงินกู้ ไปซื้ออะไรก็เซ็นไว้ ไปเอาไก่ น้ำอัดลม ไอ้โน่นไอ้นี่ มีเครดิตชื่อโก๊ะตี๋ สุดท้ายเก็บเงินกู้ไม่ได้หายเกลี้ยง 2 รอบ 4.5 แสน กับ 6 แสน ถามว่าข้าวมันไก่ขายดีมากแต่ไม่เหลือเงินเลย โก๊ะตี๋ บอกว่า ข้าวมันไก่ดังมาก ที่อาร์ซีเอ กำไรสูงสุดคือ 8 แสนต่อเดือน ทาวน์อินทาวน์ก็มี แต่อาร์ซีเอสูงสุด เงินเราก็ไม่ได้เอาเอง เงินเดือนออกมาไอ้นี่ได้ไป 6 […]

ช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @Nadia_Nazir จากมาเลเซียได้แบ่งปันเรื่องราวอันน่าสนใจ เรียกอารมณ์จากชาวเน็ตได้หลากหลาย หลังจากพ่อของเธอต้องจำใจนำ “ปลาคาร์พ” ที่เลี้ยงไว้มาทำอาหาร สาวเจ้าของโพสต์เล่าว่า ที่บ้านได้เกิดไฟดับ ทำให้ที่ปั๊มลมบ่อปลาต้องหยุดทำงานชั่วคราว ส่งผลให้ปลาคาร์พที่พ่อเลี้ยงไว้ตายไป 2 ตัว จากนั้นไม่นานพ่อก็ส่งรูปมาให้เธอดู ทำเอาเธอถึงกับกุมขมับ เพราะมันคือรูป “ปลาคาร์พทอด!” เธอเล่าต่อว่า แม่ของเธอไม่อยากขอดเกล็ดและล้างปลาเอง เพราะท่านไม่ค่อยสบายใจ พ่อเลยต้องเป็นคนลงมือทำ แต่ทั้งนี้แม่ก็ช่วยพ่อทอดปลาและกินมันอย่างเอร็ดอร่อย เธอจึงรู้สึกประหลาดใจกับพวกท่านนิดหน่อย “ที่ฉันงงคือ แม่ไม่อยากจัดการปลาเองเพราะแม่รู้สึกไม่ดี แต่แม่ก็ทอดและกินมันได้ แม่บอกว่าเนื้อปลามันหวาน มีก้างเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วถือว่าดี” หลังจากโพสต์ทวิตเตอร์เป็นไวรัล กระแสตอบรับจากชาวเน็ตมีหลากหลาย ส่วนใหญ่รับไม่ได้กับการนำปลาคาร์พที่เคยเลี้ยงไว้มาทำอาหาร แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ครอบครัวเธอเพียงครอบครัวเดียวที่ต้องจำใจนำมันมาทอด มีชาวเน็ตร่วมแชร์ประสบการณ์มากมาย “เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ปลาคาร์พที่แม่เลี้ยงไว้ได้ตายไป แม่ทำใจจัดการและกินมันไม่ได้ ดังนั้นฉันเลยต้องทำเอง ส่วนแม่ก็มองดูพวกเรากินมัน”   ข่าวจาก : ข่าวสด

เฟซบุ๊ก แม่ น้องเฟรมน้องกาฟิว ได้โพสต์ภาพเด็กชายชั้น ป 5 ซึ่งเพิ่งตั้งร้านขายน้ำ ขายน้ำชง น้ำปั่นทั่วไป เพื่อหารายได้เพิ่มในช่วงปิดเทอม โดยระบุข้อความว่า “ต้องขอโทษลูกค้าจากใจนะจ้าลูกชายหัดทํารสชาติไม่ได้เรื่องต้องขอโทษจริงๆ จ้าเรายินดีคืนเงินแล้วจะปรับปรุงให้ดีที่สุดจ้า เด็กมันอยากขายช่วงปิดเทอม” ทั้งนี้พบว่า ลูกค้าได้เดินทางมาซื้อน้ำไป 3 แก้ว ก่อนจะลงโซเชียลต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรงว่า “แพงก็แพง แถมรสชาติก็ไม่ได้เรื่องอีก เหมือนกินน้ำเปล่า เสียดายเงิน แก้วตั้ง 40 ร้านอื่น 25/30 อร่อยมาก” โดยแม่เด็กเห็นว่าเป็นลูกค้าประจำ และตอนซื้อก็ไม่ได้พูดอะไรแต่กลับไปต่อว่าทีหลัง จึงพยายามเอาเงินไปคืนให้ แต่ลูกค้าไม่ยอมรับ ส่วนลูกชายนั้นเพิ่งหัดขายได้ 3-4 วัน เพราะอยากมีอาชีพ อยากมีรายได้ไปซื้อโทรศัพท์ ต้องการช่วยแม่ ท่ามกลางชาวเน็ตที่เข้ามาให้กำลังใจในความพยามยามและความตั้งใจของน้องในครั้งนี้   ข่าวจาก : ข่าวสด

8 มี.ค.2566 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจร้านค้าเครื่องแบบนักเรียนตามแนวถนนพระสุเมรุ ย่านบางลำพู เขตพระนคร กรุงเทพ หลังมีกระแสชาวจีนที่นิยมซื้อชุดนักเรียนไปสวมใส่ตามดารานักแสดงชาวจีนที่โพสต์ภาพในโซเชียลมีเดียต่างๆ ทางเจ้าของร้านเผยว่าผู้หญิงชาวจีนชอบซื้อชุดนักเรียนแบบคอบัว น.ส.ชลมาศ แสงนาคฤทธิ์ อายุ 16 ปี พนักงานพาร์ทไทม์ร้านเครื่องแบบนักเรียนท็อปสัน กล่าวว่า ที่ผ่านมามักจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาซื้อชุดนักเรียนกับที่ร้านตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมา วันละเกือบ 10 ราย โดยจะมาช่วงบ่ายถึงเย็น ทั้งนี้นักท่องเที่ยวจากแดนมังกร จะเปิดรูปดาราจีนที่ใส่ชุดนักเรียนให้ดู แต่จะซื้อกันเพียงคนละตัว มีบางรายซื้อไปฝากเพื่อน ส่วนมากจะซื้อไปใส่เที่ยวกัน หากเป็นผู้หญิงจะซื้อชุดแบบคอบัว ผู้ชายจะซื้อชุดนักเรียนม.ต้นกับม.ปลาย โดยจะซื้อไปใส่คู่กับแฟน ส่วนตัวมองว่าน่ารักดี แต่รู้สึกเฉยๆ เกี่ยวกับเรื่องความเหมาะสม สำหรับภาพรวมของลูกค้าคนไทยนั้น ขณะนี้ถือว่าขายได้น้อยเพราะว่าเป็นช่วงปิดเทอม ด้านนายวรวิทย์ ศิริวนิชสุนทร อายุ 56 ปี เจ้าของร้านเครื่องแบบนักเรียนตราสมอ บางลำพู กล่าวว่า ตนเปิดร้านมา 30 กว่าปีแล้ว สำหรับร้านตนจะมีลูกค้าต่างชาติน้อย ที่ผ่านมามีเพียง 4 คน นานๆ ทีจึงจะมีลูกค้าคนจีน ประมาณอาทิตย์หนึ่งบ้าง 10 วันก็มาที โดยจะมาซื้อกันเป็นกระแสเพียงช่วงหนึ่งเหมือนปีก่อนที่แห่กันมาซื้อชุดลูกเสือ แล้วค่อยๆ […]

เรื่องราวตลกปนเศร้าเป็นของหญิงสาวคนหนึ่งจากเมืองอู่โจว เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ของจีน เธอได้รับการ์ดงานแต่งงานกว่า 21 ใบ แต่ละใบมาจากกสมาชิกในครอบครัว เพื่อนและเพื่อนร่วมงาน ที่สำคัญงานจัดในเวลาไล่เลี่ยกัน นั่นหมายความว่า ภายในหนึ่งวันเธอต้องเดินสายไปงานแต่งเฉลี่ย 2 ถึง 3 งาน นอกจากนี้ เรื่องเงินก็เป็นปัจจัยสำคัญ เธออธิบายว่า สำหรับงานแต่งเพื่อนและคนที่สนิทกันในระดับปกติ เธอจะใส่ซอง 300 ถึง 500 หยวน (ราว 1,500 ถึง 2,500 บาท) แต่สำหรับเพื่อนสนิทหรือคนที่รู้จักกันมาก ๆ เธอจะใส่ซองขั้นต่ำ 800 หยวน (ราว 4,000 บาท) ยังไม่รวมค่าเสื้อผ้า ค่าแต่งหน้าและอื่น ๆ สำหรับตัวเธอนั้นเป็นเพียงพนักงานออฟฟิศทั่วไป มีเงินเดือนอยู่ที่ 8,000 หยวน (ราว 40,000 บาท) ถือเป็นรายได้ปกติ เธอพยายามประหยัดเพื่อให้ค่าใช้จ่ายเพียงพอและมีเงินอดออม เมื่อเธอลองคำนวณ การที่เธอได้รับเชิญไปงานแต่งหลายครั้ง นับรวม ๆ แล้ว เธอเสียเงินไปประมาณ […]

จากเหตุการณ์ต้นเรื่องที่เป็นคลิปไวรัลบนโลกโซเชียลฯ มีกลุ่มวัยรุ่นในญี่ปุ่นทำพฤติกรรมไม่ถูกสุขอนามัยอย่างร้ายแรงด้วยการเลียขวดโชยุ รวมถึงป้ายน้ำลายไว้ที่ซูชิที่วิ่งไปตามสายพาน ในร้านอาหารญี่ปุ่นจนพฤติกรรมนี้ถูกเรียกว่า “Sushi Terrorism” หรือ อาชญากรรมซูชิ เรื่องนี้ทำให้ร้านซูชิ พากันหาวิธีป้องกันพฤติกรรมไร้ความรับผิดชอบของลูกค้าและเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา เพราะกลายเป็นวิกฤติหนักหน่วง สำหรับอุตสาหกรรมอาหาร โดยทางร้านซูชิแห่งนึง แก้เกมให้ “ลูกค้า” กลับมาเชื่อมั่นใน ‘ซูชิสายพาน’ อีกครั้ง ผุดไอเดียติดตั้งกล้องวงจรปิด รวมทั้งระบบ AI ที่วิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า ผสานกับทีมงานที่คอยนั่งตรวจผ่านกล้อง ไม่เพียงแค่นั้น บางร้านพยายามจะเพิ่มความสะอาดด้วยการใช้ฝาพลาสติกใสเพื่อสร้างความมั่นใจ อีกทั้งทางร้านซูชิ ยังอัพเกรดระบบของตัวเอง ให้คอยสอดส่องพฤติกรรมของลูกค้า เช่น เปิดฝาแต่วางกลับเข้าไปที่สายพานอีกครั้ง และถ้าหากว่าลูกค้าทำอย่างนั้นจริงๆ ระบบ AI จะ “แจ้งเตือน” ไปที่ศูนย์กลางของแต่ละภูมิภาค ซึ่งพนักงานที่มีหน้าที่ดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะอีกด้วย แต่เมื่อเกิดเหตุวัยรุ่นเล่นพิเรนท์ และคำนึงพบกระทบที่เกิดขึ้น ล่าสุดร้านซูชิใหญ่ชื่อดังในญี่ปุ่น จึงได้ยกเลิกการหยิบอาหารที่วิ่งไปบนสายพานซูชิ และเปลี่ยนมาเสิร์ฟอาหารตามออเดอร์ที่ลูกค้าสั่งแทน โดยลูกค้าสามารถสั่งกับพนักงาน หรือจากจอสั่งอาหารที่ติดอยู่ตามโต๊ะก็ได้ เพื่อป้องกันพฤติกรรมไร้ความรับผิดชอบของลูกค้าซ้ำรอย และเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนอีกครั้ง   ข่าวจาก : ข่าวสด

8 มี.ค.66 สมาชิก TikTok @namwan.2424 ซึ่งเป็นครูสาวท่านหนึ่งที่ จ.มุกดาหาร โพสต์ภาพเหตุการณ์ไปตามนักเรียนชายคนหนึ่ง ที่ไม่ยอมไปโรงเรียนตั้งแต่ก่อนปีใหม่ กระทั่งช่วงกลางเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา จึงไปที่บ้าน เมื่อไปถึงเห็นแล้วทำเอาจุกอก โดยครูบอกว่า นักเรียนหายเงียบไปไม่มาโรงเรียนตั้งแต่ก่อนปีใหม่ซึ่งปกติน้องไม่ค่อยมาเรียนตั้งแต่ ป.1 แล้ วแต่นี่มันนานเกินไปเราและพี่ที่เป็นครูที่ปรึกษาเลยคุยกันว่าเราไปตามเด็กกันมั้ย ไปดูว่าเป็นอะไรทำไมหายไปนานนาดนี้เลยพากันไปหาน้อง แต่พอไปถึงสิ่งที่เจอน้องนั่งพิงเสาบ้านหลับพอครูเรียกน้องสะดุ้งตื่นและหันมา ครูเจอหน้าเด็กแล้วร้องไห้เลยเด็กน่าสงสารมากๆ น้องอาศัยอยู่กับพ่อและแม่ (สติไม่ดี) และน้องชายพี่ชายและตัวเด็ก พ่อและพี่ชายทำงานสองคนแบกปุ๋ยที่ตลาด หลังจากคุยกับเด็กสักพักเห็นแม่เดินมาพร้อมกับถุงส้มตำเล็กๆ และข้าวเท่ากำปั้นถือมาแล้วถามลูกคนเล็กว่ากินข้าวรึยัง (แต่แม่ไม่คุยกับครูนะคะตามที่บอกไปแม่สติไม่ดีพูดไม่รู้เรื่องเลย) ซึ่งเห็นแบบนี้แล้วน้ำตาก็ไหลไม่หยุด ซึ่งน้องเป็นเด็กที่่น่ารักไม่ดื้อไม่ซน เลยคุยกับน้องสรุปได้ว่าเหยียบตะปูปวดเท้าเลยไม่ไปโรงเรียน ครูจะหาทางช่วยหนูนะลูกอย่างน้อยก็ไม่ต้องลำบากเท่านี้ เรื่องเล็กๆ ของเด็กอ้วนของครู เราจะสู้ไปด้วยกันนะลูก จากนั้นวันที่ 24 ม.ค.ครูก็โพสต์อีกว่า นักเรียนคนดังกล่าวกลับมาเรียนแล้ว จึงเรียกมานั่งคุย พร้อมพูดคุยให้กำลังใจ ซึ่งหลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ไป ก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก พร้อมทั้งยังรู้สึกสงสารน้องคนนี้เป็นอย่างมาก รวมทั้งมีคนอยากจะช่วยเหลือด้วย @namwan.2424 นักเรียนหายเงียบไปไม่มาโรงเรียนตั้งแต่ก่อนปีใหม่ซึ่งปกติน้องไม่ค่อยมาเรียนตั้งแต่ป.1แล้วแต่นี่มันนานเกินไปเราและพี่ที่เป็นครูที่ปรึกษาเลยคุยกันว่าเราไปตามเด็กกันมั้ยไปดูว่าเป็นอะไรทำไมหายไปนานนาดนี้เลยพากันไปหาน้อง….แต่พอไปถึงสิ่งที่เจอน้องนั่งพิงเสาบ้านหลับพอครูเรียกน้องสะดุ้งตื่นและหันมา..ครูเจอหน้าเด็กแล้ร้องไห้เลยเด็กน่าสงสารมากๆ น้องอาศัยอยู่กับพ่อและแม่(สติไม่ดี)และน้องชายพี่ชายและตัวเด็ก พ่อและพี่ชายทำงานสองคนแบกปุ๋ยที่ตลาดหลังจากคุยกับเด็กสักพักเห็นแม่เดินมาพร้อมกับถุงส้มตำเล็กๆและข้าวเท่ากำปั้นถือมาแล้วถามลูกคนเล็กว่ากินข้าวรึยัง(แต่แม่ไม่คุยกับครูนะคะตามที่บอกไปแม่สติไม่ดีพูดไม่รู้เรื่องเลย)ซึ่งเห็นแบบนี้แล้วน้ำตาก็ไหลไม่หยุด ซึีงน้องเป็นเด็กที่่น่ารักไม่ดื้อไม่ซน เลนคุยกับน้องสรุปได้ว่าเหยียบตะปูปวดเท้าเลยไม่ไปโรงเรียน ครูจะหาทางช่วยหนูนะลูกอย่างน้อยก็ไม่ต้องลำบากเท่านี้ เรื่องเล็กๆของเด็กอ้วนของครู❤️เราจะสู้ไปด้วยกันนะลูก ♬ เสียงต้นฉบับ […]

8 มีนาคม ที่สำนักงานสรรพากรจังหวัดสุพรรณบุรี กลุ่มชาวบ้านหนองควาย ต.ห้วยขมิ้น อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี 18 ราย เดินทางนำเอกสารเข้าชี้แจง ภายหลังไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.ด่านช้าง ว่ามีขบวนการหลอกลวงชาวบ้านขอนำบัตรประชาชนไปขอคืนภาษีอย่างถูกกฎหมาย ทำให้ชาวบ้านหลงเชื่อก่อนถูกสวมสิทธินำไปจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการ และต้องเสียภาษีเงินได้ให้กรมสรรพากร ส่งผลให้ชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวไม่สามารถลงทะเบียนทำบัตรประชารัฐได้ จากการสอบถาม ชาวบ้านรายหนึ่งเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้มีคนต่างหมู่บ้านชื่อ น.ส.สาวีตรี (สงวนนามสกุล) มาชักชวนคนในหมู่บ้าน โดยอ้างว่าสรรพากรจะคืนเงินภาษีจากสิ่งที่ชาวบ้านซื้อสินค้าต่างๆ โดยรวบรวมบัตรประชาชนชาวบ้านเพื่อนำไปขอภาษีคืน กระทั่งวันที่ 10 มีนาคม 2565 มีเงินเข้าบัญชีผู้แจ้งทั้ง 18 ราย รายละประมาณ 5,500 บาท แต่ต้องจ่ายให้ น.ส.สาวิตรี เป็นค่าดำเนินการรายละ 2,500 บาท ต่อมาผู้แจ้งทำบัตรประชารัฐ (บัตรคนจน) ไม่ผ่าน จึงตรวจสอบและทราบว่าเนื่องจากทั้ง 18 ราย มีชื่อติดอยู่ในสรรพากรที่ต้องเสียภาษีเงินได้ และเป็นผู้ประกอบการ ทั้งที่แต่ละคนมีอาชีพหาเช้ากินค่ำ มีรายได้ไม่ถึงแสนบาทต่อปี และไม่ได้จดทะเบียนผู้ประกอบการบริษัท นายธีรวัฒน์ (ขอสงวนนามสกุล) ชาวบ้าน ต.ห้วยขมิ้น อ.ด่านช้าง […]

8 มีนาคม ที่ จ.ตราด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านหลังหนึ่งใน ต.หนองบอน เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับ น.ส.ลูกตาล (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี ผู้ถ่ายคลิปวิดีโอเหตุการณ์สองวัยรุ่นอายุ 16 ปี ถูกไฟไหม้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงพบกับนายกิตติพงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 16 ปี เพื่อนผู้บาดเจ็บ นายกิตติพงษ์เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ นายณัฐพงษ์ อายุ 16 ปี และนายวันชัย อายุ 16 ปี ขี่รถจักรยานยนต์ไปซื้อน้ำมันจากปั๊มแห่งหนึ่ง โดยใช้ถุงพลาสติกร้อนเป็นภาชนะในการใส่น้ำมัน เมื่อทั้ง 2 คนขี่รถมาถึงจุดที่ตนและเพื่อนกำลังนั่งเล่นกันอยู่ นายณัฐพงษ์ขอไฟแช็กมาจุดบุหรี่ให้นายวันชัย เมื่อจุดได้แล้วปรากฏว่า นายณัฐพงษ์เหวี่ยงถุงน้ำมันเล่นกับนายวันชัยที่กำลังสูบบุหรี่อยู่ ตนและเพื่อนคนอื่นๆ พยายามเตือนว่าอย่าเล่นเดี๋ยวน้ำมันจะติดไฟ แต่ก็ไม่ฟัง เหวี่ยงเข้าหาบุหรี่อีก จนทำให้น้ำมันในถุงระเบิดไฟลุกท่วมตัวทั้ง 2 คน ก่อนจะวิ่งไปคลุกกับพื้นทรายและวิ่งเข้าบ้านชาวบ้าน ซึ่งตอนนั้นตนตกใจทำอะไรไม่ถูก ด้าน น.ส.ลูกตาลกล่าวว่า หลังจากที่ตนได้ยินเสียงดังจากหน้าบ้าน ก็พบว่าน้องทั้ง 2 คน […]