อิรักผ่านกฎหมายต่อต้าน LGBTQ โทษจำคุกสูงสุด 15 ปี

Advertisement 27 เม.ย. รัฐสภาอิรักผ่านกฎหมายลงโทษผู้ที่มีความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันโดยมีโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี ในความเคลื่อนไหวที่รัฐสภาอิรักระบุว่า มีจุดมุ่งหมายเพื่อรักษาคุณค่าทางศาสนา Advertisement เอกสารสำเนากฎหมายระบุว่า กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อ “ปกป้องสังคมอิรักจากความเสื่อมทรามทางศีลธรรมและกระแสการเรียกร้องให้มีพฤติกรรมรักร่วมเพศที่กำลังครอบงำโลก” กฏหมายนี้ได้รับการสนับสนุนจากพรรคมุสลิมนิกายชีอะห์หัวอนุรักษ์ ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐสภาอิรัก “กฎหมายว่าด้วยการต่อต้านการค้าประเวณีและการรักร่วมเพศ” กำหนดให้บุคคลใดที่มีความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน จะต้องโทษจำคุกอย่างน้อย 10 ปีและสูงสุด 15 ปี และต้องโทษจำคุกอย่างน้อย 7 ปีสำหรับใครก็ตามที่ส่งเสริมการรักร่วมเพศหรือการค้าประเวณี กฎหมายยังกำหนดให้การเปลี่ยนแปลงเพศทางชีวภาพถือเป็นอาชญากรรม และลงโทษคนข้ามเพศและแพทย์ที่ทำการผ่าตัดเปลี่ยนเพศ โดยมีโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี เดิมร่างกฎหมายดังกล่าวเสนอให้มีโทษประหารชีวิตด้วย แต่ได้รับการแก้ไขก่อนที่จะผ่านการพิจารณา ภายหลังการต่อต้านอย่างรุนแรงจากสหรัฐฯ และชาติยุโรป Advertisement ก่อนหน้านี้ อิรักไม่ได้กำหนดความผิดทางอาญาต่อกิจกรรมทางเพศของคนเพศเดียวกันอย่างชัดเจน แม้ว่าจะมีการใช้มาตราศีลธรรมที่กำหนดไว้อย่างหลวม ๆ ในประมวลกฎหมายอาญาเพื่อกำหนดเป้าหมายกลุ่ม LGBTQ และเคยเกิดกรณีที่ชาว LGBTQ ถูกกลุ่มสังหารเช่นกัน ราชา ยูเนส รองผู้อำนวยการฝ่ายสิทธิ LGBTQ ขององค์กรฮิวแมนไรต์สวอตช์ กล่าวว่า “การที่รัฐสภาอิรักผ่านกฎหมายต่อต้าน LGBT ถือเป็นการตอกย้ำประวัติการละเมิดสิทธิของกลุ่ม LGBTQ ที่น่าตกใจของอิรัก และส่งผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน” […]

‘ธนกร’ แนะ หยุดชี้นำ ชวนสมัคร ส.ว. อยากได้ส.ว.เป็นปชต.อย่าเคลื่อนไหว

28 เมษายน นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกประกาศเตือนไปถึงกลุ่มบุคคลและตัวแทนองค์กรที่จัดแคมเปญให้มีการจูงใจ หรือชี้ชวน รวบรวมบุคคลจากหลากหลายอาชีพ รวม 20 กลุ่ม ให้เป็นผู้เสนอตัวสมัครเข้ารับการเลือกให้เป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ โดยมีผู้ที่ประสงค์จะสมัครเข้ารับการเลือกเป็น ส.ว.จำนวนมากได้กรอกข้อมูลส่วนตัว จุดยืน วิสัยทัศน์ ลงในเว็บไซต์เพื่อให้ผู้จัดแคมเปญรวบรวมข้อมูลนั้น อาจเข้าข่ายเป็นการจัดตั้งบุคคลให้มาเป็นผู้สมัครรับเลือก ส.ว. อาจเข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมาย นายธนกรกล่าวว่า หาก กกต.มีเหตุสงสัยว่าการเลือกไม่ได้เป็นไปโดยสุจริต มีอำนาจสั่งระงับ ยับยั้ง แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกการเลือกและสั่งให้ดำเนินการเลือกใหม่ หรือนับคะแนนใหม่ได้ทันที หากพบว่าผู้สมัครรับเลือกเป็น ส.ว.ยินยอมให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองผู้ใดช่วยเหลือเพื่อให้ได้รับเลือกต้องถูกระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับ ตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้นด้วย ซึ่งท้ายที่สุดจะทำให้การเลือก ส.ว.มีปัญหาในหลายอำเภอ หลายจังหวัด โดยมองว่าจะมีการร้องเรียนกันไปมาวุ่นวายทั้งประเทศและส่งผลทำให้ได้ ส.ว.ชุดใหม่ล่าช้าออกไป “ขอฝากไปถึงนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า น.ส.พรรณิการ์ […]

โปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 22 สิงหาคม พุทธศักราช 2566 แล้ว และแต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ตามประกาศลงวันที่ 1 กันยายน พุทธศักราช 2566 นั้น บัดนี้ นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า สมควรปรับปรุงรัฐมนตรีบางตำแหน่ง เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี นางสาวสุดาวรรณ […]

แจงแล้ว ข่าวไม่มีวัสดุทำบัตรประชาชน แค่เจ้าหน้าที่กังวลไปเอง

28 เมษายน นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากที่มีการโพสต์ข้อความในสื่อโซเชียลว่างดรับบริการทำบัตรกรณีทำบัตรครั้งแรก เนื่องจากวัสดุมีจำกัด กรุณาติดต่อหลังสงกรานต์ โดยกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ก่อนระยะเวลาตามที่ปรากฏเป็นข่าว กรมการปกครองได้ดำเนินการจัดซื้อบัตรประจำตัวประชาชน (Smart Card) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 จำนวน 8,503,426 บัตร โดยวิธีการประกวดราคาทางอิเล็กทรอนิกส์เสร็จสิ้นตามขั้นตอนแล้ว แต่เนื่องจากก่อนการส่งมอบตามสัญญาจะต้องนำบัตรไปทดสอบเกี่ยวกับมาตรฐานของวัสดุบัตรกับกรมวิทยาศาสตร์บริการ และบริษัทโทรคมนาคม แห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ให้เป็นไปตามข้อกำหนดรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะของงานการจัดซื้อบัตรประจำตัวประชาชนที่ออกด้วยระบบคอมพิวเตอร์ แบบอเนกประสงค์ (Smart Card) ก่อนการส่งมอบบัตรให้แก่กรมการปกครอง ซึ่งการทดสอบเกี่ยวกับมาตรฐานของวัสดุบัตรต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร จึงทำให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานของสำนักทะเบียนบางแห่งเกิดความกังวลว่าจะมีวัสดุบัตรไม่เพียงพอต่อการให้บริการในห้วงดังกล่าว ทั้งนี้ ตามข้อเท็จจริงในห้วงระยะเวลาที่ปรากฏเป็นข่าวสำนักทะเบียนทุกแห่งทั่วประเทศยังคงมีบัตรให้บริการแก่ประชาชนผู้ประสงค์ขอทำบัตร “กรมการปกครองได้ดำเนินการเกี่ยวกับกระบวนการดังกล่าวข้างต้นเสร็จสิ้นและได้รับมอบบัตรตามสัญญา พร้อมทั้งได้ส่งมอบบัตรให้แก่สำนักทะเบียนทุกแห่งทั่วประเทศแล้วตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2567 เป็นต้นมา สำหรับสถิติในการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนทั้งประเทศเฉลี่ยเดือนละ 800,000-900,000 บัตร ซึ่งบัตรที่กรมการปกครองจัดซื้อตามจำนวนดังกล่าวข้างต้นสามารถมีบัตรใช้ได้จนถึงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2568 จึงมีวัสดุบัตรสนับสนุนให้แก่สำนักทะเบียนทุกแห่งทั่วประเทศได้อย่างเพียงพอ” นายคารมกล่าว นายคารมกล่าวว่า ข้อมูลที่โพสต์และแชร์ต่อในขณะนี้เป็นข้อมูลบิดเบือน ขอความร่วมมือประชาชนไม่แชร์ ไม่ส่งต่อข่าวดังกล่าว เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมการปกครอง […]

แก๊งรองเจ้าคณะจังหวัด ล่าสัตว์ป่าภูเขียว พบเส้นทางหนีมุ่งหน้าเหวลึก

27 เม.ย. 2567 ผู้สื่อข่าวยังคงตามติดกรณีเหตุการณ์ พระและโยมเข้าป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จ.ชัยภูมิ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่หน่วยลาดตระเวนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวเข้าตรวจสอบและจับกุม ซึ่งขณะจับกุมได้มีชาวบ้านที่เดินทางมากับพระ เปิดฉากยิงใส่เจ้าหน้าที่เพื่อเปิดทางให้พระส่วนหนึ่งได้หลบหนีโชคดีกระสุนไม่ถูกเจ้าหน้าที่ ล่าสุดวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนเพิ่มเติม พบข้อมูลจากการให้การสารภาพของพระทั้ง 2 รูปที่จับกุมตัวมาก่อนหน้านี้เผยว่าหนึ่งในพระที่หลบหนีเป็นรองเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิจริง รวมถึงสอบถามชื่อของพระและคนที่ติดตามเข้าไปในป่า ก็ได้ข้อมูลเกือบครบถ้วนแล้วด้วย จากกันให้กันเบื้องต้นยังบอกอีกว่ากลุ่มคนที่ติดตามไปด้วยจะมีอาวุธปืนติดตัวไปครบทุกคนอีกด้วย ทางด้านนายวิชานนท์ แสนผาลา หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ทุ่งกระมัง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ กล่าวว่า จากการติดต่อสอบถามประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่ายังไม่สามารถติดต่อพระที่หลบหนีได้ แต่จากข้อมูลในพื้นที่ พบว่าเส้นทางที่ใช้หลบหนีเป็นเส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังหน้าผาหรือเป็นเหวลึก การที่จะหลบหนีไปต่อได้จะต้องมีทักษะการโรยตัว และความชำนาญในพื้นที่เป็นอย่างมาก ซึ่งในขณะนี้ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยลาดตระเวน 20 นายเข้าปิดล้อมตรวจค้นหาบุคคลและพระสงฆ์ที่ยังหลบหนีในบริเวณดังกล่าวแล้ว รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับผู้ที่หลบหนี 7 ราย ประกอบด้วย 1. พระศรีสัจญาณมุนี รองเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ และ ผอ.วิทยาลัยสงฆ์ชัยภูมิ, 2. พระโน๊ต, 3. สามเณรภูมิ,4. นายสุภชัย, 5. นายชยาวัชร์, 6. นายช้วน, 7. นายบุญโฮม   ข่าวจาก : […]

อากาศร้อนจัด เป็ดไล่ทุ่งไม่ออกไข่ คนเลี้ยงเดือดร้อน ต้องขายทิ้งยกฝูง

27 เมษายน 2567 นายเส กล่อมกำเนิด อายุ 63 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งหมู่ที่ 3 ตำบลท่าขมิ้น อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร กล่าวว่า ตนเองได้เลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งจำนวน 1 ฝูง รวม 5,200 ตัว แต่ในปีนี้เกิดสภาพอากาศที่แห้งแล้ง และมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นเกิน 40 องศา บางวัน 41-42 องศา ทำให้อุณหภูมิร้อนจัดติดต่อกันมานานหลายวัน ส่งผลกระทบให้เป็ดไล่ทุ่งที่ตนเองเลี้ยงไว้ไม่ออกไข่เท่าที่ควร หรือออกไข่มาก็ลูกเล็กไม่ได้ขนาดตามที่ตลาดต้องการ เนื่องจากอากาศที่ร้อนจัดทำให้เป็ดไล่ทุ่งไม่ค่อยกินอาหาร นายเสกล่าวอีกว่า ซึ่งตนเองต้องสั่งซื้ออาหารเสริมมาเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งทุกวัน วันละ 4 กระสอบ แต่ราคาอาหารเสริมมีราคาแพงถึงกระสอบละ 530 บาท ทำให้ตนเองต้องเพิ่มต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันจะนำเป็ดไล่ทุ่งไปเลี้ยงตามแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อกินกุ้ง หอย ปู ปลา เหมือนแต่ก่อนไม่มีแล้ว เนื่องจากแหล่งน้ำธรรมชาติก็แห้งขอดเกือบทุกที่ อีกทั้งจะนำเป็ดไล่ทุ่งไปปล่อยเลี้ยงตามแปลงนาข้าวที่เก็บเกี่ยวไปแล้วเหมือนแต่ก่อนก็ทำไม่ได้แล้ว เพราะเกษตรกรไม่ค่อยได้ทำนาปรังกัน อีกทั้งปัญหาการเคลื่อนย้ายฝูงเป็ดต้องได้รับการอนุญาตจากปศุสัตว์จังหวัด ปศุสัตว์อำเภอก่อน แต่ปัจจัยหลักคือแหล่งน้ำไม่เพียงพอ และอากาศที่ร้อนจัด นายเสกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ […]

เพื่อไทยย้ำ นายกฯมีอำนาจเต็มปรับครม.เชื่อได้รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งมากขึ้น

27 เมษายน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ระบุนายกฯปิดจ๊อบโผ ครม.เศรษฐา 2 นิ่ง จัดทัพ เสริมแกร่งรัฐบาลว่า การปรับคณะรัฐมนตรีจะปรับเร็วหรือปรับช้า ปรับเล็กหรือปรับใหญ่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง มีอำนาจเต็มในการปรับคณะรัฐมนตรีชัดเจน นายอนุสรณ์กล่าวว่า เท่าที่ติดตามข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้เชื่อว่าจะเป็นคณะรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สามารถทำงานเป็นทีม ตอบโจทย์กับสถานการณ์ปัญหาปัจจุบันได้มากขึ้น การปรับ ครม.ในสถานการณ์การเมืองแบบพรรคร่วมรัฐบาลไม่ง่าย การที่นายเศรษฐาสามารถดำเนินการได้ขนาดนี้ถือว่ามีอำนาจเต็ม เปิดโอกาสให้รัฐมนตรีได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ และเมื่อถึงเวลาต้องปรับก็ปรับด้วยความมั่นใจ ว่าจะสามารถกระชับการทำงานให้ตอบโจทย์แก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติและประชาชนได้ “ครม.สไตล์รัฐบาลเศรษฐาทำงานเร็วในการเดินหน้าผลักดันนโยบายเรือธงของรัฐบาล ทำงานเต็มประสิทธิภาพเพื่อประโยชน์ประเทศชาติและประชาชน“ นายอนุสรณ์กล่าว   ข่าวจาก : มติชน

ราชกิจจาฯ เผยแพร่กฎกระทรวง เพิ่มวงเงินค่ารักษาพยาบาลให้นายจ้างจ่าย กรณีลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย

ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 141 ตอนที่ 23 ก หน้า 1 ลงวันที่ 25 เมษายน 2567 เผยแพร่ กฎกระทรวงค่ารักษาพยาบาลให้นายจ้างจ่าย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2567 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 6 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ. 2537 และมาตรา 13 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ. 2537 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.เงินทดแทน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้   ข้อ 1 ให้ยกลิกความในข้อ 2 แห่งกฎกระทรวงค่รักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. 2563 ที่ระบุว่า “ข้อ 2 เมื่อลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ให้นายจ้างจ่ายค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริง ตามความจำเป็นแต่ไม่เกิน 50,000 […]

ไทยเตรียมเข้าฤดูฝน เดือน พ.ค. คาดมาช้ากว่าปกติ 1-2 สัปดาห์

กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศการคาดหมายลักษณะอากาศช่วงฤดูฝนของประเทศไทย พ.ศ.2567 โดยมีรายละเอียดว่า ฤดูฝนของประเทศไทยปีนี้ คาดว่า จะเริ่มประมาณสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนพฤษภาคม 2567 ซึ่งจะช้ากว่าปกติ1 – 2 สัปดาห์และจะสิ้นสุดประมาณปลายเดือนตุลาคม 2567 โดยปริมาณฝนรวมของทั้งประเทศในช่วงฤดูฝนปีนี้จะใกล้เคียงค่าเฉลี่ยปกติและใกล้เคียงกับปีที่แล้ว (ปีที่แล้วในช่วงฤดูฝนปริมาณฝนรวมมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติร้อยละ 1 ส่วนปริมาณฝนรวมทั้งปีน้อยกว่าค่าเฉลี่ยปกติร้อยละ 6) ซึ่งในช่วงครึ่งแรกของฤดูฝน (ตั้งแต่วันเริ่มต้นถึงเดือนกรกฎาคม) ปริมาณฝนรวมส่วนใหญ่จะใกล้เคียงค่าเฉลี่ยปกติ ส่วนในช่วงครึ่งหลังฤดูฝน (เดือนสิงหาคมถึงปลายเดือนตุลาคม) ปริมาณฝนรวมส่วนใหญ่จะมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติประมาณร้อยละ 5 อนึ่ง ในช่วงประมาณกลางเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกรกฎาคม ปริมาณและการกระจายของฝน มีน้อย และส่งผลให้เกิดสภาวะฝนทิ้งช่วง ซึ่งจะทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำในด้านการเกษตรในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่แล้งซ้ำซากนอกเขตชลประทาน ประชาชนจึงควรใช้น้ำเพื่อประโยชน์สูงสุด ส่วนในช่วงเดือนสิงหาคม กันยายนและตุลาคม เป็นช่วงที่มีฝนตกชุกหนาแน่นที่สุด และมีโอกาสสูง ที่จะมีพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนผ่านบริเวณประเทศไทย ซึ่งส่งผลให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ และก่อให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก รวมทั้งน้ำล้นตลิ่งได้ในหลายพื้นที่ ทั้งนี้ลักษณะอากาศทั่วไป ช่วงประมาณปลายเดือนพฤษภาคมถึงประมาณกลางเดือนมิถุนายน บริเวณประเทศไทยจะมีฝนตกชุกเพิ่มมากขึ้นและต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่จะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 – 60 ของพื้นที่ กับจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางแห่ง เว้นแต่ บริเวณภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก […]

มีผลแล้ววันนี้ กกต.ออกกฎผู้สมัคร สว. “ห้ามแนะนำตัวเกินA4 2หน้า” รวมถึงข้อห้ามอื่น

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกเอกสารแจ้งเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 ย้ำเตือนถึงการบังคับใช้ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน 2567 เป็นต้นไป   โดยประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา(สว.) ศึกษาและทำความเข้าใจ ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 และพึงระมัดระวังในการดำเนินการแนะนำตัวให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบกำหนด ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายเป็นความผิด กกต.จะดำเนินการตามที่กฎหมายและระเบียบกำหนดต่อไป     ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 มีรายละเอียดข้อห้ามที่ประสงค์จะลงสมัคร สว. ต้องพึงระมัดระวัง ดังนี้   กรณีใช้เอกสารแนะนำตัวผู้สมัคร เอกสารต้องมีขนาดไม่เกิน A4 หรือขนาด 210 มิลลิเมตร X 297 มิลลิเมตร ระบุข้อความเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว ใส่รูปถ่ายของผู้สมัคร ประวัติการศึกษา และประวัติการทำงาน หรือประสบการณ์ในการทำงานในกลุ่มที่สมัครเท่านั้น ไม่เกิน 2 หน้า และการแจกเอกสารแนะนำตัวจะกระทำในสถานที่เลือกไม่ได้   กรณีใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ผู้สมัครสามารถแนะนำตัวด้วยตนเองด้วยข้อความเดียวกันกับกรณีใช้เอกสาร และเผยแพร่แก่ผู้สมัครอื่นในการเลือกเท่านั้น  […]

1 2 2,873
error: