เศรษฐา ทวีสิน

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวภายหลังเข้าหารือกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่า การบินไทยในฐานะสายการบินแห่งชาติยินดีและมีความพร้อมในการร่วมขับเคลื่อนการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตของปริมาณความต้องการเดินทาง ของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนและอินเดียที่ได้รับการคาดหมายว่าจะมีการปรับตัวสูงขึ้นจากนโยบายฟรี วีซ่า (Free Visa) ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ที่กำลังจะมาถึง การบินไทยจึงปรับแผนเริ่มทำการบินในเส้นทางกรุงเทพ-ภูเก็ต ไป-กลับ เร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิม ด้วยเครื่องบินลำตัวกว้าง ซึ่งมีความจุ 292 ที่นั่ง ให้บริการในชั้นธุรกิจ 30 ที่นั่ง และชั้นประหยัด 262 ที่นั่ง ด้วยความถี่ 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2566 เป็นต้นไป โดยมีรายละเอียดเที่ยวบิน ดังนี้ เส้นทางกรุงเทพฯ-ภูเก็ต เที่ยวบินที่ TG201 ออกจากกรุงเทพฯ เวลา 08.00 น. ถึงภูเก็ตเวลา 09.25 น. เส้นทางภูเก็ต-กรุงเทพฯ […]

ในการประชุมร่วมรัฐสภา คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 เป็นวันที่สองนั้น ช่วงหนึ่งที่ นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อภิปรายตอนหนึ่ง โดยมองว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นนายกฯที่ไม่ด้อยกว่าคนอื่น แต่มีข้อเสนอแนะว่าอย่าไปล้ำเส้น ก็คืออย่าไปติดคุก อย่าต้องหนี้ออกต่างประเทศ อย่าทำอะไรก็ตามที่มีปัญหาเมื่อท่านพ้นตำแหน่ง พร้อมขอให้อยู่ครบ 4 ปี โดยไม่ต้องติดคุกเพราะทุจริต เน้นย้ำว่าเป็นนักธุรกิจมาเล่นการเมือง ไม่ควรเจอชะตากรรมเพราะเกรงใจลูกพี่ และการทำงานควรเอาอดีตเป็นบทเรียน หลังจากนั้น นายเศรษฐาได้ชี้แจงว่า แม้ว่าจะเป็นนักธุรกิจมาก่อน ยืนยันว่าที่ตนมายืนตรงนี้ ตนรักประเทศชาติ มีความต้องการที่จะเห็นพี่น้องประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น การที่ได้ดำรงตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ได้มายืนในรัฐสภาอันทรงเกียรตินี้ ตนมีความตั้งใจ ตนมาด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง ตนมาด้วยความตั้งใจที่จะทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ ย้ำ เป็นรัฐบาลของคนไทยทุกคน ไม่เลือกปฏิบัติ จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ทันที มีนักวิชาการ ผู้ที่อยู่ในแวดวงการเมือง แสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เริ่มจาก นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็นถึงกรณดังกล่าว ผ่านเพจเฟซบุ๊ก […]

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ทวิตเตอร์ส่วนตัว ระบุว่า ความสำคัญของกองทัพที่นอกเหนือจากในยามศึก เป็นรั้วของชาติ ปกป้องพี่น้องประชาชน แต่ในยามสงบ กำลังพลพร้อมทั้งเครื่องมือและอุปกรณ์ครบครัน ก็สามารถนำมาพัฒนาประเทศได้ในทันที จากการลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่น และอุดรธานี ได้พบกับแม่ทัพภาคที่สอง ได้มีการพูดคุยถึงปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งที่เกิดขึ้น ซึ่งแผนระยะสั้นและเร่งด่วน คือการให้ทหารพัฒนา ออกช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้โดยเบื้องต้นทันที ซึ่งถือว่าได้ช่วยบำบัดทุกข์บำรุงสุข และช่วยเหลือประชาชนในยามประสบภัย   ข่าวจาก : posttoday

ที่พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับการพูดคุยกับว่าที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพเมื่อวันที่ 3 กันยายน ที่ผ่านมานั้น เป็นการพูดคุยกันในบรรยากาศที่ดี เป็นการรับฟังความคิดเห็นกัน โดยเฉพาะเรื่องการลดช่องว่างระหว่างทหารกับประชาชน รวมถึงการดำเนินการของกองทัพที่ได้ทำไปในช่วงที่ผ่านมา ส่วนรายละเอียดต่างๆ ขอให้รอจะมีการแถลงร่วมกันหลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเข้าบริหารราชการอย่างเป็นทางการแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการพูดกันถึงเรื่องงบประมาณของกองทัพหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดกันถึงเรื่องนี้ เพียงแค่ไปฟังความคิดเห็นว่าทางกองทัพทำอะไรกันอยู่บ้าง รวมไปถึงการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ตนยังใหม่จึงอาจจะไม่ทราบว่าขอบเขตการทำงานของทหารมีอะไรบ้าง ซึ่งก็ได้รับความอนุเคราะห์จากทุกท่านอธิบายอย่างละเอียด อาทิ พลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ว่าที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งจะเดินทางในคืนวันที่ 18 กันยายน 2566 ไปร่วมการประชุมสหประชาชาติด้วย เพราะต้องมีการหารือเรื่องความมั่นคงกับทางสหรัฐอเมริกาด้วย ผู้สื่อข่าวถามว่า การประชาสัมพันธ์ระหว่างกองทัพกับประชาชนมองว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้มีปัญหาติดขัดอะไร เพียงแต่ที่ผ่านมา ทางกองทัพทำอะไรดีๆ ที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนหลายเรื่อง รวมทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตไม่มีการชี้แจงกันอย่างตรงไปตรงมาและทำให้แพร่หลายไปหลายๆ สื่อ ซึ่งน่าเสียดาย หากปรับเรื่องการสื่อสารให้ดีขึ้น พี่น้องประชาชนก็จะได้ทราบเรื่องดีๆ ที่ทางกองทัพทำ “ยืนยันว่าเป็นเพียงการไปรับฟังคิดเห็นเฉยๆ และรับทราบว่ากองทัพทำอะไรอยู่แล้วบ้าง เป็นการทำความรู้จักกัน เพราะไม่เคยเจอกับว่าที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพ แต่ท่านติดตามการทำงานของเราตลอด […]

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 31 สิงหาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล ได้เดินทางมายื่นหนังสือแสดงความประสงค์ขอทำหน้าที่ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โดยมีเจ้าหน้าที่พรรรค พท. เป็นตัวแทนรับหนังสือ โดย นายสันธนะ กล่าวว่า ขณะนี้การจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใกล้จะนิ่งแล้ว และเรื่องตำรวจก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่นโยบายของนายเศรษฐาได้เน้นเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง ซึ่งต้องยอมรับว่ าแยกกันไม่ได้ระหว่างเศรษฐกิจ สังคม ตำรวจ แม้เศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดี แต่ตำรวจก็ต้องดูแล อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมเป็นโควต้าของพท. ซึ่งโผที่บอกว่านิ่งแล้ว แต่ที่ตนติดตามมาตลอด มองไม่เห็นว่า ใครจะมาดูแลเรื่องสตช. วันนี้จึงมาแนะนำตัวและขอทำหน้าที่ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องเท่านั้น ไม่ได้ไปแบ่งโควต้าอะไร ทั้งนี้ ตนไม่อยากให้มีการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการตำรวจในรัฐบาลของนายเศรษฐา ตนอยู่ในสตช.มา ทราบดีว่า มีการซื้อขายทุกระดับ และหวังว่าพรรค พท.จะให้โอกาส แต่หากไม่ได้รับตำแหน่งดังกล่าว ตนก็จะเดินหน้าตรวจสอบทุกตำแหน่งในสตช.อย่างเข้มข้น   ข่าวจาก : […]

22 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การโหวตนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดโตนายกฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นนายกรัฐมนตรี ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่มีการแหกมติพรรคที่ให้งดออกเสียงนั้น ก่อนที่จะมีการโหวต แกนนำกลุ่ม คือ นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา และรักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และ นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรักษาการรองเลขาธิการพรรค ได้หารือกับแกนนำพรรคเพื่อไทย คือ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่าเสียงหนุนนายเศรษฐายังก้ำกึ่ง พวกตนพร้อมจะโหวตเติมให้ แต่ต้องได้ร่วมรัฐบาล ดังนั้น ทางกลุ่มที่โหวตสวนมติพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จึงไม่ได้ลงมติขณะขานชื่อ แต่กลับนั่งรวมตัวกันข้างนอกห้องประชุม เมื่อทราบว่า ผลการโหวตเสียงเกิน 374 เสียง ที่โหวตให้นายเศรษฐาขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้เสียงสนับสนุนทั้งสองสภา 482 เสียง ก็ได้มีการพูดคุยกันกับแกนนำพรรคเพื่อไทยว่าจะยังโหวตเห็นชอบ โดยขอเป็นอะไหล่ ในกรณีที่พรรคภูมิใจไทยต้องการเจรจาต่อรองขอกระทรวงเกรดเอจากพรรคเพื่อไทย หากพรรคภูมิใจไทยไม่ได้และถอนตัว 71 เสียงออกไป ก็จะเหลือ 411 เสียง […]

“ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” น้ำตาคลอ ประกาศยุติบทบาท ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย รับผิดชอบคำพูด บอก “ทักษิณ” และผู้ใหญ่ในพรรคแล้ว พร้อมยอมรับว่าทรมานใจ เพราะมีความรักและผูกพัน แง้ม พรรคเพื่อไทยยืนยัน “เศรษฐา” โหวตนายกฯ ผ่านแน่ จากกรณีเมื่อคืนที่ผ่านมา (20 สิงหาคม 2566) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า “วิกาลเดียวดาย และยิ่งเดียวดายเมื่อปรากฏเงาหลังคนผู้หนึ่ง คนเสเพลผู้ถูกขับจากสำนักเล่งฮู้ชง สุราอุ่นแล้ว ปิศาจสุราล้อมวง รสสุราซื่อสัตย์ ชาวยุทธ์บ้างเมามาย บ้างกู่ก้องถามไถ่ ข้าพเจ้าเพียงรอเวลา และเวลาของข้าพเจ้า มาถึงแล้ว” ล่าสุดวันนี้ (21 สิงหาคม 2566) นายณัฐวุฒิ เปิดเผยผ่านรายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ ในช่วงหนึ่งว่า ขอยุติบทบาทผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยตั้งแต่บัดนี้ แต่จะใช้คำว่าลาออกคงไม่ได้ เพราะตำแหน่งนี้ไม่ได้อยู่ในโครงสร้าง จึงต้องใช้คำว่ายุติบทบาท มีการบอกกล่าวผู้ใหญ่ในพรรคตั้งแต่ 3 สิงหาคม 2566 เมื่อสถานการณ์อาจจะมีแนวโน้มว่าอาจจะจับมือกับพรรคการเมืองบางพรรคที่จะมาจัดตั้งรัฐบาล เข้าใจพรรคเพื่อไทย ไม่ได้โกรธเคือง […]