สาระน่ารู้

Advertisement   Advertisement กรมควบคุมมลพิษ ขึ้นทะเบียน "167 มนุษย์ดมกลิ่น" ตรวจวิเคราะห์ค่าความเข้มกลิ่นที่เก็บตัวอย่างมาจากแหล่งกำเนิดมลพิษ ได้ค่าตอบแทนกลิ่นละ 600 บาท แต่ต้อง "เคลียร์จมูก" ดมกลิ่นทั้งหอมและเหม็นก่อน 5 กลิ่น รวมทั้ง "กลิ่นอุจจาระ" วันที่ 16 มิ.ย. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีปัญหาร้องเรียนเรื่องมลพิษที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมถึงร้อยละ 60 ดังนั้น คพ.จึงได้จัดให้มีการทดสอบเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นผู้ดมกลิ่น ตามประกาศ ทส. เรื่อง "กำหนดมาตรฐานค่าความเข้มกลิ่นของอากาศเสียที่ปล่อยทิ้งจากแหล่งกำเนิดมลพิษ" ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. 2553 บังคับใช้กับโรงงานอุตสาหกรรม 23 ประเภท โดยส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมที่ไม่มีการใช้สารเคมีอันตรายในการผลิต เนื่องจากวิธีตรวจวัดตามประกาศฯ กำหนดให้ใช้วิธีการดมกลิ่น จากจมูกของคนดมเพื่อตรวจวิเคราะห์กลิ่น ซึ่งผู้ที่จะทำหน้าที่ดมกลิ่นจะต้องผ่านการทดสอบ และขึ้นทะเบียนผู้ดมกลิ่นจาก คพ. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง Advertisement ขณะนี้มีผู้ผ่านการทดสอบตามประกาศกรมควบคุมมลพิษ เรื่อง บัญชีรายชื่อผู้ทดสอบกลิ่น […]

  เหตุการณ์ไฟไหม้เป็นอีกเหตุกาณ์หนึ่งที่ทุกคนไม่อยากพบเจอ แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ยากเกินจะกำหนดได้ว่าจะเกิดขึ้นกับเราหรือไม่ เพราะฉะนั้นการเตรียมตัวเสมอจึงเป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นสิ่งเดียวที่เราควจะทราบไว้เพื่อป้องกันตัวเอง หากเราอยู่ในสถานการณ์ไฟไหม้ควรจะหนีเอาตัวรอดอย่างไรดี? สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีนักดับเพลิงท่านหนึ่งได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการหนีเอาตัวรอดวิธีใหม่คือ หากคุณตกอยู่ในสถานการณ์ไฟไหม้จะทำอย่างไรดี? แล้วถ้ามีไฟไหม้ติดร่างกายของเราควรจะทำอย่างไรดี?นำเสื้อผ้ามาปัดร่างกายหรือ? นั้นไม่ใช่ทางออกที่ดี     แต่ให้เราใช้มือปิดบริเวณหน้าของเรา จากนั้นรีบนอนลงกับพื้น (ที่ไม่มีไฟนะ)กลิ้งไปมาซ้าย-ขวา เพื่อดับไฟที่ลุกร่างกายของเรา  นี้เป็นวิธีตามแบบที่สอนในคาบเรียนของนักเรียนชั้นประถมในสหรัฐอเมริกา ที่สอนวิธีเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ไฟไหม้     นักดับเพลิงท่านนี้กล่าวว่าเพื่อนของเขาคนแล้วคนเล่าที่ตายขณะปฎิบัติหน้าที่ พวกเขาไม่มีเวลาแม้แต่วินาทีเดียวที่จะบอกลาครอบครัวของเขา เขาและทีมงานพยายามเปิดอบรบทั่วประเทศทั้งในหมู่บ้านหรือในโรงเรียนเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักวิธีเอาตัวรอดที่ถูกต้องเพื่อหวังว่าเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้เขาจะสามารถรอดจากเหตุการณ์ได้     เขาถามทุกคนในห้องส่งว่า ใครบ้างที่คิดว่าเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ไฟไหม้แล้วต้องทำแบบ3อย่างข้างล่างนี้ 1.หากไฟมาจากข้างล่างให้วิ่งขึ้นไปชั้นบนสุด 2.หากไฟไหม้ให้ใช้ผ้าชุมน้ำปิดจมูกแล้วก้มลงกับพื้นเพื่อหาทางหนีออกไป 3.หลบอยู่ในห้องน้ำใช้ผ้าเช็ดตัวชุบน้ำคลุมตัวไว้     หากคุณกำลังคิดว่าจะทำแบบนี้ให้คุณเปลี่ยนความคิดใหม่ นักดับเพลิงท่านนี้กล่าวว่า  หากเจอเหตุการณ์ไฟไหม้แล้วคุณยังอยู่ในห้อง ไฟลุกลามจนยากที่จะลงไปหรือออกจากอาคารได้ ให้รีบปิดประตูห้องก่อน จากนั้นโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ดับก่อนระหว่างที่นอให้รีบนำผ้าชุบน้ำหรือไม่ชุบก็ได้ปิดบริเวณใต้ประตูห้องเพื่อไม่ให้ควันไฟเข้ามาในห้องได้ รอจนกว่าเจ้าหน้าที่จะเข้ามาช่วย     โดยนักดับเพลิงให้เหตุผลว่า การที่ทำอย่างนั้นเพื่อไม่ให้ควันไฟเข้ามาในห้อง ทำให้คนที่อยู่ในห้องยังสามารถถ่วงเวลาได้หรือรอจนเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ เพราะการที่วิ่งไปออกไปจะทำให้เราสำลักควันไฟตายก่อนที่จะออกไปถึงนอกอาคาร จากสถิติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย พบมีห้องหลายห้องที่ไม่ถูกไฟไหม้และยังคงมีสภาพที่ดีอยู่ จึงเป็นเหตุที่ว่าการหลบอยู่ในห้องจะทำให้เราไม่สำลักควันและถ่วงเวลาให้เราได้มากที่สุด     ทุกคนเมื่อเจอเหตุการณ์วิกฤตก็จะไม่มีสติ ทำอะไรไม่ถูก แต่จึงจำไว้ว่าอย่าประมาทเด็ดขาด จดจำวิธีเหล่านี้เป็นความรู้ติดตัว เพื่อหากต้องเจอกับตนเองจะได้มีแนวทางเอาตัวรอด […]

ผ่านพ้นช่วงเวลาของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยไปแล้ว เด็กหลายคนก็มีทั้งสมหวังและผิดหวังตามกันไป แต่มีเด็กคนหนึ่งที่เราควรจะพูดถุงเขาสักหน่อย เพราะเขาคือเด็กไทยที่สอบแอดมิชชั่นปี 60 ได้เป็นอันดับ 1 ด้วยคะแนน 89.03% เขาเป็นใครตามมาดูกันสักหน่อย…   น้องเก็ต อายุ 18 ปี นร.ชั้น ม.6 ร.ร.เบญจมราชูทิศ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช คือ คนที่สอบได้เป็นอันดับ 1 ของประเทศ ด้วยคะแนน 89.03% โดยเขาเลือกสอบ 4 อันดับ ได้แก่ อันดับ 1 นิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (สายศิลป์) อันดับ 2 นิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (สายวิทย์) อันดับ 3 วารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ม.ธรรมศาสตร์ (สายศิลป์) อั นดับ 4 วารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ม.ธรรมศาสตร์ (สายศิลป์)     โดยน้องเก็ตเรียนจบชั้นประถมปีที่ 6 […]

แม้ว่าวันนี้หลายคนอาจจะไม่ถูกหวย รวยรางวัลก็อย่างเพิ่งทิ้งลอตเตอร์รี่ของคุณไปนะคะ เพราะไม่แน่นะว่าอีก 30-40 ปีข้างหน้า ลอตเตอร์รี่ที่คุณกำอยู่อาจจะสร้างรายได้มหาศาลให้แก่คุณ เหมือนกับชายคนนี้ก็ได้     ชายคนนี้ คือ พนักงาน ปภ. อบต.เกยไชย นครสวรรค์ ที่มีงานอดิเรกชอบสะสมลอตเตอรี่หรือสลากกินแบ่งบำรุงเทศบาลไว้เป็นจำนวนมาก ทำมานานประมาณ 30 ปีแล้ว และปัจจุบันนี้มันก็กลายเป็นของดี ของเก่าสูงค่า ที่เคยมีคนมาขอซื้อในราคา 4 หมื่นบาท แค่ก็ไม่ยอมไม่ขาย   เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.เกยไชย คนนี้มีชื่อว่า นายประเสริฐ ติชะพันธุ์ อายุ 49 ปี มีงานอดิเรกสะสมลอตเตอรี่  โดยได้เริ่มเก็บสะสมอย่างจริงจังเมื่อช่วงปี พ.ศ. 2529 เนื่องจาก เห็นว่าพ่อของตนได้ซื้อลอตเตอรี่เป็นประจำ และบางฉบับมีลวดลายพิมพ์ที่สวยงามจนน่าเก็บสะสมไว้   และนั่น คือแรงบันดาลใจให้เขาเก็บสะสมสิ่งของสิ่งนี้มาตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา โดยได้สะสมงวดละ 1 ใบหรือ 2 ใบแล้วแต่โอกาส หรืออาจจะได้มาจากการขอจากเพื่อนๆ ที่ชอบซื้อลอตเตอรี่ โดยการที่จะขอก็ต้องรอจนกว่าคนซื้อจะตรวจเสร็จแล้ว หรือดูว่าเขาจะทิ้งลงถังขยะก่อน จึงค่อยขอ   […]

น่ายินดีมากเท่าไหร่แล้วที่วันนี้คุณมีพ่อแม่คอยเลี้ยงดู แล้วคุณเคยคิดถึงอนาคตหากวันใดวันหนึ่งคุณอาจจะไม่มีท่านอยู่ด้วยหรือไม่ จากคนที่เคยใช้เงิน อาจจะต้องเปลี่ยนหน้าที่เป็นคนหาเงินแทน ซึ่งมันเหนื่อยและลำบากมากว่าแน่นอน ความพยายามเท่านั้นจะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จเหมือนกับชายคนนี้ได้   ….หลังจากที่คุณพ่อเสียชีวิตลง เด็กหนุ่มอายุเพียง  14 ปี ต้องเปลี่ยนตัวเองให้กลายมาเป็นเสาหลักของครอบครัว เพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัวแทน เขาทำอย่างไรถึงได้ประสบความสำเร็จ  และสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 4 แสนบาท ตามมาดูกันค่ะ…     เด็กหนุ่มคนนี้ชื่อว่า คุณปฏิวัติ อินทร์แปลง หรือ น้องเบสท์ ซึ่งปัจจุบันมีอายุ 25 ปี และเป็นเจ้าของฟาร์มวัวนมมอินทร์แปลง เขาเล่าเรื่องราวชีวิตให้ฟังว่า   หลังจากที่คุณพ่อซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัว ต้องมาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ ในฐานะลูกชายคนเดียว…เขาจึงเริ่มเลี้ยงวัวตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ม.2 หรือราวอายุ 14 ปี โดยคิดแต่เพียงว่าอยากช่วยแบ่งเบาภาระคุณแม่ ซึ่ง ณ เวลานั้น คุณตาให้วัวนมมา 1 ตัว พร้อมถ่ายทอดความรู้การเลี้ยงและวิธีรีดนมวัวให้   และหลังจากที่สูญเสียคุณพ่อ ได้ไม่นาน คุณแม่ก็มาประสบอุบัติเหตุกระดูกแขนหักอีก ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ เขาจึงตัดสินใจไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย โดยตอนนั้นจบเพียง ม.6 และหันมาเลี้ยงวัว […]

คนเรามีบ้างที่รู้สึกเจ็บป่วยออดๆแอดๆประจำวัน เพราะทำงานหนัก พักผ่อนน้อย หรือทานอาหารที่ไม่ดี บางทีอาการป่วยเล็กๆน้อยๆนี้ก็ยังสามารถรักษาให้หายได้เองโดยไม่ต้องไม่หาหมอให้เสียดายเงิน วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการในการดูแลตัวเองแบบง่ายๆกันค่ะ คุณรู้ไหมว่าตัวคุณเองก็สามารถบรรเทาอาการปวดได้ด้วยตัวเองอย่างทันที เพียงแค่รู้จักการกดจุดบางจุดบนฝ่ามือของคุณ ทั้งนี้ เนื่องจากอาการเจ็บปวดต่าง ๆ มักจะเชื่อมต่อกับจุดเหล่านี้   เพราะฉะนั้น สิ่งที่จะช่วยให้คุณมีอาการที่ดีขึ้น แข็งแรงขึ้นได้ที่คุณต้องทำ ก็คือ การกดจุดบางจุดเป็นเวลา 5 วินาที และหายใจเข้าช้าๆลึกๆ และจะต้องรู้จุดกดที่ถูกต้อง ดังต่อไปนี้     1. จุดฐานของนิ้วหัวแม่มือ การกดที่จุดนี้สามารถช่วยแก้ปัญหาจากไอ หายใจลำบาก อีกทั้ง ยังช่วยปรับปรุงการทำงานของต่อมไทรอยด์ของคุณได้ด้วย ใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ ต้องลองกดที่จุดนี้ดู   2. นิ้วหัวแม่มือ การกดไปที่นิ้วหัวแม่มือสามารถควบคุมภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล ได้ นอกจากนี้ ยังส่งผลดีต่อม้ามและกระเพาะอาหารอีกด้วย ดังนั้น ถ้าคุณมีอาการปวดท้อง ปวดหัว มีปัญหาผิวพรรณ มีความเครียด แค่ได้ลองกดนิ้วลงไปที่นิ้วหัวแม่มือของคุณ อาการที่มีก็จะทุเลาลง   3. นิ้วชี้ จุดนี้สามารถช่วยถ้าคุณแก้ปัญหาเกี่ยวกับ ไตและกระเพาะปัสสาวะได้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถกำจัดอาการปวดกล้ามเนื้อและหลัง […]

เข้าหน้าฝนอย่างจริงจังไปแล้ว เมื่ออากาศเปลี่ยนแปลง โรคภัยก็มาหาแบบที่หลายคนไม่ทันได้ตั้งรับ และเมื่อร่างกายไม่พร้อม โอกาสป่วยไข้ก็เป็นไปได้สูง   นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค  เปิดเผยว่า…สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่เริ่มระบาดแล้ว โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-4 มิถุนายน 2560 พบผู้ป่วยแล้ว 26,440 ราย เสียชีวิต 1 ราย โดยกลุ่มอายุที่พบมากสุด คือ 25-34 ปี ร้อยละ 11.41 และพบผู้ป่วยที่ภาคเหนือมากสูงสุด    ส่วนในสัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มพบการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเด็กนักเรียน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาของการเริ่มเปิดเรียน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการระบาดในชุมชน และทำให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้     สำหรับการพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพประจำสัปดาห์ คาดว่า….จะมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่หรือกลุ่มอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน และอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ   ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1.หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป 2.เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี 3.ผู้มีโรคเรื้อรัง […]

"พลังจิตใต้สำนึก" มีมากมายมหาศาลจนน่าทึ่ง ผู้ที่ประสบความสำเร็จมากมายในโลกนี้ล้วนแล้วแต่ใช้พลังจิตใต้สำนึกทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว ซึ่งจิตใต้สำนึกอาจจะส่งพลังมาในรูปแบบของความฝัน เสียงกระซิบในหัว หรือลางบอกเหตุ ที่ทำให้เราทำบางอย่างจนสำเร็จได้ในที่สุด เช่น โจน ออฟ อาร์ก สาวอายุ 16 ปี ถูกความฝันเตือนถึง 3 ครั้ง จึงประกอบวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่ด้วยการนำทหารฝรั่งเศษรบชนะกองทัพอังกฤษได้ หรือ ท่านนบี มูฮัมหมัด ถูกเสียงกระซิบจากสวรรค์เตือนหลายครั้งจึงเริ่มประกาศพระศาสนา ท่านก็สามารถเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จและยิ่งใหญ่อย่างพวกคนเหล่านั้นได้ถ้ารู้จักนำเอาพลังอำนาจจากจิตใต้สำนึกมาใช้ ในหนังสือเดอะ ท็อป ซีเคร็ต ของ ทันตแพทย์สม สุจิรา ได้เรียบเรียงและสรุปเป็นข้อๆไว้น่าสนใจมาก เชื่อว่าท่านผู้อ่านที่สนใจในเรื่องนี้จะได้ประโยชน์และประหยัดเวลาในการศึกษาข้อมูล  สรุปไว้ดังต่อไปนี้ค่ะ [ads] 1. จิตใต้สำนึก คือฐานข้อมูลความคิด และความรู้สึกที่เกิดขึ้นซ้ำกันบ่อยๆจนตกตะกอนแล้ว 2. จิตใต้สำนึกไม่ได้เชื่อมต่อกับทวารทั้งห้า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าเห็นอะไร ได้ยินอะไร แต่จะบันทึกเฉพาะส่วนที่เป็นความรู้สึกพร้อมกับภาพในจินตนาการเท่านั้น 3. หากคุณรู้สึกอิจฉาริษยาในความสำเร็จ การได้เลื่อนตำแหน่งหรือความร่ำรวยของคนอื่น จิตใต้สำนึกจะเข้าใจว่า คุณไม่ต้องการสิ่งเหล่านั้น จึงบันดาลให้คุณไม่มีโอกาสได้พบดังนั้นจึงควรร่วมแสดงความยินดีกับผู้อื่นที่ประสบความสำเร็จ เพื่อส่งสัญญาณไปยังจิตใต้สำนึกว่า […]

หมูมะนาว อาหารรสแซ่บอีกชนิดหนึ่งที่มีขั้นตอนการทำไม่ยาก ส่วนผสมหลักเช่นเนื้อหมูก็มักมีติดบ้านไว้อยู่แล้ว หากท่านนึกอยากลองทำอาหารรสแซ่บแบบง่ายๆ เราขอแนะนำเมนูนี้ [ads] ส่วนประกอบ -หมูสันนอกหั่นชิ้นบางขนาดพอคำ 300 กรัม -คนอร์อร่อยชัวร์ 1 ช้อนชา -กระเทียมโทนดอง หรือกระเทียมสดหั่นบาง 3 หัว ส่วนประกอบน้ำยำ -พริกขี้หนูสวน 15 เม็ด -กระเทียม 10 กลีบ -น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ -น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ -คนอร์อร่อยชัวร์ 1 ช้อนชา -น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ 1.โขลกพริกขี้หนูสวน และกระเทียมให้ละเอียด ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำมะนาว คนอร์อร่อยชัวร์ และน้ำตาล ชิมรสตามชอบ พักไว้ 2.นำหมูมาหมักด้วยคนอร์อร่อยชัวร์ประมาณ 10 นาที แล้วตั้งหม้อต้มน้ำบนไฟกลางจนเดือดจัด ใส่หมูลงไปลวก (ลวกแค่หมูสะดุ้ง เพราะเนื้อหมูบางอยู่แล้ว) ตักเนื้อหมูขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ เสร็จแล้วจัดหมูใส่จาน […]

เชื่อว่าบางท่านอาจเคยลืมชาร์จโทรศัพท์มือถือก่อนไปทำงาน เพราะเผลอหลับซะก่อน ตื่่นมาอีกทีแบตใกล้หมดชาร์จไม่ทันทำอย่างไรดี แล้วลองชาร์จผ่านทางพอร์ต USB ที่ชาร์จรถก็ได้ แต่ความจริงแล้วกลับช่วยไม่ได้เลยมากกว่า เพราะอะไรมาดูกัน [ads] การชาร์จมือถือ ถ้าเลือกระหว่างชาร์จในรถ กับชาร์จในบ้าน ควรชาร์จที่ไหน  แนะนำสุดคือเสียบกับ Adaptor Charge แล้วชาร์จที่บ้าน จะสามารถชาร์จมือถือได้เร็วกว่าชาร์จผ่านพอร์ต USB ในรถยนต์ซึ่งออกแบบสำหรับเสียบ Flashdrive ฟังเพลง    แต่รู้ไหมว่าเสียบผ่านพอร์ต USB บนรถนี้ จ่ายไฟเพียงแค่ 0.5A เท่านั้น นั่นหมายความว่าไม่ได้ช่วยชาร์จแบตให้เต็มเลย แต่กลับเต็มช้ากว่าเดิมอีก แต่ใช่ว่าไม่มีวิธีแก้เลย อีกวิธีที่แนะนำคือชาร์จผ่านทาง Adaptor ชาร์จสำหรับรถโดยเฉพาะที่สามารถจ่ายไฟฟ้า 1A  ถึง 2.1A  ซึ่งอยู่ในการจ่ายกระแสไฟฟ้าที่เหมาะสมกับมือถือ หรือไม่ก็ชาร์จผ่านทาง Powerbank แทน ซึ่งจ่ายไฟปกติกว่าพอร์ต USB เครื่องเสียงรถยนต์ แค่นี้ก็มีไฟที่จะเพียงพอในการใช้โทรศัพท์กรณีลืมชาร์จสมาร์ทโฟนแล้ว หรือสังเกตที่พอร์ต USB ในรถว่ามีระบุ 5V หรือ 1A , 2.1A หรือเปล่า […]