บทความทั่วไป

Advertisement นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานคณะกรรมการแก้ไขหนี้สินประชานรายย่อย ครั้งที่ 1/2566 (แก้หนี้ กยศ.) ว่า ขณะนี้ลูกหนี้ กยศ. มีจำนวน 3.5 ล้านราย มีมูลหนี้รวมประมาณ 4 แสนล้านบาท ทุกรายจะได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายใหม่ ที่เพิ่งเริ่มใช้เมื่อ 20 มี.ค. 2566 Advertisement ลูกหนี้ กยศ. ทุกคนจะได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย เมื่อมีการปรับโครงสร้างหนี้แล้วจะทำให้ผู้ค้ำประกันจำนวน 3.2 ล้านคน หลุดจากผู้ค้ำ โดยจะมีการเปิดให้ปรับโครงสร้างหนี้ในช่วงเดือน ม.ค. 2567 ซึ่งจะเริ่มนำร่องในพื้นที่ กทม. และตามด้วยพื้นที่อื่น ๆ ลูกหนี้ที่ยังมีหนี้อยู่กับ กยศ. ที่ยังชำระไม่หมด ให้กลับไปคำนวณเงินต้น และเงินที่ชำระมาว่าเกิน 150% ของเงินที่กู้มาหรือไม่ ถ้าเกิน 150% แล้ว สามารถหยุดจ่ายหนี้ เพราะกลุ่มนี้เมื่อคำนวณดอกเบี้ยตามกฎหมายใหม่ ยังไงหนี้ก็หมดอยู่ดี Advertisement ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การคำนวณนั้น […]

14พ.ย.66 นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยล่าสุด กรณีแนวคิดให้ตำรวจจีนมาร่วมลาดตระเวนกับตำรวจไทย ว่าขณะนี้ยกเลิกแนวคิดดังกล่าวแล้ว ถึงแม้จะมีการสื่อสารต่อสาธารณะ แต่เนื่องจากชื่อของโครงการมีคำว่า “ลาดตระเวน” ทำให้มีเสียงสะท้อนในสังคม จนกลายเป็นกระแสเชิงลบ ขอน้อมรับเสียงสะท้อนของทุกคน ขออภัยที่ทำให้เกิดความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวอีกว่า เรื่องนี้มาจากเจตนาที่ดี แต่ใช้คำสื่อสารไม่ตรงความหมาย ทำให้สังคมกังวลกับแนวคิดที่สื่อออกไป เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญ แต่แนวคิดของโครงการนี้ เป็นความร่วมมือในการประสานข้อมูลระหว่างตำรวจ 2 ประเทศ ที่เป็นประโยชน์ต่อตลาดท่องเที่ยว พร้อมกับการเชิญตำรวจของจีนมาดูงานในแหล่งท่องเที่ยวของไทย เพื่อให้มั่นใจว่า เรายกระดับดูแลนักท่องเที่ยว ด้าน นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงกรณีนี้ ณ ทำเนียบรัฐบาลว่า รัฐบาลไม่มีแนวทางที่จะให้ตำรวจจีนมาลาดตระเวนร่วมกับตำรวจไทย ศักยภาพตำรวจไทยดีมากอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจท่องเที่ยว มีการทำงานอย่างหนักร่วมกัน เชื่อว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวได้ เพราะผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้มีการจัดตำรวจท่องเที่ยวไปประจำในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เช่น วัดพระแก้ว รวมถึงทำงานร่วมกับกรมเจ้าท่าเพื่อดูแลบริเวณท่าเรือที่มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการ   ข่าวจาก : tnews

ครูสาวสงสัยเรื่องโบกรถหน้าโรงเรียนเป็นหน้าที่ใคร หลังเจอตำรวจในพื้นที่ปล่อยจอย กำชับให้มาดูจังหวะอยู่นาน 10 นาที ก่อนลาลับ แถมสั่งแม่พิมพ์ไปเรียนจราจรเพิ่ม กำลังเป็นประเด็นดราม่าบนโลกโซเชียลหนักหน่วง หลังจากวันนี้ (13 พ.ย.66) ครูสาวซึ่งเป็นผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กท่านหนึ่งได้ลงเปิเผยข้อมูลคาใจของตัวเองหลังจากประสบปัญหาการโบกรถยนต์หน้าสถานศึกษา แต่มาเจอกับข้อสงสัยการทำหน้าที่ระหว่างตำรวจกบัคุณครูแม่พิมพ์ของชาติ ว่า ตกลงแล้ว หน้าที่ดังกล่าวใครควจเป็นคนปฏิบัติกันแน่ ข้อความจากเจ้าของเรื่องระบุ “ภารกิจเช้าวันนี้ 6:00 น ต้องมาโบกทางม้าลายหน้า รร. เพราะจราจรไม่มี ไม่มา ไม่โบก (ตร.มาประมาณ 6:45) รร. เลยจัดเวรครูให้มาโบกรถแทนทุกวัน เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุรถชน นร.” คำถาม การแก้ปัญหาอุบัติเหตุ ควรทำอย่างไร ? 1. ให้ครูที่ไม่เคยเรียนด้านจราจร โบกรถไม่เป็น ไม่รู้จังหวะการโฟลว์ของรถ มาโบกรถ รถติดหนักกว่าเดิม 🫢 ครูเอาอำนาจอะไรมาสั่งให้รถหยุดก่อนนนน 2.ให้ ตร.จราจร ทำตามหน้าที่ของตนเอง แต่มาเช้าหน่อยสัก 6:00 ถ้าคนไม่พอก็ขอแรงจาก สน รอบข้าง เขตทหารขอกำลังทหารสักหน่อย 3.ปลูกฝังให้ประชาชนจอดรถเมื่อเจอไฟแดง ใครไม่จอดลงโทษหนักๆแบบจริงจัง เอาภาษีที่ไปดูงาน […]

13 พ.ย.2566 จากกรณีที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ได้สั่งให้จเรตำรวจดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า มีข้าราชการตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องเรียกรับผลประโยชน์ทั้งทางตรงทางอ้อมหรือไม่ หากพบให้ดำเนินการเด็ดขาดทั้งอาญา วินัย และปกครอง ให้รายงานผลภายใน 3 วัน ในกรณีรถบรรทุกดิน ตกบ่อท่อร้อยสายไฟ บนถนนสุขุมวิทหน้าซอยสุขุมวิท 64/1 เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่บริเวณกระจกด้านหน้ารถบรรทุกคันดังกล่าว มีรูปดาวและตัวอักษรภาษาอังกฤษ B สีเขียว โดยหลังเกิดเหตุ ประธานสหพันธ์ขนส่งแห่งประเทศไทย ยืนยันว่า ดาวสีเขียวหน้ารถสิบล้อ เป็นสัญลักษณ์ของส่วยสติกเกอร์ เพื่อเอื้อบรรทุกน้ำหนักเกิน ความคืบหน้าการตรวจสอบ จากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังตรวจสอบเสร็จสิ้นตามกรอบเวลา เบื้องต้น ผลคือไม่ปรากฏข้อมูลการรับส่วย และหน้าที่ในการตรวจรถบรรทุกหนักเป็นของ กทม.   ข่าวจาก : thaipbs

ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้ออกมาเล่าเหตุการณ์จากการเดินทางที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น เมื่อต้องเจอกับ “เครื่องบินดีเลย์ นานกว่า 15 ชั่วโมง” เป็นเที่ยวบินเดินทางจากโตเกียวมาสุวรรณภูมิ ไฟลต์เที่ยงคืน วันที่ 11 พ.ย. แต่ถึงจริง ๆ คือ บ่ายสามโมงของอีกวัน หนุ่มคนนี้เล่าเหตุการณ์ว่า ผู้โดยสารเข้าเครื่องช่วงเที่ยงคืนปกติ แต่ให้นั่งรอนานผิดปกติ และมีประกาศจากกัปตันว่าให้รอ 1 ชั่วโมงเพราะมีปัญหาขัดข้อง ผ่านไป 2 – 3 ชั่วโมงบนเครื่องประกาศอีกครั้งว่าบินไม่ได้เพราะมีปัญหาตรงเรื่องการจ่ายน้ำมัน ทราบมาว่าต้องรออะไหล่จากไทยบินส่งมา โดยที่อะไหล่จะมาถึง 6 – 7 โมงเช้า และผู้โดยสารต้องรอให้เครื่องบินซ่อมเสร็จ ประมาณตี 3 วันที่ 12 พย. ผู้โดยสารออกจากเครื่องทั้งหมดกลับไปรอที่เกท ผ่านไป 15 นาทีหลังจากกลับมาที่เกท มีการประกาศจากสนามบินว่าไฟลต์จะถูกเลื่อนเป็น 15:00 น. ของวันที่ 12 พย. ผู้โดยสารหลายคนจึงลุกขึ้นไปถามพนักงานภาคพื้นของสนามบินว่า จะมีการจองโรงแรมให้ไหม หรือสามารถออกไปด้านนอกได้ไหม แต่กลับได้รับแจ้งว่า “ไม่ได้ เมื่อเครื่องซ่อมเสร็จจะบินทันที […]

ผู้ใช้ TikTok ชื่อว่า “aodood” โพสต์คลิปวิดีโอสะเทือนใจคนรักสัตว์ โดยผู้โพสต์คลิปเผยให้เห็นเหตุการณ์ “เจ้าเซฟ” น้องหมาสายพันธุ์ปอมเมอเรเนียน ได้ตายลงด้วยอาการช็อก หัวใจล้มเหลว เพราะเสียงพลุจากวัดแถวบ้านในพื้นที่ในจ.มหาสารคาม ได้จุดพลุเนื่องในวันออกพรรษา โดยผู้โพสต์ระบุข้อความว่า “วัดทำไม ต้องจุดพุลขนาดใหญ่วันออกพรรษา ใครได้บุญ คุณพราก 1 ชีวิตออกจากบ้านเราไป เค้าคือลูกของเรา” อย่างไรก็ตาม คลิปวิดีโอดังกล่าวมีชาวเน็ตได้คอมเมนต์ให้กำลังใจเจ้าของสุนัขกันเป็นจำนวนมาก เช่น คนรักหมารักแมวทนดูแบบนี้ไม่ได้เลย , เป็นกำลังใจให้นะคะ , เราเสียน้องหมาไป 1 ปีแล้วตอนนี้ก็ยังทำใจไม่ได้เลยค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของนะคะ สู้ๆ , เป็นคลิปที่สะเทือนใจมาก ๆ เลยค่ะ ขอให้พี่เซฟไปสู่ภพภูมิที่ดีนะคะ เป็นกำลังใจให้พี่ ๆ ทุกคนด้วยค่ะ เป็นต้น @aodoodวัดทำไม ต้องจุดพุลขนาดใหญ่วันออกพรรษา ใครได้บุญ คุณพราก1ชีวิตออกจากบ้านเราไป เค้าคือลูกของเรา ♬ เสียงต้นฉบับ – อ๊อดๆ  

เว็บไซต์ต่างประเทศ ได้เผยเรื่องราวของ พ่อแม่รายหนึ่งในมณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน จนกลายเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ โดยเรื่องราวดังกล่าวได้พูดถึง ความไม่พอใจที่คุณครูสั่งการบ้านให้ลูกชายวัยประถม นับข้าวสาร 10,000 เมล็ด แล้วส่งให้ โดยผู้ปกครองของเด็กรายนี้ ได้ตั้งกระทู้ถามถึงการสอนของคุณครู ที่มอบหมายการบ้านแบบไม่สมเหตุสมผล โดยกำหนดให้นักเรียนต้องนับข้าวสาร 10,000 เมล็ด และนำมาส่งให้กับครูในวัยรุ่งขึ้น โดยผู้ปกครองรายนี้ได้เล้าว่า ลูกชายกลับมาเล่าให้ฟัง ว่าครูสั่งให้นับข้าวสาร 10,000 เม็ดไปส่ง ครอบครัวจึงได้ไปซื้อข้าวสาร ก่อนที่ช่วยกันนั่งนับจนถึงเวลา 02.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ซึ่งทำให้กระทบต่อเวลาพักผ่อนของทั้งครอบครัว ผู้ปกครองจึงเกิดความไม่พอใจ ตัดสินใจร้องเรียนต่อคณะกรรมการของโรงเรียนเรื่องวิธีการสอนของคุณครู รวมถึงตั้งคำถามถึงความสามารถด้านการสอนของครูอีกด้วย ต่อมา ทางด้านคุณครูผู้ให้การบ้านได้อธิบายว่า จริงๆแล้วการบ้านที่ได้ให้ไปนี้ไม่ได้ให้นักเรียนนับข้าวสาร แต่ต้องการให้นักเรียนและผู้ปกครอง ช่วยกันระดมความคิดเพื่อหาวิธีนับข้าวสาร 10,000 เมล็ด ให้ง่ายที่สุดและเร็วที่สุด เพื่อกระชับความสัมพันธ์ภายในครอบครัว และเพิ่มทักษะความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ยกตัวอย่างเช่น ผู้ปกครองสามารถช่วยลูกทำการบ้านได้ ด้วยการนับข้าว 200 เมล็ด นำมาชั่งน้ำหนัก จากนั้นก็นำข้าวสารที่เหลือมาชั่งให้ได้น้ำหนักเท่ากัน แยกข้าวมาชั่งสัก 50 ครั้ง ก็จะได้ข้าวสาร 10,000 […]