แฉ!! กลโกงแก๊ง “ต้มตุ๋น” หลอกให้เสียทรัพย์ เพียงใช้แค่ “บัตรประชาชน” ใบเดียว!





ปัจจุบัน คนร้ายมีวิธีการหลากหลายมากขึ้นในการหลอกหรือขโมยบางสิ่งบางอย่างจากเรา เช่น การนำบัตรประชาชนของเราไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมาย และอาจทำให้เงินฝากในบัญชีธนาคารของเราสูญหายหรือหมดไปได้ในพริบตา

 

วันนี้เราจึงมาขอเตือนเรื่อง “บัตรประชาชน” ว่า อย่าให้ใครไปง่าย ๆ และหากท่านจำเป็นต้องให้สำเนาบัตรประชาชนแก่ใคร ต้องขีดคร่อมบัตรประชาชน และระบุวัน เดือนปี พร้อมเหตุผลการนำไปใช้ทุกครั้ง มิเช่นนั้น อาจโดนแบบนี้ได้ !

 

1573-2

สรุปขั้นตอนการขโมย เงินจากบัญชีคนอื่น ที่เปิดบริการทำธุรกรรมทางการเงิน แบบ online

1. รู้เบอร์โทรเป้าหมาย

2. ได้เลขบัตรประชาชน เป้าหมาย

3. รู้บัญชีธนาคาร เป้าหมาย

4. ปลอมบัตรประชาชน เป้าหมาย

5. เอาบัตรประชาชนเป้าหมายไป ยกเลิกซิมการ์ดโทรศัพท์เป้าหมาย

6. ออกซิมการ์ดใหม่เบอร์เดิม ซิมเป้าหมายใช้อยู่ถูกตัดสัญญาณ

7. โทรไปหลอก Call Center Cyber Banking เพื่อขอ ให้ปลดล็อค และ Reset รหัสผ่านใหม่

8. โอนเงิน ออกจากบัญชีเป้าหมาย

 

[ads]

 

สำหรับใครที่ทำต้องให้สำเนาบัตรประชาชน ท่านจะต้องทำปิดเลขบัตรประชาชน 13 หลัก วันเดือนปีเกิด และที่สำคัญคือ “บาร์โค้ดใต้ครุฑ” ที่อยู่ด้านซ้ายของบัตร

 

1573-3

 

เนื่องจากปัจจุบันนี้ มิจฉาชีพสามารถใช้แอพโทรศัพท์มือถือในการสแกนบาร์โค้ดในบัตรประชาชนของท่าน แล้วนำรหัส 13 หลักที่ซ่อนอยู่ในบาร์โค้ดมาใช้ในการกระทำผิดกฎหมายได้

 

นอกจากนี้ เมื่อทำบัตรประชาชนหาย คุณจะต้องไปแจ้งความทันทีที่โรงพักในภูมิลำเนาของท่าน โดยจะต้องแจ้งข้อความดังต่อไปนี้

1. บัตรประชาชนของที่หายไปนั้น ชื่อ นามสกุล

2. เลขบัตรประชาชน 13 หลัก

3. วันเดือนปีเกิด

4. วันที่ออกบัตร วันหมดอายุบัตร

 

โดยต้องนำสำเนาบัตรประชาชนของบัตรประชาชนใบที่หายไปมาแจ้งความ และควรระบุด้วยว่าหากผู้ใดนำบัตรไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมายทุกกรณี ถือว่าทางเจ้าของบัตรไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัตรใบนี้ตั้งแต่วันที่ไปแจ้งความ

 

ทั้งนี้ เคยมีเคสที่ทำบัตรประชาชนหล่นหาย แล้วคนร้ายนำไปใช้ส่งยาเสพติดที่ขนส่ง กว่าจะพิสูจน์ได้ว่าเจ้าของบัตรไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายยาเสพติด เจ้าของบัตรก็ต้องติดคุกฟรีไป 1 ปี 7 เดือน แล้ว

หรือในเคสที่บางท่านถูกนำบัตรประชาชนที่หล่นหายไปเปิดบัญชีใหม่ แล้วหลอกให้โอนเงินมาผ่านบัญชี จนทำให้เจ้าของบัญชีที่ทำบัตรประชาชนหายต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง ก็จำเป็นต้องหาทางพิสูจน์กันอย่างยากเย็น กว่าจะได้ต้องหาเงินมาประกันตัว ต้องเสียเงิน และเสียเวลา แม้ว่าคุณจะไม่ได้ทำผิดสักนิดแต่ก็ต้องพยายามยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง

 

ดังนั้น หากใครไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ก็ต้องเก็บหลักฐานเหล่านี้ไว้ให้ดี เพราะถ้าคุณเผลอเมื่อไหร่ มิจฉาชีพก็จะพุ่งเป้าตรงมาที่คุณได้ในทันที ระวังตัวไว้ให้ดีนะคะ

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก Helpcrimevictimclub

 

[ads=center]

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: