ประจำเดือน ถือเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่ก็เป็นปัญหาที่คอยกวนใจสาวๆ อยู่เสมอ เพราะมันทำให้สาวๆต้องใช้ชีวิตที่ยากลำบากมากขึ้น ลงน้ำไม่ได้ ซึ่งอาจจะทำให้หมดสนุกไปได้เอาง่ายๆ
ด้วยเหตุนี้ หลายคนจึงเลือกที่จะใช้ “ยาเลื่อนประจำเดือน” เพื่อเลื่อนความไม่สบายกายออกไปในวันที่สำคัญในชีวิต ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่น่าประทับใจนี้ขึ้น แต่การฝืนธรรมชาติหรือเลื่อนประจำเดือนออกไปแบบนี้จะมีผลร้ายต่อร่างกายหรือไม่ มีมากแค่ไหน ไปหาคำตอบกันดีกว่า
ยาเลื่อนประจำเดือนที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เป็นยาเม็ดที่มีตัวยาสำคัญ คือ นอร์-เอ-ทีส-เตอ-โรน (Norethisterone) หรือในชื่อทางการค้าที่คุ้นเคยว่า “ปรี-โม-ลุท-เอ็น (Primolut® N)” ยานี้มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน และการรับประทานยาชนิดนี้จำเป็นต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ดังนี้
ผู้หญิงคนไหนก็ทานได้จริงหรือ ?
ยาตัวนี้ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนหรอกนะคะ หากคุณเป็นคนที่เข้าข่ายและมีอาการดังกล่าวนี้ ห้ามใช้ ‘ยาเลื่อนประจำเดือน’ เด็ดขาด กลุ่มคนที่ว่าได้แก่
1. หญิงตั้งครรภ์ ยาเลื่อนประจำเดือนอาจทำให้ทารกในครรภ์ที่เป็นเพศหญิงมีการพัฒนาการของอวัยวะเพศภายนอกคล้ายกับเพศชายได้ ยิ่งทารกมีอายุครรภ์ตั้งแต่เดือนครึ่งขึ้นไปยิ่งอันตรายมากกว่าเดิม
2. หญิงที่กำลังให้นมลูกด้วยน้ำนมตัวเอง เนื่องจากยาสามารถปนออกมากับน้ำนมของแม่ได้
3. หญิงที่มีปัจจัยเสี่ยงหรือมีประวัติการเป็นโรคหลอดเลือดอุดตัน เช่น มีพฤติกรรมการสูบบุหรี่ โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น เนื่องจากยาตัวนี้จะเข้าไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการหลอดเลือดอุดตัน
4. หญิงที่เคยเป็นหรือกำลังเป็นโรคตับขั้นรุนแรง หากตับทำงานไม่ดี อาจทำให้เกิดการสะสมของตัวยาในร่างกายได้
5. หญิงที่เคยเป็นหรือกำลังเป็นมะเร็งเต้านม หรือมะเร็งที่อวัยวะเพศ เนื่องจากยาอาจส่งเสริมการเติบโตของเนื้อร้ายก้อนนี้ได้
[ads]
หากคุณจำเป็นต้องใช้ยาเพื่อเลื่อนประจำเดือนจริงๆ ต้องลองมาดูวิธีการใช้ให้ได้ผลและใช้ให้ปลอดภัยมากที่สุดกันดีกว่า
คำแนะนำเรื่องการใช้ยาเลื่อนประจำเดือน
1. ทานยาตอนไหน ทานตอนที่กำลังมีประจำเดือนได้หรือไม่?
การใช้ยาเลื่อนประจำเดือนควรเริ่มรับประทานอย่างน้อย 3 วัน ก่อนวันที่คาดว่าจะมีประจำเดือน โดยรับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง (เช้าและเย็น) หรือวันละ 3 ครั้ง (เช้า กลางวัน และเย็น) จนกว่าจะผ่านพ้นช่วงที่คุณไม่อยากมีประจำเดือน ทั้งนี้ ไม่ควรใช้ยานานเกิน 2 สัปดาห์ และหลังจากหยุดยา ประจำเดือนจะมาภายใน 2-3 วัน
การรับประทานยาขณะที่กำลังมีประจำเดือน ยาอาจมีผลเพียงแค่ช่วยลดปริมาณและจำนวนวันของการมีประจำเดือนให้น้อยลง แต่หลังจากหยุดยาจะทำให้มีประจำเดือนซ้ำอีกในช่วงเวลาใกล้ๆ กัน
2. จะส่งผลต่อการมาของประจำเดือนในรอบถัดไปหรือไม่?
การเลื่อนประจำเดือนเปรียบเสมือนการตั้งรอบเดือนใหม่ หรือหมายความว่า หากมีประจำเดือนหลังจากหยุดยานี้ในวันไหน ประจำเดือนรอบถัดไปก็จะมาประมาณในช่วงนั้น
3. หยุดยาแล้ว แต่ทำไมประจำเดือนยังไม่มา?
ยา นอร์-เอ-ทีส-เตอ-โรน อาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่น ทำให้ประจำเดือนไม่มา เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หากหยุดใช้ยาเกิน 1 สัปดาห์แล้วประจำเดือนยังไม่มา ควรรีบเข้าปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุความผิดปกติและหาทางรักษาที่เหมาะสม
4. ระหว่างที่รับประทานยาเลื่อนประจำเดือนอยู่ แล้วมีเพศสัมพันธ์ จะตั้งครรภ์หรือไม่?
เนื่องจากการใช้ยาเลื่อนประจำเดือน จะเริ่มใช้อย่างน้อย 3 วัน ก่อนวันที่คาดว่าจะมีประจำเดือน ซึ่งเป็นช่วงปลายของรอบเดือน (ผ่านช่วงไข่ตกมาแล้ว) โอกาสการตั้งครรภ์จึงพบได้น้อย แต่ก็ยังมีโอกาสอยู่ ดังนั้น จึงควรใช้ถุงยางอนามัยในการคุมกำเนิดร่วมด้วยทุกครั้ง
5. รับประทานยาคุมกำเนิดอยู่ สามารถใช้ยาเลื่อนประจำเดือนได้หรือไม่?
สามารถใช้ยาสองชนิดนี้พร้อมกันได้ในกรณีที่จำเป็น ทั้งนี้ ให้ใช้หลักการเดียวกับยา นอร์-เอ-ทีส-เตอ-โรน คือ ให้รับประทานเฉพาะเม็ดที่ประกอบด้วยตัวยา (ไม่ใช่เม็ดยาหลอกที่เป็นเม็ดแป้ง) เพื่อป้องกันไม่ให้เยื่อบุโพรงมดลูกหลุดลอกออกมา ทั้งนี้ทั้งนั้น ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรร่วมด้วย
6. รับประทานยาเลื่อนประจำเดือนบ่อยๆ จะมีผลเสียหรือไม่?
อาจพบอาการไม่พึงประสงค์ เช่น รอบเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ประจำเดือนมาถี่แต่มาแบบกะปริบกะปรอย หรือบางรายอาจประจำเดือนไม่มาเลย ดังนั้น หากไม่จำเป็นจริงๆ จึงไม่ควรใช้ยาเพื่อเลื่อนประจำเดือน นอกจากนี้ อาจพบอาการอื่นๆ ได้แก่ ปวดศีรษะ คัดตึงเต้านม คลื่นไส้และเวียนศีรษะ เป็นต้น
ก่อนการใช้ยาเลื่อนประจำเดือนควรพิจารณาให้รอบคอบว่าคุณจำเป็นจริงๆหรือไม่ อย่าใช้พร่ำเพรื่อตามใจ อย่างไรก็ตาม การใช้ด้วยวิธีที่ถูกต้องอย่างพอเหมาะพอดีจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดผลเสียจากการใช้ยานี้ได้ เพราะฉะนั้น ในวันที่คุณจำเป็นต้องใช้มันจริงๆ ก็คงจะหมดกังวลไปได้ไม่มากก็น้อยแล้วใช่ไหมละค่ะ
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก pharmacy.mahidol.ac.th
[ads=center]
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ