มีผู้หญิงหลายคนที่มีปัญหาความเป็นเพศชายในตัวเองสูง ส่วนใหญ่จะมีผิวค่อนข้างหยาบ ขนดก และเป็นสิวมากกว่าผู้หญิงทั่ว ๆ ไป จึงมักคิดว่าจำเป็นต้องการเพิ่มฮอร์เพศหญิงเข้าไปในตัว เพื่อดึงความเป็นเพศหญิงออกมาให้เด่นกว่าเพศชาย แต่การทานฮอร์โมนเพศเข้าไปแบบนี้จะมีผลกระทบทางสุขภาพบ้างหรือไม่ ตามมาหาคำตอบกันค่ะ
คุณหมอชัญวลี ศรีสุโข หรือคุณหมอหวิว สูตินรีแพทย์คนดัง ออกมาไขข้อสงสัยให้เราว่า อาการที่กล่าวมาข้างต้นนับเป็นความผิดปกติทางพันธุกรรมซึ่งมีฮอร์โมนเพศชายสูงมากมาตั้งแต่กำเนิด ส่วนใหญ่จะมีลักษณะหน้ามัน เป็นสิว ผิวค่อนข้างหยาบ รูขุมขนบนใบหน้ากว้าง ผมบางหรือหัวล้าน มีขนดก มีหนวดหรือเครา มากกว่าผู้หญิงทั่ว ๆไป
ความเชื่อของคนทั่วไปคือ เมื่อมีฮอร์โมนเพศชายสูงก็ต้องแก้ด้วยการเสริมฮอร์โมนเพศหญิง ไม่ว่าจะเป็นจากอาหาร ยา หรือสมุนไพร ที่หาได้ในเต้าหู้ ถั่วเหลือง น้ำมะพร้าว หรืออาหารที่มีฮอร์โมนเพศหญิงไฟโตเอสโตรเจนสูง หรือในกรณีที่ต้องการฮอร์โมนเพศหญิงสูง ก็จำเป็นต้องกินยาหรือสมุนไพรชนิดสกัดเข้มข้น หรือชนิดแคปซูล
แม้ว่าการเสริมฮอร์โมนเพศหญิงในคนที่มีฮอร์โมนเพศชายสูง อาจจะฟังดูเหมือนสมเหตุสมผล แต่ความเป็นจริงแล้วกลับไม่ถูกต้อง 100% และอาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคได้ เนื่องจาก…
ผู้หญิงที่มีฮอร์โมนเพศชายสูงผิดปกติ ก็มักจะมีฮอร์โมนเพศหญิงชนิดเอสโตรเจนสูงด้วย แต่ขาดฮอร์โมนเพศหญิงชนิดโปรเจสเตอโรน จึงทำให้มีอาการประจำเดือนผิดปกติ ประจำเดือนขาด หรือประจำเดือนน้อย ซึ่งวิธีแก้ไขที่ถูกต้อง ต้องพยายามหาสาเหตุความผิดปกติที่แท้จริงให้ได้ก่อน ไม่ใช่เริ่มต้นด้วยการทานฮอร์โมนทันที
[ads]
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเหล่านี้ เช่น
การมีถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (Polycystic ovarian syndrome : PCOS) ทำให้มีเนื้องอกที่ต่อมหมวกไต มีต่อมหมวกไตหนา(Adrenal hyperplasia ) หรือมีเนื้องอกที่รังไข่ เป็นต้น อาการนี้พบได้มากในวัยเจริญพันธ์ (ช่วงอายุระหว่าง 20-40 ปี) ไม่มีสาเหตุที่แน่นอน แต่เชื่อว่าน่าจะมาจากการถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม สิ่งแวดล้อม หรือความอ้วน
อาการที่มักพบเห็นในผู้ป่วยโรคนี้ คือ การมีประจำเดือนผิดปกติ ผิวหน้ามัน มีสิว มีขนดกบริเวณใบหน้า มีลูกยาก มีความผิดปกติของเมตาบอลิก และยังมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจอีกด้วย
และเนื่องจากมีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง จึงมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม ภาวะตกเลือดจากเยื่อบุโพรงมดลูกหนา และมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
วิธีการรักษาที่ดีที่สุด คือ การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ลดน้ำหนัก ลดอาหารไขมันสูง ออกกำลังกายเป็นประจำ พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด และอาจมีการลดฮอร์โมนเพศชายด้วยการใช้ยาต้านฮอร์โมนเพศชาย ร่วมถึงการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด หรือให้ฮอร์โมนเพศหญิง ‘โปรเจสเตอโรน’ ทดแทน
แต่หากมีอาการบ่งบอกว่ามีฮอร์โมนเพศชายสูง ที่เกิดจากอาการถุงน้ำในรังไข่หลายใบ แต่ใช้วิธีการเสริมฮอร์โมนเพศหญิง ‘เอสโตรเจน’ แบบผิดๆเข้าไปในระดับสูง อาจก่อให้เกิดผลเสียตามมาดังนี้
1. ไม่สามารถรักษาอาการหน้ามัน เป็นสิว ขนดก ผิวหยาบได้
2. เสี่ยงต่อการตกเลือด และเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
3. เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
4. เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม
5. เสี่ยงต่อการกระตุ้นโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูงให้กำเริบ หากเคยเป็นอยู่แล้ว
โดยสรุปก็คือ หากคุณผู้หญิงคนไหนรู้สึกว่าตัวเองมีฮอร์เพศเพศชายมากเกินไป อย่ารีบไปซื้อยาเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิงมาทานทันทีโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะยาที่คุณซื้อมาอาจจะเป็นฮอร์โมนเพศหญิงคนละตัว และทำให้อาการผิดปกติของคุณเพิ่มมากขึ้นกว่าเก่า ทำให้แสดงความเป็นชายมากขึ้นกว่าเดิม หรือทำให้เกิดมะเร็งได้
หวังว่าหลายๆคนน่าจะเข้าใจกันมากขึ้นและสามารถนำไปปรับใช้กับตัวเองได้นะคะ
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก women.sanook.com
[ads=center]
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ