รบ.ผลักดัน E-Payment บัตร ปชช. ที่มากกว่าแค่เอกสารราชการ เริ่ม ก.ย.นี้





ทำบัตรประชาชนใหม่

 

ใครที่ชอบพกบัตรหลายใบ เช่น บัตรประชาชน ใบขับขี่ บัตรถไฟฟ้า บัตรเครดิต บัตรร้านอาหาร ฯลฯ ต้องเคยมีคำถามในหัวว่า ทำไมไม่ทำให้เหลือใบเดียว? แล้วสรุปบัตรประชาชนมีหน้าที่แค่ เอามาถ่ายเอกสารอย่างเดียวใช่มั้ย… ไม่ใช่อีกต่อไป


เพราะหลังจากเกริ่นถึงแผน National E-Payment มาอย่างยาวนาน ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้สั่งการเดินหน้า National E-Payment ให้แล้วเสร็จใน 1 ปีครึ่ง โดยยุทธศาสตร์หลักที่จะผลักดันให้ ประเทศไทยเข้าสู่ยุคดิจิทัล มี 5 ข้อดังนี้

 

National-E-Payment-CONTENT-1024x405
ภาพประกอบจาก Marketeer.co.th

 

1.Any ID
โครงการนี้ตรงตามชื่อเลย คือ เอา ID มาใช้ในการโอนเงิน จ่ายเงิน ชำระบริการทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ ในตอนเริ่มจะใช้กับ เลขบัตรประชาชน และเบอร์โทรศัพท์ โดยในไตรมาส 2 จะมีการเปิดให้ประชาชนไปลงทะเบียนใช้ E-Payment กัน

 

2.ติดตั้งเครื่องรับ E-Payment
เมื่อทุกคนมีบัตร ก็ต้องมีการขยายการเข้าถึง โดยจะเพิ่มปริมาณเครื่องรูดบัตร (EDC) ให้เป็น 2 ล้านเครื่อง จากปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 100,000 เครื่อง ครอบคลุมประชาชนทั่วประเทศ โดยมีการเปิดเผยเบื้องต้นว่า “มูลค่าการชำระเงินขั้นต่ำคือ 20 บาท”

 

3.ระบบภาษีของกรมสรรพากร
การใช้ National E-Payment จะช่วยทำให้ระบบการจัดเก็บภาษีของรัฐบาลดีขึ้น ทำให้ธุรกิจที่ไม่เสียภาษี หรือเศรษฐกิจนอกระบบ (Shadow Economy) อย่างขายของออนไลน์ ต้องเข้าสู่ระบบมากขึ้น และเมื่อรวมกับนโยบายหนึ่งSME หนึ่งบัญชีก็น่าจะทำให้ E-Payment เป็นรูป เป็นร่างมากขึ้น

 

4.นำ E-Payment มาใช้กับภาครัฐ
การทำงานของภาครัฐ มักโดนบ่นเพราะล่าช้า แต่การนำระบบ E-Payment มาใช้กับองค์กรภาครัฐ จะช่วยให้การทำงานรวดเร็วยิ่งขึ้น และต่อไปสำเนาเอกสารคงไม่จำเป็นอีกต่อไป บัตรประชาชนใบเดียวจบ

 

5.ส่งเสริมและประชาสัมพันธ์
โครงการสุดท้ายคือการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วภูมิภาค ไม่เฉพาะในกรุงเทพ ได้เห็นประโยชน์จาก E-Payment และมอบสิทธิประโยชน์ เช่น การขึ้นรถเมล์ฟรี ให้แก่ผู้มีรายได้ต่ำอย่างแท้จริง

 

โดยในเดือนกันยายนนี้ โครงการที่ 1 : Any ID น่าจะแล้วเสร็จ เนื่องจากปัจจุบันมีการติดต่อกับสมาคมธนาคาร และธนาคารพาณิชย์ ให้เร่งนำรับบ E-Payment ไปปรับใช้
 

ซึ่งสาเหตุที่เราต้องอดใจรอสักนิด ก็เนื่องจากระบบรักษาความปลอดภัย เนื่องจาก E-Payment นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด แต่การนำมาใช้อย่างแพร่หลายถึง 2,000,000 เครื่อง จำเป็นต้องมีการทดสอบระบบอย่างถี่ถ้วน
 

เชื่อว่าหลังจากที่เริ่มมีการใช้จริงจัง ทุกวงการต้องมีการตื่นตัวกันอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก รวมถึงวงการการตลาดที่ตอนนี้กำลังวางแผนกันอยู่แน่ สำหรับผู้บริโภคก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เทคโนโลยีช่วยให้ชีวิตของเราสะดวกขึ้น ง่ายขึ้น และเสียเงินได้ง่ายขึ้นเช่นกัน


ขอบคุณข้อมูลจาก
Marketeer.co.th
Thai Gov

 

 

 

 

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: