‘รมว.พม.’ ขออภัย ปมเงื่อนไข อุปถัมภ์ดูแลผู้สูงอายุ ปี 67 ได้แค่ 1,107 ครอบครัว





23 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 29 เมษายน ตนจะเดินทางไปที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการประชากรและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ซึ่งสิ่งที่ตนจะนำเสนอคือ รายงานสมุดปกขาว และแผนการรับมือเรื่องปัญหาประชากรของประเทศไทย ที่ได้จากการทำเวิร์กช็อปเมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา และได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีไปเมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา

นายวราวุธกล่าวต่อว่า โดยการเดินทางในครั้งนี้ นอกจากเป็นตัวแทนประเทศไทยแล้ว ตนจะยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประเทศในภูมิภาคเอเชียกว่า 70 ประเทศ ซึ่งรวมถึงเอเชียกลางด้วย ถือเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยมีโอกาสเป็นตัวแทนภูมิภาค เข้าร่วมการประชุมที่มีความสำคัญต่ออนาคตของโลก อีกทั้งการประชุมในครั้งนี้ เป็นการประชุมครั้งที่ 57 ครบรอบ 30 ปีของการประชุมครั้งแรกที่ประเทศอียิปต์ นอกจากนี้ ยังมีการเสวนาร่วมกับอีกหลายประเทศ ซึ่งตนก็จะเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมเสวนาด้วย

นายวราวุธกล่าวว่า ส่วนกรณีเกิดความเข้าใจผิดในเงื่อนไขสำคัญในการพิจารณาเงินครอบครัวอุปถัมภ์สำหรับการช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุยากจน ซึ่งไม่ได้ให้ทุกคนนั้น ตนต้องขออภัยหากการให้ข่าวก่อนหน้านี้ของกระทรวง พม. จากอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุทำให้เกิดความสับสนเล็กน้อย โดยตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 15 พฤษภาคม จะเปิดรับคำขอรับเงินครอบครัวอุปถัมภ์เพื่อดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งสามารถยื่นขอรับสิทธิตามภูมิลำเนา ได้ที่กรมกิจการผู้สูงอายุ หรือ พม.จังหวัด

นายวราวุธย้ำว่า ต้องขอบอกว่างบประมาณที่กระทรวง พม.ได้รับในปี 67 ได้รับสนับสนุนมาเพียง 1,107 ครอบครัวเท่านั้น ไม่สามารถครอบคลุมกับผู้สูงอายุทุกคนได้ แต่ในปีงบประมาณ 68 เราจะติดต่อเพื่อขอให้ได้รับงบประมาณเพิ่มมากขึ้น แต่จะได้เท่าใดนั้น คงต้องประสานกับสำนักงบประมาณต่อไป

นายวราวุธกล่าวถึงเงื่อนไขสำหรับการได้รับเงินครอบครัวอุปถัมภ์ว่า จะต้องดูแลผู้สูงอายุมีฐานะยากจน ไม่มีผู้ดูแล เช่น ถูกทอดทิ้ง อยู่เพียงลำพัง, ผู้สูงอายุมีฐานะยากจน มีผู้ดูแล แต่ไม่สามารถเลี้ยงดูได้ เช่น บุตรหรือญาติที่ดูแลไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอ หรือต้องลาออกจากงานมาดูแล ขาดรายได้ประจำ เป็นต้น ซึ่งผู้ดูแลผู้สูงอายุต้องดูแลอย่างใกล้ชิด และต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง และผู้สูงอายุที่รอคิวเข้ารับบริการในศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ หรือสถานสงเคราะห์ของรัฐ หรือมูลนิธิที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายนั้น ก็สามารถขอรับเงินจำนวน 2,000 บาทได้ แต่หากครอบครัวใดมีความจำเป็นมากกว่านั้น ก็อาจได้ถึง 3,000 บาทต่อครอบครัว และจำนวนเงินนี้ก็จะได้ทุกเดือน ไม่ใช่ได้ครั้งเดียว แม้ข้ามปีงบประมาณก็ยังได้รับอยู่ แต่สิทธิเหล่านี้จะหมดไป ก็ต่อเมื่อผู้สูงอายุท่านนั้นเสียชีวิต หรือมีลูกหลานรับไปดูแล

 

ข่าวจาก : มติชน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: