ชายป่วยอัมพฤกษ์ ภรรยาเก่าดูแลไม่ไหว เหมารถส่งหาลูกชาย สุดท้ายลูกชายปฏิเสธ สั่งรปภ.ห้ามให้เข้าบ้าน





7 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งจากพนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ให้ช่วยมาเชิญตัว “ผู้ป่วยรายหนึ่ง” ซึ่งนั่งรถเข็นมากับรถยนต์คันหนึ่ง ที่จะเดินทางเข้าไปในหมู่บ้านดังกล่าวเพื่อขอพบลูกชายที่พักอาศัยอยู่ข้างใน

แต่ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติได้สอบถามไปยังลูกชายของผู้ป่วยรายนี้ กลับได้รับแจ้งกลับมาว่า ไม่สะดวกที่จะออกมาพบ แต่สั่งกำชับ รปภ.ของหมู่บ้านว่าห้ามชายคนดังกล่าวเข้าไปวุ่นวายในหมู่บ้านโดยเด็ดขาด ทำให้เจ้าหน้าที่ รปภ.ตัดสินใจทำตามคำสั่งลูกบ้านด้วยการโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาเชิญตัวชายป่วยซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ออกจากหมู่บ้านแห่งนี้ไป ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเชิญตัวมาที่โรงพักเพื่อหาทางช่วยเหลือต่อไป

จากการสอบถาม นายธนะภัทร อายุ 59 ปี อาชีพขับแท็กซี่ ซึ่งเพิ่งล้มป่วยเป็นอัมพฤกษ์ได้เพียง 2 อาทิตย์ และไปรักษาตัวตามสิทธิที่โรงพยาบาลในจังหวัดพิษณุโลก ได้ จ้างเหมารถให้เดินทางมาตามหาบ้านของลูกชายคนเล็กที่พักอาศัยอยู่ย่าน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ด้วยความหวังที่ว่าจะให้ลูกชายช่วยดูแลต่อหลังจากที่ล้มป่วยลงจนกลายเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก โดยนายธนะภัทธได้ออกเดินทางมาพร้อมกับภรรยาใหม่ที่เพิ่งอยู่กินกันมาได้ประมาณ 4 ปี ซึ่งก่อนหน้าที่นายธนะภัทธจะล้มป่วยลงได้ตระเวนขับรถแท็กซี่อยู่ย่านปากน้ำ จ.สมุทรปราการ

ด้าน นายวินัย อายุ 32 ปี คนขับรถรับจ้างที่พาเดินทางมาส่ง กล่าวว่า นายธนะภัทธได้ว่าจ้างให้ขับรถจากจังหวัดพิษณุโลกมาตามหาบ้านลูกชายคนเล็กที่อยู่แถว อ.บางบัวทอง หลังจากที่แกล้มป่วยลงได้เพียง 2 อาทิตย์ ด้วยความรู้จักมักคุ้นกันจึงขับรถพาแกมาหาบ้านของลูกชาย โดยออกเดินทางตั้งแต่ 2 ทุ่มของเมื่อวานนี้มาถึงที่บางบัวทองประมาณตี 3 หลังจากนั้นจึงได้แวะจอดอาศัยนอนกันในปั๊มน้ำมันเพื่อรอให้ถึงเช้า เพื่อที่จะเดินทางไปพบลูกชายแกในตอนเช้า

นายวินัยกล่าวว่า แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึงที่หน้าหมู่บ้านแล้ว ทาง รปภ.ให้จอดรถอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอติดตามเจ้าของบ้านก่อน แต่ลูกชายอ้างว่าไม่สะดวกออกมาพบ และให้ตนพาพ่อของเขาเดินทางกลับไปได้เลย แต่ลุงไม่ยอมกลับ จะรอจนกว่าลูกชายจะออกมา จนกระทั่งเวลาประมาณ 08.00 น. ลูกชายคนเล็กของลุงได้ขี่รถบิ๊กไบค์ออกมา ตนจึงเรียกให้จอดเพื่อพูดคุยกัน แต่ลูกชายแกไม่ยอมรับอ้างว่าจะรีบไปทำงาน ไม่สะดวกดูแล ให้ตนพาพ่อเขากลับไปได้เลย

จากนั้นเขาก็ขี่รถบิ๊กไบค์ออกไปโดยไม่สนใจพ่อของเขาที่นั่งอยู่ในรถ ก่อนที่สักพักต่อมา รปภ.จะเดินมาแจ้งให้พวกตนกลับออกจากหมู่บ้านไป เพราะลูกชายของลุงโทรมาแจ้งว่าห้ามคนกลุ่มนี้เข้าไปวุ่นวายในหมู่บ้านโดยเด็ดขาด แต่ลุงก็ยังไม่ยอมกลับ รปภ.จึงโทรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเชิญตัวไปที่โรงพักเพื่อหาทางช่วยเหลือ

ตนรู้สึกสงสารลุงจับใจ เหมือนเห็นน้ำตาแกจะไหลที่รู้ว่าลูกชายปฏิเสธไม่รับพ่อมาอยู่ด้วย ทั้งๆ ที่แกมีลูกชายอยู่ 2 คน ส่วนคนโตไม่สามารถติดต่อได้และไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน

น.ส.ลัดดาวัลย์ อายุ 38 ปี ภรรยาใหม่ กล่าวว่า ลุงได้ขอย้ายเข้ามาอยู่ในทะเบียนบ้านของตนที่จังหวัดพิษณุโลก เพื่อจะไปทำเรื่องดาวน์รถออกมาขับ โดยที่แกก็ขับรถอยู่แถวสมุทรปราการ ไม่ได้ไปพักอาศัยอยู่ที่พิษณุโลก จนกระทั่งต่อมาแกเกิดอาการน็อกเบาหวาน เส้นเลือดตีบ ตนกับพ่อแม่ก็ต้องหารถลงมารับตัวแกขึ้นไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลในจังหวัดพิษณุโลกตามสิทธิการรักษาอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ ซึ่งทางบ้านตนไม่สะดวกที่จะรับภาระดูแลแกต่อไปได้ เพราะทุกคนต้องทำงาน จึงถามกับแกว่าแกอยากจะไปอยู่ไหน แกก็บอกว่าอยากกลับไปอยู่กับลูกชาย อยากกลับไปหาลูก ตนจึงตัดสินใจหยิบยืมเงินเหมารถจากพิษณุโลกพาแกมาตามหาบ้านลูกชายคนเล็กของแก จนกระทั่งมาเจอกัน และลูกชายลุงก็ยืนยันว่านี่คือพ่อของเขาจริง แต่เขาไม่เอา ให้ตนพากลับไปด้วย

ทั้งๆ ที่ตนก็ไม่ใช่ญาติอะไรของลุงยังรู้สึกจุกอกขนาดนี้ ถ้าเป็นตนเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้า ลูกที่เลี้ยงมาแท้ๆ ยังทำแบบนี้ได้ แค่เขาถึงเวลาเจ็บป่วยช่วงสุดท้ายของชีวิต หวังจะมีลูกมาดูแลกลับถูกลูกผลักไสไม่เอา ตนยังรู้สึกเสียใจมากเลย ไม่รู้มาก่อนว่าลุงแกมีปัญหาอะไรกับครอบครัวแกมาก่อนหรือไม่ ตนไม่รู้เพราะไม่เคยถาม เป็นเรื่องส่วนตัวของแก รู้แต่ว่าลุงรักลูกชายแกทั้งสองคนมาก เพราะมีอัลบั้มรูปของลูกชายแกทั้งสองคนพกติดตัวไว้ตลอดเวลา

ด้านนายธนะภัทร หรือ “ลุงขับแท็กซี่” ที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก ซึ่งพอสื่อสารได้ กล่าวว่า สาเหตุที่ตนเลือกขอกลับไปอยู่กับลูกนั้นเป็นเพราะทางนี้จะพลอยลำบากกับตนไปด้วย เลยอยากกลับไปอยู่กับลูกมากกว่า ที่ผ่านมาตนก็ดูแลส่งเสียลูกเรียนจนจบการศึกษาทั้ง 2 คน แต่หากลูกไม่ยอมรับตน ตนก็ไม่โกรธ ไม่ผิดหวังใดๆ กับลูก โดยระหว่างที่นายธนะภัทรพูดมีน้ำตาคลอออกมาตลอด

ต่อมา พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง ได้ประสานกับ นางนวรัตน์ ศักดิ์โชตินนท์ ผอ.ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.นนทบุรี และเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคม จ.นนทบุรี เข้าให้ความช่วยเหลือนายธนะภัทรที่ล้มป่วยเป็นอัมพฤกษ์เข้าไปอยู่ในความดูแลของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งก่อน หลังจากที่ทั้งสองฝ่าย คือฝ่ายลูกชายที่ไม่ยอมรับพ่อไปอยู่ด้วย ขณะที่ฝ่ายครอบครัวใหม่ที่ไม่สะดวกดูแล เพื่อหาทางติดต่อกับลูกชายคนโตต่อไป

 

ข่าวจาก : มติชน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: