“ก้าวไกล” บินเดี่ยว ดันนิรโทษฯ-แก้ ม.112 เข้าสภา แม้ไม่มีใน MOU ไม่กังวลเรื่องหุ้นITV





22 พ.ค. 2566 ที่ห้องแกรนด์ บอลลูม โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยหัวหน้าพรรค และแกนนำพรรคอีก 7 พรรค ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในการจัดตั้งรัฐบาล

โดยนายพิธา ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงกรณีการยื่นแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ยังยืนยันจะทำอยู่หรือไม่ ว่า ยืนยันว่าจะทำอยู่ โดยเมื่อเดือนก.พ.2564 พรรคก้าวไกลได้ยื่นเข้าสู่สภาแล้ว แต่ไม่มีการบรรจุวาระดังกล่าวเข้าที่ประชุม ครั้งนี้คิดว่าน่าจะประสบความสำเร็จ ลุล่วงด้วยดี โดยเป็นการดำเนินการของพรรคก้าวไกล

เมื่อถามว่าหากใช้สภาแก้ไขมาตรา 112 จะส่งผลกระทบต่อเสียงที่จะสนับสนุนนายพิธา เป็นนายกฯ หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่คิดว่าอย่างนั้น เพราะพรรคก้าวไกลมีทีมเจรจา มีกรอบในการเจรจาเพื่อคลายความกังวลใจจากวุฒิสภาหลายเรื่อง โดยเจตจำนง เนื้อหากฎหมาย ตั้งใจทำให้มาตรา 112 ไม่ถูกนำมาโจมตีทางการเมือง คำอธิบายที่ยื่นไปแล้ว หรือเทียบกับความเป็นสากลก็ดี หรือเอ็มโอยู เขียนชัดเจนว่า องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันละเมิดมิได้ จะทำให้วุฒิสภาสบายใจมากขึ้น รวมถึงประชาชนจำนวนมาก

ยืนยันว่ามาตรา 112 เป็น 1 ใน 45 กฎหมายที่พรรคก้าวไกลเตรียมยื่นเข้าสภา เพื่อพูดคุยอย่างมีวุฒิภาวะ ในมุมกลับจึงไม่สร้างความกังวลใจ เมื่อพูดคุยกัน ได้รับฟังข้อมูลเป็นแนวทางที่ดี นี่คือสิ่งที่ได้รับรายงานจากทีมเจรจาของพรรคก้าวไกล

เมื่อถามว่าหากผลักดันมาตรา 112 เข้าสภาฯ ท่าทีของอีก 7 พรรคร่วมเป็นอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า ย้ำว่าทุกพรรคมีเอ็มโอยูตรงกัน หากพูดคุยถึงวาระร่วมของเรา การผลักดันนโยบายร่วมมีทั้งวาระร่วม และวาระเฉพาะของแต่ละพรรคอยู่ แต่ละพรรคมีโอกาสที่จะผลักดันนโยบายเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้ขัดแย้งจากเอ็มโอยูฉบับนี้ โดยผ่านกลไกของรัฐมนตรีในฝ่ายบริหาร และผลักดันผ่านส.ส.ในฝ่ายนิติบัญญัติ สิ่งที่พูดตั้งแต่แรกของเอ็มโอยู และตอนท้ายของเอ็มโอยู เขียนไว้ชัดเจน

เมื่อถามถึงแผนสำรองของพรรคก้าวไกล หากนายพิธา ไม่ผ่านเสียง ส.ว.ในการโหวตเป็นนายกฯ จะทำอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า ตอนนี้คิดว่ากระบวนการของเรา ไม่ว่าคณะเจรจา หรือคณะเปลี่ยนผ่านอำนาจทางการเมืองของรัฐบาล เป็นไปด้วยดี ไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องมีแผนสำรอง ถ้าเป็นฉากทัศน์แบบนั้น รัฐธรรมนูญพูดไว้ชัดเจนว่าทำอย่างไรได้บ้าง ไม่เป็นข้อกังวล

ส่วนกรณีการไม่บรรจุประเด็นการอำนวยความยุติธรรม หรือนิรโทษกรรมในเอ็มโอยูไว้ แสดงว่าจะผลักดันเป็นวาระเฉพาะใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า การนิรโทษกรรมมีความพยายามที่จะพูดคุยกัน อย่างไรก็ดีเราตัดสินใจว่าจะเป็นวาระเฉพาะแต่ละพรรค โดยก้าวไกลยืนยันจะดำเนินการตามนโยบายที่หาเสียงไว้ เป็นวาระเฉพาะของก้าวไกล

เมื่อถามย้ำถึงจุดยืนของก้าวไกล เป็นพรรคเดียวหรือไม่ที่จะผลักดันแก้ไขมาตรา 112 เป็นวาระเฉพาะ และสถานการณ์ตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างไรกับสถานการณ์เมื่อก.พ. 2564 ที่ยื่นร่างเข้าสภาไปแล้ว นายพิธา กล่าวว่า สถานการณ์ตอนนี้เปลี่ยนไปเยอะ ทุกสำนักข่าวตอนนี้มีการพูดคุยกันเรื่องนี้ แตกต่างกับปี 2562-2564 ที่ไม่มี และประเด็นต่างๆ เรื่องของมาตรา 112 ได้ตอบไปแล้ว

เมื่อถามถึงกรณีหุ้นสื่อบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ที่ถูกยื่นคำร้องต่อ กกต.ให้ตรวจสอบอยู่นั้น หาก กกต.มีมติอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา และเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญ มีแผนสำรองอย่างไร มั่นใจเรื่องนี้แค่ไหน นายพิธา กล่าวว่า ไม่ต้องกังวล อย่างที่บอกต้องรอคำร้อง กกต.ก่อน

ตอนนี้เราไม่จำเป็นต้องตีตนก่อนไข้ อย่างที่อธิบายหลายครั้งว่า เรามีหลักฐาน หลักกฎหมาย เตรียมตัวชี้แจงไว้แล้ว และอธิบายหน่วยงานเกี่ยวข้อง ตั้งแต่สมัยอดีตพรรคอนาคตใหม่ไปแล้ว แต่แน่นอนว่าทั้งหมดทั้งปวง คำร้องมีลักษณะแบบไหน ยื่นคำร้องอย่างไร และจะอธิบายให้สังคมเข้าใจ หวังว่าจะคลายความกังวลลงไปได้

 

ข่าวจาก : ข่าวสด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: