กัญชาเสรีแผลงฤทธิ์ ราคาร่วงหนัก เหมือนเลิกฮิตไปแล้ว





“มารุต ชุ่มขุนทด” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท คลาส คอฟฟี่ จำกัด เจ้าของร้านกาแฟ “คลาส คาเฟ่” หนึ่งในผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่กระโดดเข้ามาในตลาดกัญชา ด้วยการเปิดแฟรนไชส์ ร้าน “เขาใหญ่ คาม” (Khaoyai calm) และมีโปรดักต์ไฮไลต์ เป็นเครื่องดื่มชา กาแฟ จากกัญชา ขึ้นมารองรับเมื่อช่วงปี 2564 ได้อัพเดตธุรกิจให้ฟังว่า “ตอนนี้ที่หน้าร้านแทบจะไม่มีดีมานด์ หรือเสียงเรียกหาเครื่องดื่มกัญชาเข้ามาแต่อย่างใด เมื่อเทียบกับช่วงแรก ๆ ที่เปิด ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่ตลาดบูม ทำให้ตอนนี้ต้องกลับไปเน้น กาแฟ-ชา เหมือนเดิม”

“นอกจากนี้จากการพุดคุยกับผู้ประกอบการหลาย ๆ รายก็พบว่า จากความไม่ชัดเจนของกฎหมาย รวมถึง ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง (ของพรรคภูมิใจไทย) ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภา และยังไม่รู้ว่าจะเสร็จทันในสมัยประชุมนี้หรือไม่ ทำให้ตอนนี้ผู้ประกอบการเครื่องดื่มรายใหญ่ที่เคยประกาศจะผลิตสินค้าเกี่ยวกับกัญชาออกมาทำตลาด อาจจะขอ hold หรือหยุดไว้ก่อน ขณะที่ผู้ประกอบการรายเล็กรายกลางจำนวนหนึ่ง ก็ตัดสินใจเลิกกิจการไปเลย เนื่องจากเป็นเป้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาตรวจสอบเป็นระยะ ๆ”

“ช่วงแรก ๆ ที่เปิด เราต้องวิ่งหาใบกัญชากันอย่างหนักและราคาก็แพง เป็นของหายาก กิโลละ 5,000-6,000 บาท ต้องโทร.ตามขอซื้อ แต่ตอนนี้เราไม่ต้องวิ่งไปขอซื้อแล้ว เขาต้องโทร.เข้ามาเสนอขายให้ พร้อมส่งของได้เลยทันที ที่สำคัญคือ ราคาลดลงมาก เพราะตอนนี้คนปลูกกันมาก”

ใบราคาร่วงเหลือกิโลละพัน
สอดคล้องกับผู้บริหารวิสาหกิจชุมชมหลาย ๆ แห่งในภาคอีสานให้ข้อมูลไปในทิศทางเดียวกันว่า ขณะนี้ราคาขายใบ กิ่ง ก้าน ลำต้น เปลือก ราก ตกลงมาก เนื่องจากตลาดมีความต้องการลดลง โดยเฉพาะใบกัญชาสด ที่ตอนนี้ราคาลดลงเหลือเพียงกิโลกรัมละ 500-1,000 บาทเท่านั้น ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ที่ปลูก จากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ราคาสูงกว่า 5,000-6,000 บาท ส่วนช่อดอกที่ขายให้กับโรงพยาบาล หรือองค์การเภสัชกรรม หรือหน่วยงานในสังกัด สธ. ที่นำไปสกัดสารซีบีดี หรือนำไปค้นคว้าวิจัย ยังขายได้ตามปกติ

“ดีมานด์ที่ลดลง ปัญหาเกิดจากนโยบายของภาครัฐที่ไม่ชัดเจน ตอนนี้ส่วนประกอบของกัญชา ใบกัญชาที่ทำชาก็ขายไม่ได้ ส่วนราก ต้น ส่วนอื่น ๆ ที่ใช้ประโยชน์ได้ ชาวบ้านก็เอาไปต้มกิน ที่น่าเป็นห่วงก็คือ การลักลอบปลูกที่มีมากขึ้น ซึ่งภาครัฐไม่สามารถควบคุมได้ เมื่อใคร ๆ ก็ปลูก ก็ไม่มีคนมาซื้อ คนที่น่าห่วงคือ คนที่ลงทุนปลูกอย่างถูกต้อง ใช้เงินลงทุนมาก เพราะต้องปลูกในโรงเรือนปิด ตอนนี้ยังไม่คืนทุนเลย แต่ตลาดก็เริ่มวาย”

 

ข่าวจาก : prachachat

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: