สรรพากรตรวจยิบขอคืนภาษี หาก7วันยังไม่ได้คืน เข้าเกณฑ์กลุ่มเสี่ยง





10 ก.พ.2566 นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ปีนี้การคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะมีการตรวจสอบรายละเอียดมากขึ้น โดยจะเพิ่มเกณฑ์ในการตรวจสอบเอกสารขอคืนภาษีมากขึ้นสำหรับกลุ่มที่มีสัญญาณความเสี่ยง เนื่องจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการตรวจสอบพบว่ามีการทุจริตในการยื่นขอคืนภาษีจำนวนหนึ่ง ซึ่งได้ดำเนินการตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว

“ปีนี้มีการเพิ่มเกณฑ์สำหรับกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการขอคืนภาษีเข้าไป เพราะก่อนหน้านี้มีการตรวจเจอแล้ว และจับได้แล้วว่ามีการทุจริตในการยื่นขอคืนภาษี เนื่องจากที่ผ่านมามีกระบวนการในการยื่นและคืนภาษีค่อนข้างเร็ว ทำให้มีการดำเนินการในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้น แต่คงบอกไม่ได้ว่าเป็นการทุจริตแบบใด”

ดังนั้น ปีนี้หากผู้ที่ยื่นขอคืนภาษีแล้ว 7 วันยังไม่ได้คืนภาษี ก็แปลว่าอาจจะมีสัญญาณอะไรในตัวผู้ยื่น จากปกติที่ยื่นภาษีแล้วจะได้คืนภาษีภายใน 3 วัน โดยปัจจุบันมีผู้อยู่ในฐานภาษี 11 ล้านราย เป็นผู้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้ 4 ล้านราย โดยในจำนวนนี้กว่า 90% เป็นการยื่นผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์

นอกจากนี้ กรมสรรพากรอยู่ระหว่างเตรียมแก้หลักเกณฑ์เพื่อเปิดทางให้สถาบันการเงินและสตาร์ทอัพซอฟท์แวร์เฮ้าส์ ที่เชี่ยวชาญระบบบัญชีและภาษีสามารถเป็นผู้ให้บริการนำส่งข้อมูลระบบบัญชีและภาษีรวมถึงสามารถยื่นภาษีผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Tax Service Provider) ได้ เพื่อให้มีผู้เล่นในตลาดเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีผู้ให้บริการ Service Provider ที่ได้รับใบอนุญาตจากกรมสรรพากรแล้ว ประมาณ 20 ราย โดยคาดว่าภายในเดือน มี.ค. 2566 น่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ดังกล่าว

ทั้งนี้ เนื่องจากในปีนี้กรมฯ มีการปรับกลยุทธ์เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เสียภาษี และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น และอยากทำให้เรื่องภาษีเป็นเรื่องง่ายสำหรับทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจตั้งใหม่ที่ส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการด้านภาษีอย่างมาก ดังนั้นการอัพเกรดบริการ Service Provider ให้มีบริการ Tax Service Provider ให้สามารถใช้ซอฟท์แวร์ด้านภาษีและบัญชีมาบริการลูกค้าในกลุ่มดังกล่าว เพื่อจะได้ไม่ต้องกังวลในเรื่องการชำระภาษีให้ถูกต้อง

“ปัจจุบันสถาบันการเงินยังไม่สามารถทำตรงนี้ได้ เราก็จะแก้เกณฑ์ให้ทำได้ โดยจะขยายบทบาทให้ทำได้ตั้งแต่ทำบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ ทำเพย์เม้น ไปจนถึงกระบวนการยื่นภาษีต่าง ๆ โดยกรมสรรพากรอย่างเห็นภาพว่าบริษัทตั้งใหม่ หรือบริษัทสตาร์ทอัพที่พัฒนาซอฟท์แวร์ด้านบัญชีและภาษี มีการยกระดับธุรกิจซอฟท์แวร์เฮ้า พัฒนาตนเองมาให้บริการในส่วนนี้ ก็จะเป็นการต่อยอดการให้บริการลูกค้าไปในตัวด้วย ขณะที่ผู้ให้บริการปัจจุบัน 20 ราย ก็ต้องปรับตัว เพื่อตอบโจทย์การให้บริการลูกค้าให้อยากมาเข้าระบบภาษีมากขึ้น” นายลวรณ กล่าว

 

ข่าวจาก : ข่าวสด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: