ส.ต.อ.เปิดใจเหตุด่ากราด น้อยใจนายไม่ปกป้อง ลั่นสู้ถึงที่สุดหากถูกให้ออกไม่เป็นธรรม





29 ตุลาคม ส.ต.อ.อัษฏางค์ แก้วบุญเรือง อายุ 34 ปี ผบ.หมู่ (คผส.) สภ.เมืองไหม จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นตำรวจที่อยู่ในคลิปเหตุการณ์ใช้ถ้อยคำด่าทอ พ.ต.อ.รัชพล บุนนาค ผกก.สภ.เมืองไหม จ.ขอนแก่น ด้วยคำหยาบคาย หลังจากไม่พอใจที่ถูกเรียกให้เข้ารับทราบเรื่องเกี่ยวกับการถูกแจ้งข้อหาในความผิดวินัย จากกรรมการคดีวินัย ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น เหตุเกิดในเวลาประมาณ 16.48 น. ของวันที่ 27 ตุลาคม ที่ผ่านมา ตามที่ได้มีการนำเสนอไปก่อนหน้านี้

ส.ต.อ.อัษฏางค์เปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า จุดเริ่มต้นของเรื่องที่เกิดขึ้นมาจากการที่มารดาของตนมีปัญหาขัดแย้งกับชาวบ้านในพื้นที่ ต.โคกสี อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยคู่กรณีที่มีปัญหากันได้เผาหญ้าและวัชพืชในที่ดินของเขา ซึ่งที่ติดกับรั้วของครอบครัวตนเอง ทำให้ไฟลุกลามไหม้เข้าไปในที่ดินของบ้านตนเอง โดยในวันเกิดเหตุมารดาได้นำหลักฐานเป็นภาพถ่าย คลิปวิดีโอขณะที่ไฟกำลังลุกไหม้ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองไหม หน่วยงานที่ตนเองสังกัดอยู่ แต่พนักงานสอบสวนกลับไม่รับแจ้งความให้กับมารดาของตนเอง แต่ในวันเดียวกันคู่กรณีก็ได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองไหม ประมาณ 10 คน พนักงานสอบกลับไล่ให้มารดาของตนเองกลับไปก่อน แล้วรับแจ้งความให้กับคู่กรณี

โดยกล่าวหาตนในฐานความผิด 4 ข้อหา คือ มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย, ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือชุมชน, ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ, ใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สามโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ซึ่งข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความโดยไม่มีหลักฐาน แม้กระทั่งข้อหายิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือชุมชน พนักงานสอบสวนก็ไม่ได้มีการเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุหรือหาหลักฐานว่าเป็นความจริงหรือไม่ เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี แต่กลับไปตรวจสอบที่เกิดเหตุหลังจากที่เกิดเหตุและแจ้งข้อกล่าวหาตนเองไปแล้วประมาณ 3 เดือน ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วหากพนักงานสอบสวนรับแจ้งความแล้วไม่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก็จะมีความผิดตามกฎหมาย โดยทุกข้อกล่าวหาตนเองได้มีการโต้แย้งทุกข้อกล่าวหา ตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน ชั้นอัยการ และชั้นศาล

ส.ต.อ.อัษฏางค์กล่าวอีกว่า ในเรื่องของอาวุธปืนนั้น ตนเองมีอาวุธปืนที่มีทะเบียนถูกต้อง 2 กระบอก โดยเป็นปืนจากโครงการตำรวจทั้งหมด โดยในวันที่ตนเองถูกคู่กรณีกล่าวหาว่ามีการยิงปืนข่มขู่ ก็ได้ทำเรื่องขอส่งตรวจอาวุธปืนโดยขอให้ผู้กำกับลงนามรับรองก่อนส่งไปตรวจที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 4 แต่ผู้กำกับก็บ่ายเบี่ยงไม่ลงนามให้ จึงขอให้รองผู้กำกับสอบสวนเป็นผู้ลงนามแทน เพราะต้องการแสดงความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้มีอาวุธปืนเถื่อน ซึ่งคดีที่ตนเองและคู่กรณีที่ได้มีการแจ้งความเอาผิดกัน ได้ขึ้นสู่ชั้นศาลในทุกคดีแล้ว

ซึ่งสุดท้ายแล้วตนเองถูกตัดสินลงโทษให้รอลงอาญา 3 ปี คุมประพฤติ 1 ปี บำเพ็ญประโยชน์เป็นเวลา 12 ชั่วโมง ปรับเงิน 14,000 บาท ยังไม่รวมคดีแพ่งที่ต้องชดใช้ให้คู่กรณี 2 คน คนแรก จำนวน 100,000 บาท คนที่ 2 จำนวน 30,000 บาท โดยอยู่ระหว่างการอุทธรณ์ ขณะที่คดีที่ตนเองเป็นฝ่ายฟ้องร้องเกี่ยวกับการที่คู่กรณีจุดไฟเผาลามเข้ามาในบ้านตนเอง ศาลได้ให้คู่กรณีเสียค่าปรับให้มารดาเป็นเงิน จำนวน 4,500 บาท และให้รอลงอาญา 1 ปี ในส่วนของคดีเกี่ยวกับวินัยนั้น นับตั้งแต่เกิดเรื่องและมีการตั้งกรรมการคดีวินัย ก็ได้รายงานตนต้องคดีมาโดยตลอด มีการนำพยานหลักฐานชี้แจงมาโดยตลอด แม้กระทั้งศาลได้ตัดสินว่าตนเองแพ้คดี ตนเองก็ยังได้รายงานถึงกรรมการคดีวินัยเช่นเดิม

“กรณีที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นตามคลิปวิดีโอ และมีประโยคที่ตนเองพูดว่า “ตำรวจฆ่าตำรวจ” เป็นการสื่อให้รู้ว่า ตำรวจไม่รักพวกพ้องเดียวกัน เวลาที่ลูกน้องของตนเองไปมีปัญหาขัดแย้งกับชาวบ้าน ผู้บังคับบัญชาจะไม่ถามลูกน้องตัวเองหน่อยเหรอว่าเกิดอะไรขึ้น อะไรถูกอะไรผิด มีแต่บอกว่าให้เราไปทำให้เรื่องมันจบง่ายๆ ให้เร็วที่สุด หากกราบเท้าชาวบ้านได้ก็ให้กราบ ซึ่งมองว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และไม่เป็นการเปิดโอกาสให้เราได้ชี้แจง ทำให้ตนเองรู้สึกว่าไม่ได้รับการเหลียวแลจากผู้บังคับบัญชา ทั้งที่ตนเองทำหน้าที่ใน สภ.เมืองไหม หลายตำแหน่งมาก”

“ที่ผ่านมาไม่ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งก็ไม่เคยคิดน้อยใจ เพราะก็ทำหน้าที่ของตนเองต่อไปอย่างเต็มที่ แต่มันก็มีเรื่องที่ทำให้ต้องอดคิดไม่ได้ว่า คนที่ทำงานเต็มที่แต่พอประเมินออกมา กลายเป็นว่าคนที่มีเส้นสาย เป็นเด็กนายได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง เรื่องนี้ก็ว่ากันไป แต่เวลาที่เกิดเรื่องมา ทำไมผู้บังคับบัญชาถึงไม่ปกป้องเราบ้าง มิหนำซ้ำยังบอกให้เรายอมรับโดยที่ไม่ถามเราเลย เรื่องที่เกิดขึ้นหากทำให้ตนต้องออกจากราชการตำรวจโดยถูกบีบให้ออก ก็จะสู้เต็มที่เพื่อความถูกต้อง และอยากให้ผู้บังคับบัญชาฟังเสียงลูกน้องตัวเองบ้าง”

 

ข่าวจาก : มติชน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: