เปิดใจ ม.6 หวงรถ ซ้อมรุ่นน้องสลบ รับขาดสติ-ทำเกินเหตุ





เปิดใจ รุ่นพี่ ม.6 ฉุนรุ่นน้อง ม.1 ขาดสติทำร้ายร่างกาย ทั้งต่อย เตะ จนสลบคาโรงเรียน อ้างหวงรถจักรยานยนต์คันใหม่ เปิดราคารถจักรยานยนต์สุดหรูคู่ใจ คันละกว่า 2.8 แสนบาท เพิ่งดาวน์ออกมาไม่ถึงเดือน เจ้าตัวยอมกราบขอโทษครอบครัวผู้เสียหาย รับทำไปแบบขาดสติ พร้อมสำนึกผิด ขอโอกาสให้อภัย ด้านผู้เสียหายยังไม่ยินยอม เรียกร้องค่าเสียหายและส่งตำรวจดำเนินคดีถึงที่สุด ส่วน สพม.รุดดูแลเยียวยาผู้เสียหาย กำชับโรงเรียนเพิ่มมาตรการดูแลเข้ม

เมื่อวันที่ 20 กันยายน นายฉัตรชัย ไชยมงค์ รอง ผอ.สพม.นครพนม ประสานงานร่วมกับ นายสนั่น เมตุลา ผู้อำนวยการ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษดิ์ อ.ศรีสงคราม พร้อมด้วย นายธีระพงษ์ บุตรดี รองผู้อำนวยการโรงเรียนฝ่ายกิจการนักเรียน ร่วมกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน สพม.นครพนม ลงพื้นที่มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้นให้กับ ด.ช.อายุ 13 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

กรณีถูกรุ่นพี่ อายุ 19 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ทำร้ายร่างกายชกต่อย เตะ จนสลบคาโรงเรียนได้รับบาดเจ็บ พร้อมประสานหน่วยงานเกี่ยวข้อง ตำรวจ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้าไปดูแลช่วยเหลือในด้านต่างๆ ส่วนการดำเนินคดีทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถเจรจาตกลงกันได้ โดยแม่ผู้เสียหาย อายุ 38 ปี ยืนยันเรียกร้องค่าสินไหม จำนวน 50,000 บาท แต่ครอบครัวผู้ก่อเหตุอ้างไม่มีเงินเพียงพอที่จะชดเชย จึงมอบหมายให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย

ล่าสุด รุ่นพี่ อายุ 19 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ผู้ก่อเหตุ ออกมาเปิดใจว่า หลังเกิดเหตุสำนึกผิด ยอมรับขาดสติ ที่ทำลงไปเพราะความหวงรถจักรยานยนต์คันใหม่ที่เพิ่งซื้อ เป็นเงินที่สะสมด้วยตนเอง และพ่อแม่ให้มา รวมเป็นเงินดาวน์ จำนวน 30,000 บาท เป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า xmax 300 ราคารวมผ่อนชำระทั้งหมดประมาณ 2.8 แสนบาท ชำระงวดละประมาณ 3,000 บาท เพิ่งซื้อมายังไม่ถึงเดือน

โดยก่อนเกิดเหตุมีเพื่อนที่รู้จักตะโกนบอกว่ามีน้องโยนตระกร้อใส่รถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ใกล้ที่เล่นกีฬา ในช่วงระหว่างพักคาบเรียน จึงเดินเข้าไปหาคนเจ็บ และยอมรับว่าไม่ได้สอบถาม และตรวจสอบความเสียหาย ด้วยความโมโห อารมณ์ชั่ววูบ เพราะรักรถมาก จึงขาดสติตัดสินใจชกต่อยใบหน้า 2 หมัด และน้องล้มลงเตะซ้ำอีก 3 ครั้ง ยอมรับว่าเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินไป ทั้งที่เห็นน้องยกมือขอโทษก่อนที่จะชกที่ใบหน้า

จนหลังเกิดเหตุมาคิดได้แต่สายเกินไปแล้ว มาถึงวันนี้กราบขอโทษครอบครัวน้อง และพร้อมสำนึกผิด อยากให้สังคมและครอบครัวน้องให้โอกาส และขอรับผิดจากการกระทำทุกอย่าง ขอความเมตตา กรณีอยากให้ออกจากโรงเรียน ขอเรียนให้จบการศึกษา เพราะเหลืออีกไม่กี่เดือน ส่วนการชดเชยเยียวยาขึ้นอยู่กับตาและยาย เพราะตนไม่มีเงิน และยืนยันไม่ได้คิดร้ายต่อน้องอีก ยืนยันจะไม่มีพฤติกรรมแบบนี้อีก

 

ข่าวจาก : มติชน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: