“สุชัชวีร์” แจงเหตุทรัพย์สินเพิ่ม300ล้าน เพราะแต่งงาน-เป็นของภรรยา





เอ้ สุชัชวีร์ แจงที่มาทรัพย์สินเพิ่ม 300 ล้าน เหตุเพิ่งแต่งงาน ส่วนใหญ่เป็นของภรรยา แจงที่มารายได้ก่อนลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ยืนยันพร้อมถูกตรวจสอบ

จากกรณีที่ที่ประชุม กมธ.ป.ป.ช. ซึ่งมี พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ในฐานะ ประธาน กมธ. เป็นประธาน จะเชิญ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เข้าให้ข้อมูล เนื่องจากมีเหตุอันควรสงสัยว่าทุจริตต่อหน้าที่ และร่ำรวยผิดปกติหรือไม่

โดยเรื่องดังกล่าว สืบเนื่องจากวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2559 ดร.สุชัชวีร์ ปรากฏมีทรัพย์สินประมาณ 44 ล้านบาท จากนั้น วันที่ 19 กันยายน 2563 ดำรงตำแหน่งอธิการบดีครบ 3 ปี มีทรัพย์สินประมาณ 74 ล้านบาท และเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 มีทรัพย์สินรวมกับภรรยาประมาณ 342 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเพิ่มของทรัพย์สินอย่างผิดปกติ คือเพิ่มขึ้น 224 ล้านบาท ในระยะเวลา 1 ปีเศษ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ดร.สุชัชวีร์ เปิดใจผ่าน รายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ระบุว่า ถ้าบอกว่าตนมีทรัพย์สินเพิ่ม 300 ล้านบาท ก็ไม่ยุติธรรมกับตน เพราะเพิ่งแต่งงานเมื่อ 3 ปีที่แล้ว โดยภรรยามีทรัพย์สินมากกว่า ซึ่งการยื่นบัญชีทรัพย์สินวันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นครั้งแรกที่ตนต้องยื่นของตัวเองพร้อมคู่สมรสที่จดทะเบียน ซึ่งเราได้แสดงให้ละเอียดที่สุด

โดยทรัพย์สินของตนมีประมาณ 141 ล้านบาท หนี้สิน 26 ล้านบาท เกิดจากการสร้างบ้าน โดยกู้เงิน 35 ล้านบาท ล่าสุดเพิ่งรีไฟแนนซ์ ขณะที่ทรัพย์สินของภรรยามีประมาณ 200 ล้านบาท หนี้สิน 8 ล้านบาท ดังนั้น ทรัพย์สินที่เพิ่มจำนวนมากเป็นของภรรยา และในการแสดงทรัพย์สินแต่ละครั้งเขาระบุว่า ต้องอ้างอิงกับราคาปัจจุบันเสมอ ดังนั้น เมื่อเวลาผ่านไป แม้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทรัพย์สินจะเพิ่มขึ้นตามมูลค่าราคาปัจจุบัน และยืนยันทุกอย่างพร้อมรับการตรวจสอบ

เมื่อถามว่าทรัพย์สิน เมื่อปี 2563 ประมาณ 74 ล้านบาท แต่ในปี 2564 มี 141 ล้านบาท เป็นการเพิ่มจากส่วนใด นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ตนเป็นวิศวกรอาชีพ เป็นวุฒิวิศวกร คือวิศวกรขั้นสูงสุดโดยในการยื่นบัญชีทรัพย์สิน ตนแสดงรายได้รวมในแต่ละปีประมาณ 18.7 ล้านบาท ซึ่งมาจากการประกอบวิชาชีพวิศวกร และจากการได้รับเชิญไปเป็นกรรมการ รวมถึงจากเบี้ยประชุม โบนัส และการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหุ้น ขณะเดียวกันมีหนี้สินก้อนใหญ่ แต่เมื่อหักลบกันแล้วจะเห็นว่าไม่แตกต่าง

ก่อนที่จะลาออกมาลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. มีรายได้ต่อปีกี่ล้านบาทนั้น ที่ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินครั้งล่าสุด 18.7 ล้านบาทต่อปี ตนจบปริญญาเอกด้านวิศวกรรมมากกว่า 20 ปี และได้ไปเป็นกรรมการในหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนเงินเดือนขณะทำงานที่ สจล.ต้องยอมรับว่า ตนเป็นศาสตราจารย์เต็มขั้นตั้งแต่อายุยังน้อยจึงทำให้เงินเดือนก้าวกระโดดเร็วจาก 1 แสนบาท ซึ่งตนเป็นศาสตราจารย์มา 10 กว่าปี ส่วนที่เหลือเป็นเงินเดือนประจำตำแหน่งอธิการบดี ตนเป็นอธิการมา 7 ปี ก็จะมีการปรับขึ้นทุกปีจนกระทั่งเต็มขั้น ฉะนั้นเงินเดือนล่าสุดเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิการบดีล่าสุดอยู่ที่ 4 แสนบาท โดยใช้โดยใช้ระยะเวลากว่า 7 ปีกว่าจะได้เท่านี้ที่เหลือเป็นรายได้ในส่วนของกรรมการบริษัทและจำนวนหุ้นที่ถือครองอยู่

นายสุชัชวีร์ ยืนยันว่า ตนเชื่อในเรื่องของการตรวจสอบการทำหน้าที่ และยังมั่นใจในระบบยุติธรรม ยินดีที่จะได้รับการตรวจสอบแม้ผู้ตรวจสอบจะเป็น นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อจากพรรคก้าวไกล และจะไม่ขอเปลี่ยนตัว กมธ.ที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบ เพราะเท่าที่ดูก็ไม่มีอะไรเพิ่มเติม โดยส่วนตัวเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องทางการเมือง ตนเชื่อในเรื่องของความเป็นธรรม จริง ๆ ก็รู้อยู่แล้วว่ามาต้องเจออะไรแต่ก็ต้องทนให้ได้

 

ข่าวจาก : kapook

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: