วันนี้ (12 มี.ค.) ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีชินแสโชกุน ตุ๋นซื้อทัวร์ไปต่างประเทศ ลอยแพผู้เสียหายที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัทเวลท์เอเวอร์ จำกัด น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือซินแสโชกุน อายุ 34 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ ร่วมกับจำเลยอีก 8 คน ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเป็นซ่องโจร นอกจากนี้ บจก.เวลท์เอเวอร์ และ น.ส.พสิษฐ์ จำเลยที่ 1-2 ยังถูกฟ้องอีกในข้อหาร่วมกันจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ควบคุมฉลากโดยแสดงฉลากไม่ถูกต้อง ฐานซื้อหรือรับไว้ของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยหลีกเลี่ยงอากรฯ
สำหรับคดีนี้ จำเลยได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ทั้งที่รู้ว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีแหล่งผลิตในต่างประเทศ โดยมีผู้อื่นนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังไม่ได้เสียภาษี และจำเลยได้สมคบกันเป็นซ่องโจรร่วมกันฉ้อโกงประชาชน แสดงข้อความอันเป็นเท็จ โฆษณาชักชวนประชาชนทั่วไปผ่านเพจเฟซบุ๊ก “WealthEver For Life” เว็บไซต์ยูทูปและแอพพลิเคชั่นไลน์กลุ่ม เชิญชวนให้ประชาชนสมัครเข้าเป็นสมาชิกและร่วมลงทุน จำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริม โดยจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนสูง และมีการจัดโปรแกรมท่องเที่ยวให้สมาชิกเดินทางไปเมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 10 – 15 เม.ย. 2560 และ 11- 16 เม.ย. 2560 จนมีประชาชน 871 คน หลงเชื่อสมัครเข้าเป็นสมาชิกและร่วมลงทุนทำธุรกิจกับบริษัท
คดีนี้ศาลชั้นต้น พิพากษาจำคุก จำเลยที่ 2 , 5 และ 8 คนละ 871 กระทงๆ ละ 5 ปี รวมจำคุก 4,355 ปี ให้ปรับบริษัทเวลท์เอเวอร์ 435,500,000 บาท แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 (2) แล้ว ให้จำคุกจำเลยได้สูงสุดคนละ 20 ปี ให้จำเลยที่ 1, 2, 5, 8 ร่วมกันชดใช้เงินแก่ผู้เสียหาย 871 คน มูลค่ากว่า 51 ล้านบาทเศษ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้อง 6 ก.ค. 2560 เป็นต้นไป
ต่อมา น.ส.พสิษฐ์ หรือซินแสโชกุน ยื่นอุทธรณ์สู้คดี โดยศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า อุทธรณ์ของจำเลยไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ พิพากษาลงโทษจำคุก จำเลยที่ 2,5 และ 8 รวม 871 กระทง รวมจำคุกคนละ 4,355 ปี และพิพากษาแก้ว่า การกระทำของจำเลยที่ 5, 6, 8, 9 เป็นการช่วยเหลือจำเลยที่ 1-2 ให้กระทำความผิด ให้ลงโทษบทหนักสุด ตาม พ.ร.บ.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กระทงละ 3 ปี 4 เดือน โดยกระทำผิดรวม 871 กระทง จำคุกจำเลยที่ 5, 6, 8, 9 คนละ 2,903 ปี 4 เดือน แต่เมื่อรวมโทษจำคุกตามกฎหมายแล้ว จำคุกสูงสุดคนละ 20 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อากาศร้อนจัด เป็ดไล่ทุ่งไม่ออกไข่ คนเลี้ยงเดือดร้อน ต้องขายทิ้งยกฝูง
Advertisement 27 เมษายน 2567 นายเส กล่อมกำเนิด อายุ 63 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งหมู่ที่ 3 ตำบลท่าขมิ้น อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร กล่าวว่า ตนเองได้เลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งจำนวน 1 ฝูง รวม 5,200 ตัว แต่ในปีนี้เกิดสภาพอากาศที่แห้งแล้ง และมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นเกิน 40 องศา บางวัน 41-42 องศา ทำให้อุณหภูมิร้อนจัดติดต่อกันมานานหลายวัน ส่งผลกระทบให้เป็ดไล่ทุ่งที่ตนเองเลี้ยงไว้ไม่ออกไข่เท่าที่ควร หรือออกไข่มาก็ลูกเล็กไม่ได้ขนาดตามที่ตลาดต้องการ เนื่องจากอากาศที่ร้อนจัดทำให้เป็ดไล่ทุ่งไม่ค่อยกินอาหาร นายเสกล่าวอีกว่า ซึ่งตนเองต้องสั่งซื้ออาหารเสริมมาเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งทุกวัน วันละ 4 กระสอบ แต่ราคาอาหารเสริมมีราคาแพงถึงกระสอบละ 530 บาท ทำให้ตนเองต้องเพิ่มต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันจะนำเป็ดไล่ทุ่งไปเลี้ยงตามแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อกินกุ้ง หอย ปู ปลา เหมือนแต่ก่อนไม่มีแล้ว เนื่องจากแหล่งน้ำธรรมชาติก็แห้งขอดเกือบทุกที่ อีกทั้งจะนำเป็ดไล่ทุ่งไปปล่อยเลี้ยงตามแปลงนาข้าวที่เก็บเกี่ยวไปแล้วเหมือนแต่ก่อนก็ทำไม่ได้แล้ว เพราะเกษตรกรไม่ค่อยได้ทำนาปรังกัน อีกทั้งปัญหาการเคลื่อนย้ายฝูงเป็ดต้องได้รับการอนุญาตจากปศุสัตว์จังหวัด ปศุสัตว์อำเภอก่อน แต่ปัจจัยหลักคือแหล่งน้ำไม่เพียงพอ และอากาศที่ร้อนจัด Advertisement […]
admin111 admin111
27 April 2567เพื่อไทยย้ำ นายกฯมีอำนาจเต็มปรับครม.เชื่อได้รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งมากขึ้น
Advertisement 27 เมษายน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ระบุนายกฯปิดจ๊อบโผ ครม.เศรษฐา 2 นิ่ง จัดทัพ เสริมแกร่งรัฐบาลว่า การปรับคณะรัฐมนตรีจะปรับเร็วหรือปรับช้า ปรับเล็กหรือปรับใหญ่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง มีอำนาจเต็มในการปรับคณะรัฐมนตรีชัดเจน นายอนุสรณ์กล่าวว่า เท่าที่ติดตามข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้เชื่อว่าจะเป็นคณะรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สามารถทำงานเป็นทีม ตอบโจทย์กับสถานการณ์ปัญหาปัจจุบันได้มากขึ้น การปรับ ครม.ในสถานการณ์การเมืองแบบพรรคร่วมรัฐบาลไม่ง่าย การที่นายเศรษฐาสามารถดำเนินการได้ขนาดนี้ถือว่ามีอำนาจเต็ม เปิดโอกาสให้รัฐมนตรีได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ และเมื่อถึงเวลาต้องปรับก็ปรับด้วยความมั่นใจ ว่าจะสามารถกระชับการทำงานให้ตอบโจทย์แก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติและประชาชนได้ “ครม.สไตล์รัฐบาลเศรษฐาทำงานเร็วในการเดินหน้าผลักดันนโยบายเรือธงของรัฐบาล ทำงานเต็มประสิทธิภาพเพื่อประโยชน์ประเทศชาติและประชาชน“ นายอนุสรณ์กล่าว ข่าวจาก : มติชน Advertisement Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
admin111 admin111
27 April 2567ราชกิจจาฯ เผยแพร่กฎกระทรวง เพิ่มวงเงินค่ารักษาพยาบาลให้นายจ้างจ่าย กรณีลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
Advertisement ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 141 ตอนที่ 23 ก หน้า 1 ลงวันที่ 25 เมษายน 2567 เผยแพร่ กฎกระทรวงค่ารักษาพยาบาลให้นายจ้างจ่าย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2567 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 6 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ. 2537 และมาตรา 13 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ. 2537 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.เงินทดแทน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ยกลิกความในข้อ 2 แห่งกฎกระทรวงค่รักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. 2563 ที่ระบุว่า “ข้อ 2 เมื่อลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ให้นายจ้างจ่ายค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริง ตามความจำเป็นแต่ไม่เกิน […]
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ