28 ก.ย. 62 – นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่โซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อความว่าไม่สามารถจ่ายเงินผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง ในมาตรการชิมช้อปใช้ได้ ว่า จากการตรวจสอบขอยืนยันว่า คนส่วนใหญ่สามารถใช้ แอพพลิเคชั่นเป๋าตัง และแอพพลิเคชั่นถุงเงินได้ปกติ ไม่ได้เกิดระบบขัดข้องอะไร แต่ขอแนะนำให้ผู้ที่ใช้งานต้องเปิดการระบุสถานที่บนสมาร์ทโฟน (โลเคชั่น เซอร์วิส) กับแอพพลิเคชันไว้ด้วย เพื่อให้สามารถตรวจสอบและรับรู้ถึงพิกัดในจังหวัดที่ไปใช้จ่ายจริง เนื่องจากทั้ง 2 ระบบนี้ จะทำงานร่วมกับโลเคชั่น เซอร์วิสบนโทรศัพท์ เพื่อยืนยันสถานะร้านค้าและผู้จ่ายเงินว่าไปใช้ตามสิทธิในจังหวัดที่ได้ยืนยันไว้ตั้งแต่แรก
“ขอแนะนำให้ผู้ใช้สิทธิ์ทุกคนต้องเปิดโลเคชั่น เซอร์วิสไว้ ในการใช้แอพฯ จ่ายเงินด้วย ถ้าใครปิดโลเคชั่น หรือไม่แจ้งแชร์สถานที่ไว้ก็จะใช้ชำระสินค้าไม่ได้”
ส่วนกรณีที่มีผู้ที่ได้รับสิทธิ์แล้วไม่สามารถยืนยันตัวตน ผ่านการแสดงใบหน้าได้นั้น ขอให้เดินทางไปที่สาขาของธนาคารกรุงไทยที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้ เพื่อรับการบริการจากเจ้าหน้าที่ได้ทันที เพราะบางคนอาจมีใบหน้าแตกต่างจากบัตรประชาชน แต่เรื่องนี้ภาครัฐต้องการรอบคอบในการตรวจสอบสิทธิ์ เพื่อไม่ให้มีใครมาสวมสิทธ์การใช้งานนี้ได้
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ในกรณีที่ร้านค้าที่รับจ่ายเงินในมาตรการชิมช้อปใช้ เมื่อตัดเงินออกจากแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง ของลูกค้าแล้ว ปรากฎว่าไม่มียอดเงินเข้าแอพพลิเคชั่นถุงเงินนั้น ขอให้ร้านค้าไม่ต้องตกใจ ทั้งหมดเป็นไปตามระบบปกติของธนาคารกรุงไทย โดยหลักการทำงาน เมื่อมีการใช้เงิน ยอดจะถูกตัดเข้าบัญชีในอีก 1 วันทำการ (ในวันราชการ) ดังนั้น หากมีการใช้จ่ายในช่วงเสาร์-อาทิตย์ ยอดเงินก็จะเข้าแอพพลิเคชั่นในวันจันทร์ ขอให้ประชาชนที่ใช้สิทธิ์ และ ร้านค้า ใช้จ่ายในมาตรการได้ตามปกติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาการตัดเงินเข้าแอพลิเคชั่นล่าช้านั้น ฝ่ายสื่อสารของธนาคารกรุงไทยได้ชี้แจงระบบอาจจะล่าช้า เนื่องจากมีผู้มาใช้สิทธิ์ ทั่วประเทศพร้อมกันเป็นจำนวนมาก ธนาคารขอความร่วมมือให้ร้านค้า ทำรายการทีละขั้นตอน ถ้าการโอนเงินไม่ผ่าน หรือติดขัด ขอให้ดำเนินการซ้ำ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อากาศร้อนจัด เป็ดไล่ทุ่งไม่ออกไข่ คนเลี้ยงเดือดร้อน ต้องขายทิ้งยกฝูง
Advertisement 27 เมษายน 2567 นายเส กล่อมกำเนิด อายุ 63 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งหมู่ที่ 3 ตำบลท่าขมิ้น อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร กล่าวว่า ตนเองได้เลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งจำนวน 1 ฝูง รวม 5,200 ตัว แต่ในปีนี้เกิดสภาพอากาศที่แห้งแล้ง และมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นเกิน 40 องศา บางวัน 41-42 องศา ทำให้อุณหภูมิร้อนจัดติดต่อกันมานานหลายวัน ส่งผลกระทบให้เป็ดไล่ทุ่งที่ตนเองเลี้ยงไว้ไม่ออกไข่เท่าที่ควร หรือออกไข่มาก็ลูกเล็กไม่ได้ขนาดตามที่ตลาดต้องการ เนื่องจากอากาศที่ร้อนจัดทำให้เป็ดไล่ทุ่งไม่ค่อยกินอาหาร นายเสกล่าวอีกว่า ซึ่งตนเองต้องสั่งซื้ออาหารเสริมมาเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งทุกวัน วันละ 4 กระสอบ แต่ราคาอาหารเสริมมีราคาแพงถึงกระสอบละ 530 บาท ทำให้ตนเองต้องเพิ่มต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันจะนำเป็ดไล่ทุ่งไปเลี้ยงตามแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อกินกุ้ง หอย ปู ปลา เหมือนแต่ก่อนไม่มีแล้ว เนื่องจากแหล่งน้ำธรรมชาติก็แห้งขอดเกือบทุกที่ อีกทั้งจะนำเป็ดไล่ทุ่งไปปล่อยเลี้ยงตามแปลงนาข้าวที่เก็บเกี่ยวไปแล้วเหมือนแต่ก่อนก็ทำไม่ได้แล้ว เพราะเกษตรกรไม่ค่อยได้ทำนาปรังกัน อีกทั้งปัญหาการเคลื่อนย้ายฝูงเป็ดต้องได้รับการอนุญาตจากปศุสัตว์จังหวัด ปศุสัตว์อำเภอก่อน แต่ปัจจัยหลักคือแหล่งน้ำไม่เพียงพอ และอากาศที่ร้อนจัด Advertisement […]
admin111 admin111
27 April 2567เพื่อไทยย้ำ นายกฯมีอำนาจเต็มปรับครม.เชื่อได้รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งมากขึ้น
Advertisement 27 เมษายน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ระบุนายกฯปิดจ๊อบโผ ครม.เศรษฐา 2 นิ่ง จัดทัพ เสริมแกร่งรัฐบาลว่า การปรับคณะรัฐมนตรีจะปรับเร็วหรือปรับช้า ปรับเล็กหรือปรับใหญ่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง มีอำนาจเต็มในการปรับคณะรัฐมนตรีชัดเจน นายอนุสรณ์กล่าวว่า เท่าที่ติดตามข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้เชื่อว่าจะเป็นคณะรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สามารถทำงานเป็นทีม ตอบโจทย์กับสถานการณ์ปัญหาปัจจุบันได้มากขึ้น การปรับ ครม.ในสถานการณ์การเมืองแบบพรรคร่วมรัฐบาลไม่ง่าย การที่นายเศรษฐาสามารถดำเนินการได้ขนาดนี้ถือว่ามีอำนาจเต็ม เปิดโอกาสให้รัฐมนตรีได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ และเมื่อถึงเวลาต้องปรับก็ปรับด้วยความมั่นใจ ว่าจะสามารถกระชับการทำงานให้ตอบโจทย์แก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติและประชาชนได้ “ครม.สไตล์รัฐบาลเศรษฐาทำงานเร็วในการเดินหน้าผลักดันนโยบายเรือธงของรัฐบาล ทำงานเต็มประสิทธิภาพเพื่อประโยชน์ประเทศชาติและประชาชน“ นายอนุสรณ์กล่าว ข่าวจาก : มติชน Advertisement Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
admin111 admin111
27 April 2567ราชกิจจาฯ เผยแพร่กฎกระทรวง เพิ่มวงเงินค่ารักษาพยาบาลให้นายจ้างจ่าย กรณีลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
Advertisement ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 141 ตอนที่ 23 ก หน้า 1 ลงวันที่ 25 เมษายน 2567 เผยแพร่ กฎกระทรวงค่ารักษาพยาบาลให้นายจ้างจ่าย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2567 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 6 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ. 2537 และมาตรา 13 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ. 2537 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.เงินทดแทน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ยกลิกความในข้อ 2 แห่งกฎกระทรวงค่รักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. 2563 ที่ระบุว่า “ข้อ 2 เมื่อลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ให้นายจ้างจ่ายค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริง ตามความจำเป็นแต่ไม่เกิน […]
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ