มีงานทำมีเงิน แต่ยังไม่ซื้อรถเพราะต้องการ”บ้าน”…รีวิวมหากาพย์บ้านเพื่อพ่อแม่ โดยหนุ่มวัย24 ตั้งแต่ยื่นกู้-ก่อสร้าง-บ้านเสร็จสมบูรณ์!!





 

เรื่องโดย : คุณทอส (ล็อกอิน สมาชิกหมายเลข 1952986)
เว็บไซต์ : 
https://pantip.com/topic/35289626https://pantip.com/topic/34957539

สวัสดีครับพี่ๆเพื่อนๆชาวพันทิป ผมชื่อ ทอส ครับ อายุอานามก็ 24 ปีแล้ว วันนี้โอกาสดีจึงขออนุญาตใช้พื้นที่รีวิวการสร้างบ้านของผม ที่ตั้งใจสร้างให้พ่อกับแม่ได้อยู่สบายหน่อยนะครับ 

ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นของการสร้างบ้าน

ขอเท้าความก่อน ว่าด้วยจุดเริ่มต้นการอยากมีบ้านที่ดีสักหลัง ให้พ่อกับแม่ได้อยู่แบบสบายๆก่อนนะครับ จะว่าไปคงไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกที่อยากให้พ่อกับแม่หรือครอบครัวตัวเองได้อยู่สุขสบาย ทุกคนก็อยากให้เป็นแบบนั้นใช่ไหมครับ 

แต่สำหรับผมมันเป็นมากกว่านั้น เพราะตั้งแต่เกิดมาบ้านที่อยู่ตั้งแต่จำความได้ ก็แทบจะไม่กล้าเรียกมันว่าบ้านเลย แต่ทำไงได้คนเราเกิดมาต้นทุนไม่เหมือนกัน บางคนเกิดมามีพร้อมทุกอย่าง บ้าน รถ ของใช้ต่างๆ แต่กับบางคนที่ต้องดิ้นรน สร้างสิ่งนั้นๆขึ้นมาเอง แต่ๆผมก็ไม่คิดโทษใคร แต่ก็มีน้อยใจบ้าง เห็นครอบครัวคนนั้นคนนี้มี เราก็อยากมีใช่ไหมครับ แต่ไม่เป็นไร ผมจำได้ว่า พ่อเคยบอกว่า 

“อยากได้อะไรก็เก็บเงินซื้อเอา พ่อไม่มีอะไรจะให้หรอก” 

และตั้งแต่นั้นมา ผมก็เริ่มที่จะตั้งเป้าหมายในชีวิตของตัวเองว่า ต้องเรียนจบ ต้องมีงานทำ ต้องมีบ้าน มีรถ ที่ต้องสร้างขึ้นมาเองทั้งหมดให้ได้ พอได้เรียนในมหาลัยจนเรียนจบ และมันไม่ง่ายเลยที่พ่อแม่จะส่งผมเรียนจนจบได้ เพราะลำพังท่านเองก็ไม่ได้มีอาชีพอะไรนอกจาก ทำนา ปลูกผักขาย ตามประสาชาวบ้านนาธรรมดา แต่ท่านเองก็ไม่เคยบ่นให้ลูกได้ยิน 

จนกระทั่งเรียนจบ ผมก็ตั้งใจว่า ภายใน 2 ปีหลังจากนี้ เราจะต้องสร้างบ้านให้พ่อแม่ได้อยู่สบายให้ได้ หลังจากเรียนจบผมเองก็ได้เข้ามาทำงานในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วย แสง สี เสียง นั้นก็คือ กรุงเทพมหานคร ถิ่นที่มีคนมากหน้าหลายตาเดินกันขวักไขว่ จากเด็กบ้านนอกเข้ามาทำงานในเมืองกรุงคนเดียว ก็ตั้งหน้าตั้งตาตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ผมเองได้ทำงานในบริษัทใหญ่ เงินเดือนในตอนนั้นผมเองก็ต้องบอกได้เลยว่ามากอยู่นะ เพราะคิดว่า เด็กจบใหม่อย่างเรา ได้เกิน 15K ก็สุดยอดแล้ว 

ก็ทำไปเรื่อยๆ เงินเดือนที่ได้ก็แบ่งตามสัดส่วน ไว้ใช้จ่ายเองบ้าง ค่าเช่าห้อง ค่าเดินทางไปทำงาน ของใช้ส่วนตัว ส่งให้ที่บ้าน ส่วนที่เหลือก็เที่ยวเล่นบ้าง (ท่องเที่ยวนะครับ) ไม่ได้ไปลงขวด 

ก็เล่นๆ สักพักใหญ่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่านี่เราทำงานมาจะ 1 ปีแล้ว เงินเก็บแม้แต่บาทเดียวยังไม่มีเลย ไม่ได้การแล้วๆ ต้องวางแผนการใช้ชีวิตใหม่ 

หลังจากนั้นก็ทวนคิดกลับไปวันที่เรียนจบว่าเป้าหมายของตัวเองคืออะไร จึงคิดได้ว่า เราต้องสร้างบ้านให้พ่อแม่ได้อยู่สบายไม่ใช่หรือนี่ แต่นี่อะไรทำงานเที่ยวเล่นอยู่ได้ โชคดีที่ตั้งสติได้จึงได้เริ่มค้นหาแรงบันดาลใจในการสร้างบ้าน  ก็ได้มาพบกับเว็บ พันทิปนี้ล่ะครับ ที่รวบรวมสิ่งต่างๆไว้เยอะแยะไปหมด และนี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างบ้านของผมเลยก็ว่าได้

ในระหว่างที่อายุงานจะครบ 1 ปี ผมเองก็ได้ศึกษาหาข้อมูลในการสร้างบ้านต่างๆจากกระทู้ของพี่ๆในพันทิปนี่ละครับ ทั้งกระทู้รีวิวการสร้างบ้าน การกู้เงินสร้างบ้าน และบลาๆ จนรวบรวมได้มาคิดว่าน่าจะเพียงพอที่จะเริ่มต้นของโปรเจคนี้ได้ 

และด้วยความไฟแรงหรืออะไรไม่รู้ จนในวันหนึ่งผมเองมีอายุงานครบ 1 ปี จึงได้ไปค้นมาแบบบ้านจากบริษัทแห่งหนึ่ง ไปดูแบบ จนได้แบบที่ต้องการที่จะเอามาสร้างให้พอดีกับบ้านที่อยู่ปัจจุบัน 

จนกระทั่งดำเนินการตั้งแต่ ให้แม่โอนที่ดินเป็นชื่อตัวเอง เตรียมเอกสารการกู้เงินสนส่งเอกสารยื่นกู้ไปที่ธนาคารแห่งหนึ่ง (สีม่วง) และเซ็นสัญญาก่อสร้างเรียบร้อย แล้วก็รอๆ แต่โชคไม่เข้าข้างเลย ธนาคารแจ้งว่ายอดอนุมัติไม่ถึง ราคาก่อสร้างบ้านซึ่งขาดไปเกือบครึ่งหนึ่ง ในใจผมเองคิดว่า การมีบ้านนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยหรอวะเนี่ย แต่ไม่เป็นไร 

ตอนนั้นเลยแจ้งยกเลิกสัญญาก่อสร้างไปก่อน คิดว่าจะลองไปยื่นธนาคารอื่นและหาแบบบ้านใหม่ดู มีทั้งลองออกแบบเองบ้าน หาแบบนู่นนี่นั้นมาประสมกันบ้าง 

แต่โชคก็ไม่เข้าข้างผมอีก เพราะบริษัทที่ทำงานอยู่หมดสัญญา (ผมเป็นพนักงานสัญญาจ้าง) เอาแล้วไงเล่นงานตรูแล้ว แต่ก็ได้ความว่า บริษัทต่อสัญญาไปอีก 6 เดือนแต่ต้องเปลี่ยนไปเป็นบริษัทอื่น (ผมทำงานวงการ IT เป็น Outsource) เอ้าชิปหายแล้ว แบบนี้ธนาคารจะมองว่าผมเองเปลี่ยนงานใหม่ล่ะสิ ทีนี้จะยื่นกับธนาคารได้เหรอ เพราะอายุงานที่ใหม่พึ่งจะเริ่ม ไม่ได้การแล้วต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม 

และตามเคย แหล่งขอมูลที่สำคัญของผม ก็คือเว็บพันทิปนี่เอง อ่านไปอ่านมา ก็เห็นส่วนมากบอกว่าสามารถยื่นกู้ได้ไม่มีปัญหา ผมเองนี่ใจชื้นขึ้นมาเลย แต่ยังไม่พอ ลองหาข้อมูลของธนาคารเกี่ยวกับคุณสมบัติผู้กู้ไว้ด้วย ส่วนมากก็บอกว่า อายุงานใหม่ต้อง 4 เดือนบ้าง 6 เดือนบ้าง และทีนี้ทำไงล่ะ ก็ต้องรอให้อายุงานบริษัทใหม่ครบ 4 เดือนก่อนใช่ไหมนิ เฮ้ยชีวิตเหรอชีวิต คงเป็นบทพิสูจน์บางอย่างสินะ 

แต่เอาวะ  ไหนๆก็ตั้งใจที่จะมีบ้านให้พ่อแม่ได้อยู่สบายทั้งที ทนเหนื่อยอีกหน่อยก็แล้วกัน หลังจากนั้นก็ทำเป็นเดินบัญชีให้สวยๆ และรอเวลาอันเหมาะ อันควร รอ รอ รอ…….

และๆๆๆในที่สุดก็ได้เวลาสมควรจริงๆ อายุงานใหม่ผมครบตามคุณสมบัติของธนาคารแล้ว ได้เวลาลุยต่อก็โปรเจคนี้ จากนั้นก็ค้นหาแบบบ้านใหม่ จนได้แบบที่คิดว่าลงตัวที่สุดแล้ว ทีนี้โชคดี เพราะผมไปเจอแบบที่ทางการโยธาของกรุงเทพมหานคร ได้ทำออกมาแจกประชาชน ชื่อโครงการ “แบบบ้านยิ้มเพื่อประชาชน 3” 

และไปถูกใจแบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้น 3ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ชื่อ “แบบบ้านทับทิม” และไปขอแบบที่สำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ พื้นที่ใกล้ที่อยู่ปัจจุบันที่สุด ก็เลยตรงดิ่งไปแผนกโยธาเลยครับ บอกเจ้าหน้าที่ว่ามาขอแบบบ้านฟรีครับ เค้าก็ให้แบบบ้านมาทั้งเล่มเลย บอกให้ไปถ่ายเอกสารเองนะ โอ๊ะอะไรจะง่ายปานนั้น 

ก็เอาไปถ่ายเอกสารสิครับ รออะไร ดูไปดูมาทั้งหมด 31 แผ่น จัดไปสิครับ 100 กว่าบาทเอง ดีกว่าไปจ้างเค้าออกแบบตั้งหลายหมื่น และก็ได้แบบเรียบร้อย ก็เอาเล่มแบบบ้านไปคืนเจ้าหน้าที่พร้อมกับบอกขอบคุณครับ…. 

งานต่อไปคือหาผู้รับเหมาหรือบริษัทก่อสร้างในเขตจังหวัดขอนแก่น ลืมบอกไปผมเป็นคนขอนแก่นครับ จนไปเจอบริษัทรับสร้างบ้านแห่งหนึ่ง และแล้วปฏิบัติการตามล่าฝันจึงบังเกิดขึ้นทันที

 

บ้านที่อาศัยมาตั้งแต่เกิด

 

 

 

 

 

บ้านในฝันที่กำลังจะเป็นความจริง

 

 

 

-ในวันที่ 18 มกราคา 2559 
เจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งราคาประเมินว่าได้ เท่านี้นะ โอเคไหม 1.5 ล้านบาท แอบน้อยใจ ยื่นไปตั้ง 1.8 ล้านบาท ทำไมได้น้อยจัง แล้วจะอนุมัติเท่าไหร่เนี่ย แต่ไม่เป็นไร ขอให้ได้ค่าบ้านก่อนแล้วกัน ตกแต่งค่อยว่ากันทีหลัง 

เล่ามาตั้งนาน ลืมบอกไปว่า บ้านที่จะสร้าง ราคา 1.4 ล้านบาทถ้วนๆ สำหรับ บ้าน 2 ชั้น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ขนาดประมาณ 120 ตรม. เราก็ถามเจ้าหน้าที่ธนาคารกลับไปด้วยความอยากรู้ว่า จะใช้เวลาในการอนุมัตินานไหม เค้าก็ว่า ประมาณ 1-3 สัปดาห์ โอ้ ไม่ ไม่นานเลยเนอะ 555 คิดในใจ คงไม่เกิน 2 สัปดาห์นะ แล้วก็วางสายไป แล้วก็ได้แต่รอ รอ รอ แต่ก็ทำใจแล้วแล้วว่าธนาคารนี้ ยืนยันทุกคน ว่านาน บางคน 2 เดือน 3 เดือนบ้าง เอาวะไหนๆก็รอมาตั้งนานแล้ว จะรอต่อๆไปก็ไม่เห็นเป็นไร *ด้วยความใจเย็น และแน่วแน่ มั้ง 555

-ในวันที่ 29 มกราคม 2559 
ระหว่างที่รอเรื่องจากธนาคารออมสิน อยู่ดีๆก็มีสายเข้าแจ้งว่าติดต่อจากเจ้าหน้าที่ประมาณบ้านจากธนาคารอาคารสง..จะเข้าไปประเมินบ้านวันนี้ ตกใจสิครับ อะไรกัน ไม่มีการโทรแจ้งลูกค้าเลยว่าจะมา ทีจะเร็วก็เร็วเกินไปไหม ไม่ได้ตั้งตัวเลย เค้าก็บอกว่า พอดีผ่านทางนี้เลยจะเข้ามาไปประเมินเลยจะได้ไม่เสียเวลา มีค่าประมาณ 2,800 นะ เอาละวะ ได้เสียเงินแบบไม่ได้ตั้งตัวอีกแล้ว เอาวะ เอาไว้เป็นทางเลือก ในกรณีออมสินอนุมัติไม่พอค่าบ้าน ก็ตอบโอเคไปแบบไม่เต็มใจ ทำไงได้เล่นมาอยู่หน้าบ้านแล้วนิ นิมันมัดมือชกชัดๆ เลยว่าไหม…. ก็ถ่ายรูปเหมือนเดิม แต่แปลกหน่อยไม่เก็บเงินทันที บอกคนที่บ้านว่าเดี๋ยวให้ลูกชายโอนให้ก็ได้ (ผมเอง อยู่ กทม.) แล้วก็กลับไป

-ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559 
ลองติดต่อกลับไปที่ทางธนาคารออมสิน ถามผลการพิจารณา เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่า ตอนนี้ได้ยอดอนุมัติแล้วนะ ได้ 1.4 ล้านบาท เดี๋ยวจะนัดเข้ามาทำการเซ็นสัญญาพร้อมจดจำนอง ที่สำนักงานที่ดิน วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2559 นะ เราก็ตอบโอเคร ไปด้วยความดีใจมาก ได้รับอนุมัติแล้ว ในตอนนั้นไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้มีบ้านแล้ว ถึงจะได้แค่ค่าบ้านก็เถอะ ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย 

ตอนนั้นไม่เป็นอันทำอะไร คิดได้อย่างเดียวโทรกลับไปหาพ่อ บอกข่าวดีว่าเราจะมีบ้านใหม่แล้วนะ หลังจากที่ต่อสู้ดิ้นรนมายาวนานเกือบปี และก็อึ้งไปอีกอย่าง ทีแรกไม่ได้ตั้งใจจะเลือกธนาคารออมสินหรอก แค่ยื่นไว้เล่นๆ เผื่อ อีกธนาคารไม่ได้ แต่กลับเป็นว่าออมสินอนุมัติเร็วกว่าซะอีก 555 

-ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559 
ลองโทรไปที่ธนาคารอาคารสง…… ถามไปว่าเรื่องถึงไหนแล้ว ได้ความว่า ราคาประมาณได้แค่ 1.4 ล้านบาทนะคิดว่า อนุมัติคงได้ ไม่เกิน 1.2 ล้านบาท จะให้ส่งเรื่องพิจารณาไหม อึ้งไปอีก คงเป็นรอบสุดท้ายกับธนาคารนั้น ล่อปาเข้าไปเกือบ 3 เดือน แต่คำตอบที่ได้กลับมาถึงกลับล้มทั้งยืน คิดในใจดีนะที่ตรูยังมีสำรอง แต่อันที่สำรองกลับกลายเป็นตัวจริงไปซะดื้อๆ 

ผมก็ไม่รีรอที่จะตอบกลับไปว่า "ขอยกเลิกการยื่นกู้นะครับ ไว้จะไปเอาเอกสารคืนทีหลัง" แล้วก็ว่างสายไปแบบไม่ใยดี เราก็อุตส่าห์ไว้ใจ เชื่อใจ ว่าคงจะอนุมัติเร็ว ได้ตามที่คิดไว้ ไหงผิดแผนไปหมด ตั้งแต่ ยื่นที่สาขาแรก ย้ายมาสาขาที่ 2 และย้ายไปอีกสาขาที่ 3 ก็ไม่เป็นผล 

แต่ไม่เป็นไรหรอก ผมได้เลือกแล้ว ว่าใครที่จะมาสานฝันของผมให้เป็นจริงได้ นั่นก็คือ “ธนาคารออมสิน” ไงล่ะครับ จะเป็นใครไปไม่ได้อีกแล้ว หลังจากนั้นก็วางแผนเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดขอนแก่น พอถึงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ก็เดินทางกลับด้วยรถทัวร์ตามเคย เพราะขึ้นเครื่องไม่ไหว ราคาโหดเกิน

-ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2559 
มาถึงขอนแก่น ผมเลยจัดการเช่ารถซะเลย เพราะต้องไปติดต่อหลายที่ ไหนจะธนาคารออมสิน กรมที่ดิน บริษัทรับสร้างบ้าน กว่าจะขับรถไปถึงบ้านก็ใช้เวลา 2 ชม. ปล.บ้านผมห่างจากตัวเมืองประมาณ 100 กิโลได้ 

เป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากครับ ไม่ใช่เพราะจะได้เป็นหนี้นะ แต่เป็นเพราะผมขับรถคนเดียวครั้งแรก เพราะพึ่งไปเรียนขับรถได้ใบขับขี่มา ไม่ถึงอาทิตย์ ก็จะซะ 100 กิโลเลยหรอวะเนี่ย งงตัวเองเลย คิดในใจตรูกล้าขับได้ไงว่ะ ไปถึงบ้านแม่ตกใจมายังไง 555 เป็นอะไรที่ตื่นเต้นที่สุดแล้วในตอนนั้น ถึงบ้านยังไม่ได้พักก็ต้องเตรียมเอกสารไปธนาคารออมสิน พอไปถึงก็แจ้งเจ้าหน้าที่ว่ามาเซ็นสัญญาเงินกู้สร้างบ้านครับ 

เจ้าหน้าที่ก็ได้เตรียมเอกสารไว้รอแล้ว ก็แจ้งรายละเอียดสัญญา ให้เรากรอกตรงไหน เซ็นตรงไหนบ้าง เยอะแยะไปหมด พออ่านสัญญาเสร็จ (อ่านแบบผ่านๆ) ในตอนนั้นคิดว่าคงไม่มีอะไรน่าสงสัยหรอกมั้ง เพราะเป็นธนาคารของรัฐ ไว้ใจได้ ก็เซ็นๆไปจนหมด จนเมื่อยมือไปหมด ก็สอบถามเรื่องดอกเบี้ยเป็นยังไง ผ่อนเท่าไหร่ ก็ว่าคำตอบ “สัญญาเงินกู้ 25 ปี ผ่อนต่อเดือน 10,600บาท/เดือน 300 งวด ดอกเบี้ยปีที่1 1.25% ปีที่ 2 MRR-2%  และปีที่ 3-ปีที่ 25 MRR 0.75%”  

เจ้าหน้าที่ก็ถามว่าโอเครไหม สำหรับยอดผ่อนต่อเดือน ก็ตอบไปว่าโอเครไหวครับ เลยถามอีกว่าต้องมีการทำประกันอะไรเพิ่มไหม เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่า มีทำประกันอัคคีภัย แต่จะคำนวณให้หลังจากรับเงินงวดสุดท้ายแล้ว ก็โอเคร ทำประกันก็ดีเหมือนกัน 

และหลังจากเซ็นสัญญาเสร็จก็ไปต่อที่กรมที่ดิน เพื่อจดจำนองที่ดินกับธนาคาร ก็จัดการเสร็จ เสียค่าธรรมเนียมไป 1% ของราคาก่อสร้างบ้าน ก็ประมาณ 14,000 บาท และก็กลับมาที่ธนาคารอีก เจ้าหน้าที่ก็แจ้งรายละเอียดการเบิกเงินเป็นงวดๆให้ฟัง พร้อมทั้งเปิดบัญชีไว้ เผื่อรับเงินงวด เพราะเราไม่ได้อยู่บ้าน เกรงจะลำบาก ทำไว้ด้วยเลย พอถึงเวลาเบิกก็ให้โอนเข้าบัญชีได้เลย พอคุยรายละเอียดเสร็จก็กลับบ้านไปพร้อมหนี้ก้อนโตที่สุดในชีวิต 1.4 ล้านบ้าน กับภาระที่ต้องแบกรับ 25 ปี แต่ก็จะสู้ต่อไปเพื่อครบคัวได้อยู่แบบสบาย

**********************************************************************************************************

เอาละครับและนี่คือจุดเริ่มต้นและการดิ้นรน เพื่อหาแหล่งเงินทุนที่จะมาเติมฝันอันยิ่งใหญ่ของลูกชายตัวเล็กๆคนหนึ่ง ที่ฝันอยากจะมีบ้านให้พ่อแม่ได้อยู่แบบสบาย เหมือนกับครอบครัวอื่นๆสักที เพราะกว่าจะมาถึงทุกวันนี้ ที่ท่านต้องลำบากมาเยอะ ทนร้อน ทนหนาว ทนฝน กับบ้านหลังเล็กมาตลอดชีวิตของท่าน 

ถึงเวลาแล้ว ที่เราคนเป็นลูกจะต้องทำให้ท่านได้สุขสบายบ้างแล้วในบั้นปลายของชีวิตนี้ ผมเองก็เชื่อว่าลูกทุกคนที่อยากให้เป็นแบบนั้น แต่จะมีสักกี่คนที่จะคิดและเริ่มลงมือก่อนที่มันจะสายเกินไป ผมเองอายุยังน้อยมีโอกาสใช้ชีวิตสบายๆอีกหลายปี แต่ทำไมผมถึงเลือกที่จะให้พ่อแม่ได้สบาย ก็เพราะว่าท่านเองลำบากเพื่อผมมาเยอะแล้ว ถึงเวลาที่ท่านจะได้รับสิ่งที่คู่ควรกับท่านสักที 

หลายคนคงคิดว่า เรียนจบทำงาน ซื้อรถ ซื้อของใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ตัวเองก่อน แล้วค่อยคิดเรื่องบ้านไว้ทีหลัง แต่สำหรับผมเอง ผมไม่มีต้นทุนมาก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างต้องสร้างขึ้นมาเอง ผมจึงเลือกที่จะสร้างบ้านให้พ่อกับแม่ก่อน ถึงแม้ตัวเองจะต้องอยู่ห้องเช่าแต่ห้องเช่ายังที่อยู่ ยังสภาพดีกว่าบ้านที่พ่อกับแม่อยู่เลย จะให้ตัวเองสบายแล้วพ่อแม่ลำบากได้ยังไง จริงไหมครับ 

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด เพราะบ้านในฝันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ไว้ผมเองจะอัพเดทการก่อสร้างไว้เรื่อยๆ จนกว่าบ้านหลังนี้จะเสร็จสมบูรณ์ และหวังว่ากระทู้นี้ จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายๆคน ที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นสร้างให้พ่อแม่ หรือสร้างให้ครอบครัวของตัวเองนะครับ สวัสดีครับ 

แล้วเจอกันในตอนที่ 2  “ตอน รีวิวสร้างบ้านด้วยตัวเอง”

ตอนที่ 2 รีวิว ล่าฝันสร้างบ้านเพื่อครอบครัวของลูกชายตัวน้อยๆ

ครับ หลังจากที่ผ่านตอนที่1 มาแล้ว เรื่องจุดเริ่มต้นและการเก็บรายละเอียดต่างๆนาๆ ทั้งเรื่องแบบบ้าน เรื่องการกู้เงินจากธนาคาร และมาถึงจุดนี้ ก็เป็นจุดที่รอคอยมานานแสนนาน ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ เริ่มต้นลงมือ สำหรับบ้านหลังน้อยของผมสักที มาดุกนครับ ว่า เป็นอย่างไรกันบ้าง ตามมาเลยครับ..

ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2559 หลังจากเซ็นสัญญากับธนาคารเสร็จก็ตรงดิ่งเข้าไปที่บริษัทรับสร้างบ้านที่เลือกไว้ ไปคุยรายละเอียดเกี่ยวกับการลงมือสร้างบ้าน สรุปวันดำเนินการ ต่างๆ และได้ข้อสรุปกลับมาว่า ทางบริษัทจะเข้ามาดูหน้างานก่อน ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2559 เพื่อนำมาวางแผนการดำเนินงานกัน 

ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2559 ก็ตามที่บอกครับ ทางบริษัทก็เข้ามาดูที่หน้างาน ว่าเนื้อที่ก่อสร้างเป็นแบบไหน การเดินทางเป็นยังไง การขนส่งสะดวกไหม วันนั้นก็ไม่มีอะไรมาก และก็กลับไป

ในระหว่างรอให้ทางบริษัทวางแผนงาน ก็โทรสอบถามไปว่าได้วันที่จะเข้าดำเนินการยัง ก็ได้ความว่า จะเริ่มเข้าไปดำเดินงานในวันที่ 1 มีนาคม 2559 นี้ เราก็ดีใจสิครับ กว่าจะมาถึงวันนี้ก็นานซะเหลือเกิน

ในวันที่ 1 มีนาคม 2559 ด้วยความตื่นเต้น ก็โทรไปถามว่าจะเข้ามาที่หน้างานกี่โมง แต่ทันไดนั้น ผู้รับเหมาแจ้งว่ายังหารถ10ล้อ ขนของยังไม่ได้เลย (เค้าไปขนอ้อยยังไม่เสร็จ) คืองงครับท่าน แต่ไม่เป็นไร เลยถามกลับไปแล้วจะเข้ามาได้วันไหน คำตอบคือ วันที่ 3 มีนาคม ครับ เราก็โอเครจัดไป เอาให้พร้อมแล้วค่อยเข้ามาก 

ในวันที่ 3 มีนาคม 2559 ถึงวันที่ผู้รับเหมาชุดแรกเข้ามาที่งานแล้วครับ และขั้นตอนแรกก็คือ “งานวางผัง”

 

 

 

ในวันที่ 5 มีนาคม 2559 ทำการขุดเสาแล้วครับ ด้วยความที่ว่าพื้นที่แถวนั้นเป็นดินแข็งมาก จึงต้องให้เครื่องจักร ทานแรงงานคนครับ

 

 

ในระหว่างรอให้ช่างดำเนินการขุดหลุดเสาไปเรื่อยๆ เพื่อให้ทันถึงวันยกเสาเอก เสาโท ช่างก็เตรียมการผู้เสาเหล็กต่างๆ แต่ขั้นตอนนี้จะทำอยู่ที่บ้านเช่า ที่ได้เช่าไว้ให้ผู้รับเหมาอยู่ เนื่องจากหน้างานมีพื้นที่ไม่พอ จึงเลยไม่มีรูปมาประกอบนะครับ 

ในวันที่ 12 มีนาคาม 2559 และแล้วก็ถึงวันที่รอคอย ได้ฤกษ์งามยามดีครับ ตรงกับ ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 4 ปีมะแม พิธียกเสาเอก เสาโท ครับ งานนี้ไม่ง่ายเลย สำหรับเด็กน้อยอย่างผมที่ดำเนินการเองทุกอย่าง ตั้งแต่จัดเตรียมของไหว้เข้าที่ ขอที่ใช้ลงเสาเอก เสาโท และอื่นๆทุกอย่าง

คนในภาพที่ทำพิธีไหว้เจ้าที่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ ปู่ผมเอง

 

 

หลังจากทำพิธีไหว้เจ้าที่ เสร็จๆ ก็ได้ฤกษ์วางของลงในหลุมเสาเอก เสาโท ของที่ใช้ ก็มี 
1. แผ่นทองคำเปลว 3 แผ่น( ปิดที่ก้อนอิฐ 3 ก้อน)
2. พลอย 9 สี (ใส่ในหลุม)
3. ข้าวตอก (ใส่รวมกับดอกไม้โปรยลงในหลุม)  
4. แผ่นเงิน แผ่นทอง แผ่นนาค (ใส่ในหลุม)
5. เหรียญเงิน 9 เหรียญ (ใส่ในหลุม)
6. เหรียญทอง 9 เหรียญ (ใส่ในหลุม)
7. ทรายกลายเป็นเหล็กปลุกเสก (ใส่ในหลุม)
8. ด้ายสายสิญจน์ปลุกเสก 3 วา(ผูกเสา)

 

และก็ได้เวลาอันควรแล้วครับ เวลา 08:09 นาที เริ่มพิธียกเสาเอก เสาโท นำโดยพ่อพราหมณ์ ประจำตำบลก็ว่าได้ครับ 

 

 

เสร็จแล้วครับ พิธียกเสาเอก เสาโท ดำเนินการไปได้ด้วยความเรียบร้อย และที่แปลกคือ ตลอดช่วงเวลาทำพิธีนั้น ท้องฟ้าเป็นใจมากครับ อากาศเย็นสบายไม่มีแดดเลย แต่พอทำพิธีเสร็จแดดแจ้งเลยครับ เป็นอะไรที่ดีมากๆเลย

หลังจากนั้นก็ถึงเวลาทานข้าวครับ งานนี้อาหารก็บ้านๆครับ ต้มไก่ ตามฉบับบ้านนา แต่เสียดายไม่ได้ถ่ายภาพมาให้ดู มัวแต่ไปคุยกับ เจ้าของบริษัทที่รับสร้างบ้านหลังนี้ ซึ่งพึ่งเดินทางมาถึงพอดี

ในวันที่ 13 มีนาคม 2559 หลังจากทำพิธียกเสาเอก เสาโทเสร็จ ทีมช่างก็ทำการลงเสาครบทุกต้นแล้ว 12 ต้น เพื่อที่จะได้เท Footing

 

 

 

พอตกบ่ายรถปูนก็เข้ามาเพื่อเท Footing เสาครับ

 

 

เสร็จแล้วการเท Footing ภารกิจช่วงนั้นก็เรียบร้อยดี ผมก็กลับ กทม.ในวันนั้นเลย 

ในวันที่ 16 มีนาคม 2559 หลังจากลับ กทม.มาได้ไม่กี่วัน ทีมช่างก็ทำงานกันเร็วมากครับ เท Footing เสร็จ วันต่อมาก็จัดเทต่อม่อกันต่อเลย แต่ไม่มีรูปให้ดูเลย พอดีให้ที่บ้านถ่ายส่งมาให้ทุกวัน แต่วันนั้นคงลืมหรือไม่ว่างกัน จนวันนี้ ช่างก็ทำการถมดินจนเต็มทุกหลุมแล้วครับ

 

 

ในวันที่ 17 มีนาคม 2559 ทีมช่างก็ทำการเทลีนเพื่อที่จะวางแบบคานคอดินครับ

 

 

ในวันที่ 18 มีนาคม 2559 แบบคานคอดินก็ลงครบเรียบร้อยแล้ว เตรียมเทคานคอดินได้

 

 

ในวันที่ 19 มีนาคม 2559 รถปูนเข้ามาแล้วครับ ได้เวลาลงคานสักที ….เอ้ย..เทคานครับ เทคานเสร็จแล้วก็ทิ้งวัน 1 คืน 

 

 

ในวันที่ 20 มีนาคม 2559 หลังจากทิ้งไว้ 1คืน เพื่อให้ปูนได้แห้ง และมีแรงอัดเพิ่ม ทีมช่างก็ทำงานกันแต่เช้าเลยครับ 6โมงเช้าก็มากันแล้ว (ช่างชุดนี้ทำงานแปลกครับ ช่วงเช้ามา แต่บ่ายไม่มา คงเป็นเพราะอากาศร้อนมากมั่ง คิดในใจ)

 

 

ในวันที่ 23 มีนาคม 2559 วันนี้ทีมช่างก็ขนดินเข้าทุกห้องจนเต็มแล้วครับ และใช้เครื่องบดอัดดินให้แน่น เพื่อป้องกันการทรุดตัวของพื้น

 

 

ในวันที่ 24 มีนาคม 2559 หลังจากอัดดินเสร็จ ทีมช่างก็ทำการวางแผ่นพลาสติก เพื่อป้องกันไม่ให้ปูนสัมผัสกับดินโดยตรง เพราะจำทำให้เกิดความชื้น และก็วางเหล็กเส้นอีกชั้นเพื่อเพิ่มความแข็งแรงครับ 

 

 

พอบ่ายมา รถปูนก็เข้ามา ทำการเทพื้นชั้น 1 แล้วครับ ทีมช่างก็จัดการเกลี่ยปูนให้เต็มพื้นที่ อย่างแข็งขันเลยทีเดียว 

 

 

 

เสร็จแล้วครับ พื้นชั้น 1 ต่อไปก็ขึ้นแบบเสาได้

ในวันที่ 25 มีนาคม 2559 หลังจากเทพื้นชั้น 1 เสร็จ ก็มาต่อกันที่ เสารับคานชั้น2 ครับ (เอาง่ายๆ ก็เสาของชั้น 1 ละครับ) ประกอบแบบเสร็จก็รอรถปูนเข้ามาเทครับ ง่ายมาก ไม่มีอะไร

 

 

ในวันที่ 27 มีนาคม 2559 วันนี้เอง หลังจากเมื่อวานวันที่ 26 ไม่มีรูปจากที่บ้านส่งมาให้ดู ทีมช่างก็เทปูนเรียบร้อยไปเมื่อวาน  มาวันนี้ น้องก็ส่งรูปมาให้แต่เช้าเลย  ทีมช่างก็แกะแบบเสาชั้น1 ออกแล้วครับ สวยงามตามท้องเรื่องเลย

 

 

และ ถึงวันนี้การดำเนินงานก็ได้ 25% แล้วครับ จากที่ดูในสัญญาของทางธนาคาร ก็ได้เวลาทำเรื่องเบิกเงินงวดแรกแล้ว ดีใจจัง ผ่านไปเร็วมากครับ ใช้เวลาประมาณ 15 วันเอง จากวันที่ยกเสาเอก เสาโท กับทีมงานช่างแค่ 5 คน ย้ำว่า5คนเองนะครับ คงเป็นเพราะส่วนมากใช้เครื่องจักรเข้ามาช่วยซะส่วนใหญ่

วันที่ 29 มีนาคม 2559 ทีมช่างก็เริ่มตั้งตุ๊กตารับคานชั้น 2 แล้วครับ แต่เอ๊ะ ดูยังไงก็ไม่เห็นเหมือนตุ๊กตาเลย ในระหว่างที่ตั้งตุ๊กตา ทีมช่างก็รอเหล็กที่สั่งจากในตัวเมือง แต่นานมากกว่าจะมาส่ง

 

 

พอเหล็กมาสั่งปั๊บ ก็ไม่รอช้าครับ จัดการผูกเห็กคานชั้น2กันอย่างแข็งขันเลย เห็นแล้วชื่นใจ

ในวันที่ 6 เมษายาน 2559 ก็ได้เวลาเทคานแล้วครับ งานนี้จัดชุดใหญ่เลย รถเครนยกปูน รถปูน ทีมงานพร้อม ลุยครับ ปล.แถวบ้านผมไม่เคยมีใครทำบ้านที่ต้องใช้เครนมาก่อนเลย 

 

 

 

ในวันที่ 7 เมษายน 2559 ได้เวลาแกะแบบคานออกมาดูผมงานแล้วครับ สวยงามเหมือนเดิม

 

 

วันที่ 9 เมษายน 2559 หลังจากเมื่อคืนเดินทางกลับบ้านเพื่อพักผ่อนช่วงวันหยุดสงกรานต์ และกว่าจะขับรถไปถึงบ้านเล่นเอาซะเมื่อยเลยครับ ไปถึงก็ไม่อะไรมากครับ ตรงดิ่งเข้าไปที่ไซน์งานก่อสร้างทันทีเลย ด้วยความตื่นเต้นครับ

 

 

 

ดูข้างล่างนานแล้วขอลองขึ้นไปดูชั้นบนดูบ้าง ว้าว ข้างบนนี้วิวสวยมากครับ ทีมช่างก็ขยันกันมากเลย ไม่กลัวแม้แดดจะแรง เห็นอะไรไหมครับ วิวหน้าบ้านผม มองเห็นภูเขาด้วยนะ

 

 

 

 

และวันนี้ทีมช่างก็ได้ตั้งเสาชั้น2เรียบร้อยแล้ว เตรียมพร้อมเทเสาพรุ่งนี้ครับ

วันที่ 10 เมษายน 2559 ได้เวลาแล้วครับ ทั้งรถปูน รถเครนก็มาพร้อมแล้ว ลุยเลยสิครับ จะรออะไร

 

 

เห็นพี่ช่างเสื้อสีฟ้าไหมครับ สุดยอดนักสู้เลยครับ ขนาดพี่เอาไม่มีแขนข้างนึง ยังสู้กับงานหนัก แดดร้อน สุดยอดจริงๆครับ เห็นแล้วก็เหนื่อยแทนพี่เค้าครับ

 

 

 

ในวันที่ 19 เมษายน 2559 สวัสดีครับ หลังจากผ่านพ้นช่วงเทศกาลหยุดยาวอย่างปีใหม่ไทย หรือ สงกรานต์นั่นเอง ทีมช่างชุดโครงสร้างก็กลับมาต่อในส่วนของตัวบันไดให้เสร็จก่อนที่จะลาจากกันไปตามให้ที่ ที่ไซน์งานอื่น มาชมกันครับว่าบันไดบ้านผมมันเป็นยังไง

และนี่คือบันได งงไหมครับ ผมก็งงเหมือนกัน จะเป็นแบบบันไดวนนะครับ ช่างบอกว่า ตั้งแต่ทำบ้านมา มีที่นี่ละครับ ทำยาก นึกในใจ ของเราแปลกหรอเนี่ย ไม่เป็นไรเนอะ

 

 

วางแบบบันไดเสร็จแล้วครับ ใช้เวลาตั้ง 3 วัน กว่าจะเสร็จ

ในวันที่ 22 เมษายน 2559 และแล้วปูนก็มาแล้วครับ จะรออะไร จัดการเทเลยสิครับท่านผู้ชม

 

 

เรียบร้อยครับ สำหรับงานบันได ได้เวลาที่ทีมช่างชุดนี้จะลาจากไปแล้วครับ สำหรับช่างชุดนี้ทำงานเร็วดีครับ ใช้คนทำงาน 4คน กับโครงสร้างบ้านทั้งหลัง 

ในวันที่ 24 เมษายน 2559 ก็มีเรื่องให้ปวดหัวอีกชนได้ครับ หลังจากช่างชุดโครงสร้างออกไป ก็รอช่างชุดก่อฉาบและชุดโครงหลังคา เลยถามที่บ้านไปว่าช่างทำบ้านเป็นไงบ้าง น้องตอบมาว่า ตอนนี้ยังไม่มีช่างมาทำเลย …เอาแล้วไงครับ ช่างผมหาย ไม่ได้การครับ โทรไปถามหัวหน้าช่างเป็นการด่วนเลยครับ ว่าติดอะไรทำไมยังไม่มีช่างเข้ามาทำงาน ได้คำตอบว่า ต้องรอวัสดุที่สั่งไปเขาหน้างานก่อนครับ ช่างถึงจะเข้าหน้างานได้  ถึงบางอ้อเลยครับ เป็นแบบนี้นี่เอง โอเค ไม่เป็นไรรอกันต่อไป 

วันที่ 26 เมษายน 2559 หลังจากโทรตามทางหัวหน้าช่าง ได้ความต่อมาอีกว่า ช่างจะเข้าวันนี้ตอนบ่าย โอเค ก็เลยโทรถามที่บ้านไปว่ามีช่างมายัง น้องบอกว่ามาแล้ว ค่อยโล่งใจหน่อย 

วันที่ 28 เมษายน 2559 พอช่างเข้าหน้างานเสร็จ ก็นึกว่าจะราบรื่น ที่ไหนได้ครับ มาแต่ช่าง วัสดุที่สั่งไปยังไม่มา ปวดหัวอีกแล้วครับ ช่างก็บ่นๆ ว่ามาแล้วก็ไม่ได้ทำอไร ต้องรอวัสดุอีกหลายวันกว่าจะได้ทำงาน… อ้าวๆทีนี้ก็เป็นเรื่องอีกครับ สายตรงสิครับ ว่าเกิดอะไรขึ้น คำตอบคือ ยังไม่มีคิวจัดส่งวัสดุครับ คืองงมาก สั่งของไปน่าจะก่อนสงกรานต์อีก แต่ของยังไม่มา ทั้ง อิฐ เหล็ก ปูนก่อ ฉาบ เหนื่อยใจ ทีมช่างก็ได้แต่จัดเตรียมพื้นที่สำหรับก่ออิฐกันไป  

ระหว่างนี้ก็เร่งตามวัสดุกับหัวหน้าช่างไปพลางๆก่อน รอกันต่อไป  งานนี้บ่นเยอะหน่อยนะครับ

ในวันที่ 30 เมษายน 2559 ในที่สุดของที่สั่งไปก็มาส่งแล้วครับ ดีใจมาก ทีมช่างจะได้ลุยงานกันสักที รอมาหลายวันเลยละ แล้วจะรออะไรครับ ลุยเลย

 

 

ขอเช็คของก่อนนะ ปูน เหล็กมาแล้ว แต่เหมื่อนขาดอะไรสักอย่าง อ้าว..เป็นเรื่องอีกแล้วครับ 555 สนุกดีจริงๆเลย วัสดุพร้อมมาก  ช่างงงกันเลยครับ อุส่ามาเฝ้ารอหลายวัน แต่ก็ไม่ได้เริ่มงานกันอีกแล้ว เป็นไงละครับ บ้านผม มักมีเรื่องให้ตื่นเต้นทุกที งานนี้ก็โทรตามสิครับ ว่าทำไมอิฐ หินและ ทรายไม่มาส่ง  เลยได้ความว่า เกรงว่าจะไม่มีที่ลงของเลยให้เอาพวกอิฐกับเหล็ก ปูน ลงก่อน เดี๋ยวอิฐ หิน ทราย ตามมาส่งให้พรุ่งนี้ก่อนเที่ยง ก็โอเค จัดไปครับ ไม่ว่ากัน สนุกดีครับ ของมาทีละอย่าง 555

ในวันที่ 1 พฤภาคม 2559 เอะเห็นอยู่ไกลๆ นั่นอิฐมอญนิ บ้านเราใช้อิฐมวลเบาไม่ใช่หรอ ทำไมมาส่งไม่เห็นมีอิฐมวลเบาเลย อิฐมา แต่ หิน ทรายไม่มา ช่างก็งงอีกแล้วครับ จะให้ก่อยังไงละทีนี้  สุดท้ายก็โทรตามอีกครับ ได้ความว่า จะมาส่งตอนบ่าย เลยให้สั่งแถวบ้านไปเลยง่ายดี ไม่ยุ่งยาก พอบ่ายมาก็มาส่งให้ตามเวลาครับ เหนื่อยใจอีกแล้ว 

ในวันที่ 2 พฤภาคม 2559 เช้านี้ทีมช่างก็ลุยงานกันเลยครับ จัดการก่ออิฐมอญในส่วนของห้องน้ำไปก่อน ก่อรออิฐมวลเบาไปพลางๆ
 

 

ในวันที่ 3 พฤภาคม 2559 และแล้วสิ่งที่รอคอยมานานก็มาส่งถึงหน้าบ้านแล้วครับ นั่นก็คือ อิฐมวลเบา 1,400 ก้อน มาแล้ว 

 

 

ในระหว่างที่อิฐมวลเบามาส่ง ทีมช่างอีกชุด คือช่างโครงหลังคา ก็พอกันขั้นเชื่อมเหล็กกันอย่างแข็งขัน ไม่กล้วร้อนกันเลย เห็นแล้วเสียวแทน

 

 

 

 

ในวันที่ 4 พฤภาคม 2559 มีเรื่องต้องให้ได้กลับบ้านอีกแล้ว นั้นคือ วันหยุดยาวไงครับ บวกกับ ป่วยด้วย เลยจัดการลากลับบ้านในวันที่ 3 เลย จะได้กลับไปดูความคืบหน้ากันแบบใกล้ชิด เช้าวันนี้ก็ถือโอกาสมาเฝ้าที่หน้างานกันเลย เพลินตามาก ให้นอนดูทั้งวันก็ไม่เบื่อ เริ่มก่อชั้นล่างด้วยอิฐมวลเบาแล้วครับ

ในวันที่ 7 พฤภาคม 2559 วันนี้ก็ยังมาเฝ้าเหมือนเดิม วันนี้ทีมช่างก่อก็ทำงานกันต่อไปครับ หลังจากเมื่อวานทีมช่างโครงหลังก็ก็ลาจากไปแล้ว ช่วงเช้าก็ไม่ได้ทำอะไรมากก็มีก่อด้านหน้าบ้างจนหมด ยังคงเหลือไว้ในส่วนของบันไดที่ยื่นออกมา เผื่อการขนกระเบื้องหลังคาขึ้นไปได้สะดวก พอตกบ่ายก็เก็บกวาดชั้นล่างจนสะอาด และก็จัดการขนอิฐขึ้นชั้น 2 กันเลย

 

 

 

 

ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2559 กระเบื้องหลังคาที่สั่งไปก็มาส่งถึงหน้าบ้านเรียบร้อย แต่…แต่กว่าจะมาส่งได้ต้องเปลี่ยนร้านกันอีกแล้ว เป็นไงล่ะครับ การสร้างบ้านเองนี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเนาะ ต้องมีเรื่องให้ตื่นเต้นตลอดเวลาเลย แต่ไม่เป็นไร สุดท้ายก็ได้กระเบื้องหลังคามาเป็นที่เรียบร้อย

 

 

วันที่ 12 พฤษภาคม 2559 หลังจากได้กระเบื้องหลังคามาแล้ว ก็รอทีมช่างชุดมุงหลังคาเข้าหน้างาน แต่งานส่วนก่อ ก็ดำเนินการไปเรื่อยๆ แอบเห็นเริ่มก่อชั้น 2 แล้ว ไวดีจริง มีช่างก่อ แค่ 3 คนพ่อ แม่ ลูก ทีมนี้ขยันมากครับ ทำงานกันจนมืดค่ำกันเลยทีเดียว แอบสงสารช่างนะครับ เพราะก่อชั้น 2 หลังคาก็ยังไม่ได้มุง คือ มันร้อนมากครับ

 

 

วันที่ 13 พฤษภาคม 2559 และในที่สุด สวรรค์ก็เห็นใจ ส่งทีมช่างมุงหลังคามาแล้วครับ ดีใจสุดๆ พี่ๆช่างก่อจะได้ไม่ต้องทนร้อนอีกแล้ว สบายเลย ว่าแล้วก็ลุยกันเลยครับ ทีนี้ช่างชุดนี้มากันหลายคนครับ  8 คนได้มั่ง ช่วยกันเร่งมือมุงหลังคา กะว่าจะทำให้เสร็จในวันนี้เลย แต่ๆ ฝนไม่เป็นใจดันตกมาซะงั้น เลยต้องได้หยุดไปแล้วค่อยต่อพรุ่งนี้

 

 

วันที่ 14 พฤษภาคม 2559 มาต่อกันที่หลังคาครับ แต่เอะ โทรไปที่บ้านทั้งวันไม่มีคนรับสายเลย อ้อๆๆๆ วันนี้แห่บุญบั้งไฟหมู่บ้านนี่ มิน่าล่ะ หายกันหมดเลย ส่งสัยไปเซิ้ง ไปรำกันหมด แต่ๆช่างก็ยังมุงหลังคาอยู่นะครับ นี่ไงผลงาน เสร็จแล้วครับ หลังคาบ้านผม ใครเห็นก็บอกว่าแปลก ไม่แปลกได้ไงครับ หลังคาก็แผ่นเรียบ 1 เดียวในหมู่บ้าน แถวๆสีก็ต่างจากชาวบ้านอีก ออกเป็นสีขาวมากกว่าสีเทาเลยอะ แต่ไม่เป็นไร บ้านผมต้องไม่เหมือนใคร 555 บ้านต้องมีฉนวนกันร้อนด้วยนะครับ ยิ่งนับวันโลกเราร้อนขึ้นทุกที

 

 

วันที่ 20 พฤษภาคา 2559 วันนี้เป็นงานของช่างประปาและช่างไฟฟ้า เข้ามาวางต่อประปาและท่อไฟฟ้าภายในบ้านครับ แต่ๆ ก่อนที่จะใช้ช่างต่อท่อไฟฟ้า ก็ได้แก้ไขแบบไฟฟ้าทั้งหมดภายในบ้าน งานนี้ทำแบบเองเลย อยากได้ปลั๊กไฟ หลอดไฟ แบบไหน จัดการเองเลยครับ เพราะแบบที่ช่างให้มา  ระบบแสงสว่างไม่ถูกใจเท่าไหร่ ให้โคมซาลาเปามาห้องละดวง งานที่ผมจัดการเปลี่ยนเป็นโคมดาวน์ไลท์ทั้งหลังเลย จะได้ไม่ต้องมาเปลี่ยนตอนหลัง ทีนี้ก็เยอะเลยครับ ทั้งหมดนี้ใช้หลอด LED นะครับ

 

 

 

 

วางระบบท่อน้ำ

 

 

 

 

วันที่ 28 พฤษภาคา 2559 ทีมช่างก่อ ก็เริ่มทำการฉาบภายในกันแล้วครับ ลุยไปยาวๆครับ ทีมงานนี้ 

 

 

วันที่ 29 พฤษภาคา 2559 วันนี้ได้โอกาสหยุด เสาร์ อาทิตย์ หลังจากที่ออกทัวร์มา 3 อาทิตย์ติด ก็ถือโอกาสไปเลือกซื้อหลอดไฟ โคมไฟ กันซะเลย กว่าจะสรุปราคาได้ เล่นปาไป 3 ชม. กันเลย คุยกับเซลล์ยาวเลย วันนั้นก็จัดไป กระเป๋าเบาเลย งบบานก็เกิดขึ้นแล้วครับ

 

 

 

เจอราคาแรกไป เกือบเป็นลมครับ 3หมื่นกว่าๆ เลยเปลี่ยนเอาแบบใหม่ ได้ตามงบพอดี ไม่เกิน 2หมื่น 

วันที่ 3 มิถุนายน 2559 ว่าแล้วก็ได้วันหยุด ได้เวลากลับบ้านไปตรวจหน้างานเองแล้วครับ กว่าจะถึงบ้านก็ทุลักทุเลพอตัว เพราะต้องขนโคมไฟที่ซื้อจาก กทม. กลับบ้านเอง เล่นเอาเหงื่อท่วมเลย ไปถึงบ้านก็ตรงเข้าหน้างานทันที

 

 

ทั้งหมดนี้เลยครับ ขนลงจากคอนโด เองคนเดียวเลย และยัดๆขึ้นแท๊กซี่ไป หมอชิตทันที ถึงแล้ว เข้าหน้างานมาเจอสิ่งนี้รอบบ้านเลย นั่นก็คือนั่งร้าน ที่ช่างไว้ใช้ฉาบภายนอกกัน งานเร็วดีครับ

 

 

 

 

 

 

 

 

เจอช่างไฟฟ้าแล้ว ไงมีคนเดียว จะเสร็จไหมเนี่ยคิดในใจ แต่ไม่กี่วันพี่เค้าก็จัดการเสร็จทั้งหลังเลยครับ เร็วมาก 
 

 

 

 

 

งานนี้ดูแค่ตาเปล่าไม่ได้ครับ ต้องสัมผัส ดูใกล้ๆ และก็เจอปัญหาจนได้ ช่างฉาบไม่เรียบครับ ยังเห็นตะแกรงทับหลับอยู่เลย ไม่รีรอครับ แจ้งให้ช่างแก้ไขทันทีก่อนที่จะสายเกินไป ผมเองอาจจะวุ่นวายกับช่างไปหน่อย ก็นี่สร้างบ้านทั้งทีเนาะ ต้องดูดีๆครับ อะไรไม่ดีต้องรีบแก้ไข เดียวจะสายเกินแก้เนาะ 

วันที่ 4 มิถุนายน 2559 เมื่อวานเดินดูช่างทำงานไม่นาน หัวหน้าช่างก็โทรมรบอกว่าให้เข้ามาเลือกกระเบื้องห้องน้ำ ….. ยังไม่ตั้งตัวเลย ก็จัดไป เข้าไปบ่ายวันนี้เลย กะว่าเลือกเสร็จก็กลับ กทมใทันที แต่ๆๆ เรื่องไม่ง่ายแบบนั้น ร้านที่ช่างพาไปเลือก กระเบื้องดั้นไม่ถูกใจ ทำให้เสียเวลาไปครึ่งวัน เลยบอกช่างว่า ขอไปเลือกเองที่ กทม. แล้วจะส่งรหัสสินค้าให้ไปสั่งที่ สาขาขอนแก่นเอง

วันที่ 9 มิถุนายน 2559 หลังจากกลับเข้าสู่โหมดการทำงาน ไม่นาน ช่างก็เริ่มทะยอยฉาบภายนอกส่วนที่เหลือกันแล้วครับ ไหนๆตรวจงานหน่อนสิ เรียบร้อยดีรึเปล่า

 

 

(ขออนุญาตว้าปไปอย่างรวดเร็ว เพราะมีรูปรายละเอียดเยอะมาก หากต้องการชมแบบเต็มๆ กดมาที่ลิ้งค์ https://pantip.com/topic/34957539/)

บ้านก็ค่อยๆ เป็นรูปร่างมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย ต่อเติมทีละนิด ทีละหน่อย จะสมบูรณ์แล้ว

ห้องน้ำเลือกลายกระเบื้องเองเลย

 

 

 

มีที่กั้นอาบน้ำด้วย

 

 

 

พื้น ผนัง หน้าต่าง ประตู ทยอยมาทีละอัน

 

 

 

 

 

ดูโคมไฟซะก่อน เป็นแบบ LED ฝังลงไปเพดานเลย

 

 

 

 

 

วันที่ 3 สิงหาคม 2559  หลังจากที่ดูรูปจากที่ทางบ้านส่งมาให้ ดูผ่านๆ ก็โอเคครับ แต่ถ้าดูดีๆ มีอะไรที่ต้องแก้เยอะเลยครับ ทั้งเรื่องผนังไม่เรียบ มีรอยหลุม สีไม่สม่ำเสมอกัน งานนี้เลยสายตรงไปยังบริษัทก่อสร้างบ้านเลยครับ นัดวันให้เข้ามาตรวจสอบผลงานกันซะหน่อย ก็โอเคไป นัดวิศวะกรเรียบร้อย ก็เตรียมตัวหาวันกลับบ้านเพื่อไปตรวจหน้างานด้วยตัวเองเลย สรุปกลับ ศุกร์ นี้เลย  เพราะยิ่งใกล้วันส่งงานต้องตรวจกันให้ดีๆครับ

วันที่ 5 สิงหาคม 2559 วันนี้ก็เดินทางกลับช่วงเช้าทันทีครับ ลางานไปเลย ช่วงนี้ต้องเดินทางบ่อยหน่อย เพื่อบ้านหลังนี้โดยเฉพาะ กลับถึงบ้านค่ำพอดีครับ 

วันที่ 6 สิงหาคม 2559 วันนี้นัดกับวิศวะกรของทางบริษัทไว้ครับ มาตรวจงานก่อนหน่อย เช้ามาก็เข้าหน้างานก่อนเลยครับ ระหว่างรอก็เดินดูบ้านไปก่อน วิศวกรมาแล้วครับก็เริ่มตรวจกันเลย

 

 

 

วันนี้ตรวจงานกันพอสมควรครับ ต้องแก้ไขกันเยอะพอสมควร ก็จดการสั่งกับวิศวกรไว้ ต้องแก้จุดไหนบ้าง

 

 

ผมงานของช่างฉาบไว้ทั้งนั้นครับ รอบเพียบเลย อันนี้แค่บางส่วนนะครับ ยังมีอีกเยอะ ทั้งภายนอกและภายใน

 

 

 

และแล้วก็สรุปปัญหาให้กับทางบริษัทสร้างบ้านเลยครับ ได้ความว่า ทางเจ้าของบริาัทจะเข้ามาตรวจงานเองเลย ก็โอเค จบเรื่องการตรวจงานกันไป แนะนำเลยครับ สำหรับใครที่จะสร้างบ้านเอง แต่ไม่ได้อยู่คุมงาน เหมือนผม ต้องหมั่นกลับไปดูหน้างานครับ ว่าช่างทำงานเป็นยังไงบ้าง เรียบร้อยดีไหม อาจจะเหนื่อยหน่อยแต่ได้บ้านที่ถูกใจเราก็คุ้มครับ

ลุยงานกันต่อๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

และแล้วช่างก็จากไป เราก็ได้แต่ รอต่อไป ไหนๆก็ไม่ทันกำหนดแล้วนิ  รอบนี้ก็พอใจระดับนึงสำหรับงานผนังและงานสีครับ ดีขึ้นมาหน่อย แต่ต้องรอให้ทางบริษัทเข้ามาตรวจงานอีกที 

วันที่ 15 สิงหาคม 2559  วันกำหนดส่งงาน  แต่ก็ไม่ได้ส่งงานเพราะบ้านเสร็จไม่ทัน วันนี้ก็นัดกับทางบริษัทเข้ามาตรวจงานเหมือนเดิมครับ ก่อนที่จะกลับเข้า กทม. รอจนบ่าย กว่าจะมาถึงครับ ก็จัดการตรวจงานกันไปครับ และเหมือนจะโอเคแต่ก็ไม่โอเคครับ ทีนี้งานเข้าอีกแล้วครับ เข้าผู้รับเหมานะ ไม่ใช่เจ้าของบ้าน 55 เจ้าของบริษัทสร้างบ้านบอกยังไม่ผ่านมาตรฐาน ต้องทำใหม่อีกครั้ง เอาจนกว่าผนังจะเรียบ เนียบ ผู้รับเหมาก็โดนด่าไปตามระเบียบครับ ใจก็สงสารอยู่นะ แต่บ้านของเรา เราก็อยากให้มันดีไปเลย ถึงราคาจะไม่ได้มากมายขนาดนั้น แต่ก็ยอมรับว่าทางบริษัทเขาใส่ใจ และดูเลยบ้านเราเป็นอย่างดี ไม่ปล่อยผ่านๆไป  เราเองก็พอใจในส่วนนี้ สรุปคือ ทำการสกิมโคทและทาสีใหม่อีกรอบ (รอบที่ 2 ของการสกิมโคท และรอบที่3 ของการทาสี) เล่นเอาบ้านผมทาสี 3 ครั้งกันเลยทีเดียว และมาดูกันว่าจะจบในรอบที่ 3 นี้ไหม 

ก็เป็นเวลา 5 เดือนกว่าแล้วสำหรับบ้านหลังนี้ เริ่มตั้งแต่วางผัง ลงเสา ก่อฉาบ มุงหลังคา และอีกมากมาย ที่เห็นการทำงานทุกขั้นตอน ก็บอกได้เลยว่า ไม่ใช่ง่ายๆเลยครับ กว่าจะมาเป็นบ้านหลังหนึ่ง เล่นเอาปวดหัวไปหลายเรื่องกันเลย แต่ก็ผ่านมาได้ครับ สำหรับบ้านหลังน้อยๆหลังนี้ ที่เต็มไปด้วยความตั้งใจ และใส่ใจอย่างมาก ต้องกลับมาดูทุก 2 อาทิตย์ บางทีก็ 2อาทิตย์ติดกันเลย ค่าเดินทางไม่ต้องพูดถึงครับ เยอะเลย 555 สร้างบ้านก็คือสร้างบ้านครับ และถ้าตัด ไม้โทออก เป็น "บาน" ครับ 555 บ้านหลังนี้ก็เช่นกันครับ บาน มาพอสมควรเลย ไว้จะมาสรุปให้ดูอีกทีหลังจากเสร็จสมบูรณ์นะครับ ไว้มาดุกันครับว่า แก้ครั้งที่ 3 นี้จะจบลงแบบสวยๆไหม รึจะมีแก้กันต่ออีก 555 

 

 

และแล้วก็เรียบร้อยสมบูรณ์ดีทุกประการครับ ในที่สุดความฝันที่อยากจะมีบ้านสักหลังให้ครอบครัวได้อยู่แบบสบายก็เป็นความจริงแล้วครับ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะทำมันได้ คงไม่ต้องอธิบายมากครับ ให้รูปบ้านหลังน้อยๆ นี้อธิบายแทนก็แล้วกันครับ

ปิดท้ายด้วยรูปถ่ายหน้าบ้านครับ และก็นัดหมายทางบริษัทส่งมอบบ้านอย่างเป็นทางการกันในวันที่ 10 กันยายน 2559 นี้ครับ

 

 

วันที่ 9 กันยายน 2559 วันนี้ก่อนเดินทางกลับบ้านไปรับมอบบ้านใหม่ ก็ถือโอกาศแอบออกไปเลือกซื้อรางผ้าม่านและอุปกรณ์ที่โฮมโปปรแจ้งวัฒนะเลยครับ เพราะว่ากลับบ้านไปก็ไม่มีรถเข้าไปซื้อในเมืองอยู่ดี ก็เอาเป็นว่า ซื้อที่นี่ไปเลยแล้วกัน ซื้อเสร็จตกตอนเย็นก็จัดการแบกขึ้นรถทัวร์เพื่อกลับบ้านอย่างทุทักทุเลเลยทีเดียว 555

 

 

ถามว่ายาวไหม ก็ใส่รถ Taxi เต็มพอดีครับ เกือบกลับไม่ได้ 55

วันที่ 10 กันยายน 2559 วันนี้ถือว่าเป็นวันดีครับ มาถึงบ้านอย่างปลอดภายตั้งแต่เช้ามืดเลยทีเดียว ก็ยังไม่ได้ทำอะไรมาก รอช่วงสายๆเข้าไปตรวจงานครั้งสุดท้ายก่อนเซ็นต์รับมอบบ้านกันในช่วงบ่าย

ไปดูกันเลยครับ ตรวจครั้งสุดท้ายก่อนส่งมอบอย่างเป็นทางการ

ชมภายนอกกันก่อนเลยครับ
ด้านหน้า

 

 

ด้านข้าง-ซ้าย

 

 

ด้านข้าง-ขวา

 

 

ด้านหลัง

 

 

ปั้มน้ำ+ถังเก็บ 1000L บ้างครับ

 

 

และแล้วช่วงบ่ายทางเจ้าของบริษัทก็เข้ามาก ส่งมอบบ้านให้ครับ งานนี้ก็ไม่มีอะไรมาก แค่เดินดูความเรียบร้อยของงาน มีเอกสารการส่งมอบและเอกสารการรับประกันงานก่อสร้างต่างๆมาให้ แล้วเราก็เซ็นต์รับมอบบ้าน ถ่ายรูปก็เป็นอันจบครับ แต่แอบนีอยนิดนึงครับว่าไม่มีอะไรติดไม้ติดมือมาให้เจ้าของบ้านบ้างเลย 555 แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ได้บ้านดี มีคุณภาพก็พอใจแล้ว

 

 

และนี่ครับ ครอบครัวของผมกับบ้านหลังน้อยๆหลังนี้ มีกันอยู่ 4 คน พ่อแม่ลูกครับ ไม่ต้องสงสัยนะครับว่าใครเป็นเจ้าของบ้าน  งานนี้ยึดอำนาจจากพ่อได้แล้วครับ 555  ยังครับ 

เดี๋ยวก่อนนะครับ ยังไม่จบ…………………………………………………………………………………….
หลังจากเซ็นต์รับบ้านเรียบร้อย เจ้าของบริษัทก็กลับไป ยังมีงานที่ต้องทำต่อ นั่นก็คือ ติดตั้งผ้าม่านนั่นเองครับ จะรออยู่ใยลุยสิครับ  ติดเองเลย

ลุยๆช่วงกัน 3 คน มีผม พ่อผม และน้องที่ทำงานพ่อมาช่วยอีกแรงครับ

 

 

 

ได้แล้วครับหน้าต่าง 1 บาน กว่าจะได้นี่ เล่นเอาเหนื่อยเลยครับ แต่ก็สนุกดี ติดแล้วออกมาก็ดุสวยดี สมกับแบกมาจาก กทม. 555 ไม่เน้นหรูครับ เน้นประหยัด

 

 

อันนี้หน้าต่างห้องนั่งเล่นครับ

 

 

หน้าต่างห้องนอนพ่อกับแม่บ้างครับ อันนี้คนละลายแต่ผ้าแบบเดียวกัน 

 

 

 

และปิดท้ายด้วยม่านมู่ลี่ตรงหน้าต่างห้องครัว เล่นเอามึนหัวเลยครับ ดูจากคู่มือ ดุไม่ออกกันเลย ต้องมานั้งเปิดดู YouTube ทำตามเลยครับ ใช้เวลาไม่มากครับ ประมาณ 1 ชม. เลยทีเดียว 555   ออกมาแล้วก็สวยดีตามท้องเรื่อง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

วันอาทิตย์ ที่ 11 กันยายน 2559 วันนี้ถือเอาฤกษ์สะดวกในการย้ายเข้าบ้านใหม่กันก่อนเลยครับ ก่อนที่จะทำบุญขึ้นบ้านใหม่หลังออกพรรษากันอีกที งานนี้ก็ได้ท่านคุณปู่ผมเอามาทำพิธีให้ครับ เหมือนเดิมกับตอนลงเสาเอกเมื่อ 6 เดือนก่อน  ก้ไม่มีอะไรมากเป็นพิเศษครับ ทำแบบง่ายๆ เตรียมของไหว้เจ้าที่ และเตรียมโต๊ะไว้ตั้งพระประฐาน และข้าว ของเครื่องใช้ อยู่กิน  ก็ไม่มีอะไรมาก ข้าวสาร น้ำดื่ม พริก หอม กระเทียม จานชาม  พอถึงฤกษ์เวลา 09.00 น. ก็นำพระประธานเข้าบ้านก่อนครับ โดยเป็นคนถือเอง จุดเทียน ธูปเสร็จ ปู่ก็พาไหว้พระรัตนตรัย เป็นอันเสร็จพิธี และก็ทานอาหารเช้ากันในบ้านแบบครอบครัวครับ 

 

 

 

เป็นอันจบแล้วครับ สำหรับรีวิวการสร้างบ้านหลังน้อยๆของผม หากมีข้อผิดพลานส่วนไหนก็ขออภัยสมาชิก Pantip ด้วยนะครับ และผมหวังว่า กระทู้นี้จะเป็น 1 ในแรงบรรดาลใจ ที่จะช่วยให้คนที่มีฝันอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง รึอยากสร้างบ้านให้พ่อแม่ ลุกขึ้นมาทำตามความฝันให้สำเร็จนะครับ 

และขอทิ้งท้ายด้วยรูป นี้นะครับ ผมคิดว่าสามารถตอบคำถามได้ว่า ทำไมเรียนจบแล้วมีงานทำไม่ซื้อรถขับ จะได้เดินทางสะดวก และนี่คือเหตุผลครับ และขอขอบคุณทุกคนที่คอยแนะนำ เข้ามาชื่นชม มากมายนะครับ สวัสดีครับ

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: