กรมอนามัยเผย“กินทุเรียนเผา” ไม่เพิ่มกำมะถัน กินไม่ตาย-รสชาติหวานขึ้น





 จากกรณีกระแสข่าวในโซเชียลมีเดีย ที่ระบุว่า มีคนกิน “ทุเรียนเผา” แล้วเสียชีวิต เนื่องจากสารซัลเฟอร์ หรือ กำมะถันในทุเรียน เมื่อโดนไฟเผาแล้วจะเพิ่มปริมาณมากขึ้นจนเป็นอันตราย

[ads]      

   นพ.อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า ขณะนี้ยังไม่มีงานวิจัยใดยืนยันว่า การเผาทุเรียนจะทำให้กำมะถันในทุเรียนเพิ่มปริมาณมากขึ้น จนเป็นเหตุให้ผู้ที่บริโภคเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม การเผาทุเรียนจะทำให้วิตามิน เช่น โฟเลต วิตามินบี ซี ในทุเรียนลดลง นอกจากนี้ ยังทำให้น้ำในทุเรียนระเหยออกไป ทุเรียนเผาจึงมีรสชาติหวานขึ้น กระตุ้นให้อยากกินมากขึ้น ข้อควรระวังคือ ไม่ควรเผาทุเรียนจนไหม้ เพราะหากกินสะสมไปนานๆ ไม่ต่างจากการกินอาหารปิ้งย่างจนไหม้เกรียม ซึ่งเสี่ยงมะเร็ง

       นพ.อรรถพล กล่าวว่า สำหรับกลุ่มผู้ป่วยเป็นโรคไต เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และหลอดเลือดหัวใจตีบควรระวังเป็นพิเศษ หากกินทุเรียนในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้อาการเสี่ยงทรุดได้ เพราะในทุเรียนมีแป้งและไขมันสูง ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และหลอดเลือดหัวใจตีบ ต้องคุมระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด ควรกินทุเรียนแต่พอเหมาะ ไม่กินในปริมาณมากและไม่กินถี่ทุกวัน หากเป็นไปได้กินไม่เกิน 1 เม็ดเล็กต่อวัน และเนื่องจากทุเรียนเป็นผลไม้มีโพแทสเซียมสูง ผู้ป่วยโรคไตไม่สามารถขับโพแทสเซียมส่วนเกินได้เท่าคนปกติจึงควรเลี่ยง เพราะจะส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะโดยเฉพาะผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระดับ 4 และ 5  

       พญ.นภาพรรณ วิริยะอุตสาหกุล ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ กล่าวว่า ทุเรียนจัดเป็นผลไม้ที่ให้วิตามินแร่ธาตุ เป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรตและไขมัน ใน 1 วันแนะนำให้กินผลไม้ให้หลากหลาย 3 – 5 ส่วนทุเรียน 1 เม็ด เท่ากับ 2 ส่วน ให้พลังงาน 130 กิโลแคลอรี หรือเทียบได้เท่ากับข้าวประมาณ 2 ทัพพี จึงควรกินไม่เกิน 2 เม็ดต่อวัน และไม่กินถี่ทุกวันเพราะอาจส่งผลให้น้ำหนักเกิน เจ็บคอ นอกจากนี้ ในมื้อที่กินทุเรียนควรลดอาหารประเภทข้าว แป้ง ขนมหวานควบคู่ไปด้วย เช่น กินทุเรียนแล้วก็ไม่ต้องซ้ำด้วยของหวานอื่น หรือถ้าจะกินทุเรียนมื้อนี้ควรลดข้าวให้น้อยลง รวมถึงไม่ควรกินข้าวเหนียวทุเรียนบ่อยเนื่องจากมีความหวานมัน

ขอบคุณเนื้อหาจาก:www.manager.co.th

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: