อึ้ง!!!! 4 หน่วยงานรัฐค้างค่าน้ำ-ค่าไฟฟ้ากว่า 1,300 ล้านบาท





กลายเป็นประเด็นที่ต้องพูดถึงในเวลานี้ เมื่อปรากฏข่าว "หน่วยงานรัฐ" ค้างชำระค่าสาธารณูปโภค ทั้งค่าน้ำและค่าไฟ สูงถึง 1,300 ล้านบาทเศษ ซึ่งหน่วยงานเจ้าหนี้ ล้วนแต่เป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย นั่นคือ…

[ads]

1.ยอดค้างชำระในส่วนของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มีประมาณ 23 ล้านบาท 

2.ยอดค้างชำระในส่วนของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มีประมาณ 1,260 ล้านบาท 

3.ยอดค้างชำระในส่วนของการประปานครหลวง (กปน.) มีประมาณ 25 ล้านบาท 

4.ยอดค้างชำระในส่วนของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) มีประมาณ 49 ล้านบาท 

ซึ่งตัวเลขประมาณการนี้ เป็นยอดค้างสะสมจนมาถึงยอดค้างในปัจจุบัน…และเป็นหนี้ค้างชำระของหน่วยงานทุกสังกัด ทั้งหน่วยราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ท้องถิ่น รวมทั้งกทม. และพัทยา ที่มีการค้างชำระค่าสาธารณูปโภค

เหตุผลของ "ผู้บริหาร" อย่าง "เสรี ศุภราทิตย์" ผู้ว่าการ กปภ. ที่บอกชัดถ้อยชัดคำว่า "เราก็ทวงถามให้มาชำระยอดค้างจ่ายค่าน้ำของส่วนราชการต่างๆ แต่เป็นลักษณะถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่ได้กำหนดกรอบการชำระแต่อย่างใด โดยจะไม่มีการฟ้องร้องหรือตัดน้ำ เพราะจะส่งผลเดือดร้อนแก่ประชาชนที่มาติดต่องานราชการ" 

หรือแม้แต่ "เสริมสกุล คล้ายแก้ว" ผู้ว่าการ กฟภ. ก็บอกว่า "มีหนังสือแจ้งหนี้ทุกเดือนอยู่แล้ว แต่หลังจากมีมติครม. ออกมา ทาง กฟภ.ก็จะทำหนังสือแจ้งหนี้ไปอีกครั้ง ซึ่งกรอบเวลาการชำระเงินคงต้องหารือในที่ประชุมก่อน ส่วนยอดค้างชำระค่าไฟของส่วนราชการต่างๆ นั้น มีอยู่ประมาณหลักพันล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้จะไม่มีการฟ้องร้องหรือตัดไฟ แต่จะเป็นการส่งหนังสือแจ้งย้ำเตือนไปเท่านั้น"

   พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินค้างจ่ายสาธารณูปโภคที่หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจค้างชำระ เช่น ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ เป็นต้น โดยแนวทางในการแก้ไขกำหนดให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2560 ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นๆ มาชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระได้ นอกจากนี้ยังให้หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ นำเงินนอกงบประมาณ เช่น เงินรายได้หรือเงินที่ได้รับไว้เพื่อเป็นสวัสดิการหน่วยงาน มาชำระหนี้สาธารณูปโภคไม่น้อยกว่า 25%

   “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังได้สั่งการว่าตั้งแต่ปีงบประมาณ 2560 เป็นต้นไป ห้ามทุกหน่วยงานนำงบประมาณค่าสาธารณูปโภคที่ได้รับไปใช้จ่ายอย่างอื่นเด็ดขาด และหากงบประมาณที่ตั้งไว้สำหรับการเบิกจ่ายสาธารณูปโภคไม่เพียงพอชำระ และมีงบประมาณเหลือจ่ายหรือมีงบประมาณในส่วนใดเพียงพอให้นำมาพิจารณาเพื่อโอนเปลี่ยนแปลงไปชำระค่าสาธารณูปโภคเป็นลำดับแรกก่อน” พล.ท.สรรเสริญกล่าว

ขอบคุณเนื้อหาจาก:www.thaipost.net ,www.dailynews.co.th

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: