15 มีนาคม 2567 พ.ต.อ.วีระพงษ์ คล้ายทอง ผกก.4 บก.ปคบ. สั่งการให้เจ้าหน้าที่ กก.4 บก.ปคบ. เข้าตรวจค้นทลายโรงงานผลิตไก่ยอ และไส้กรอกอีสานเถื่อน ย่านบางเขน พบนางสาวโชติกา (สงวนนามสกุลจริง) แสดงตนเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ พร้อมตรวจยึดไก่ยอ และไส้กรอกอีสานไม่มีเลข อย. กว่า 729 กิโลกรัม รวมทั้งเครื่องจักร บรรจุภัณฑ์ และส่วนผสมต่างๆ ที่ใช้ในการผลิตลูกชิ้น รวมกว่า 15 รายการ
สืบเนื่องจาก กองกำกับการ 4 บก.ปคบ. มีมาตรการเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อาหารที่ผลิตโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดก่อนจำหน่าย ซึ่งอาจนำมาสู่กระแสอาหารสกปรก จึงทำการเฝ้าระวังและสืบสวนหาข่าวเรื่อยมา
ต่อมาพบว่ามีโรงงานไก่ยอและไส้กรอกอีสานเถื่อนย่านบางเขน กทม. ซึ่งโรงงานดังกล่าวมีการส่งไก่ยอและไส้กรอกอีสานขายตลาดขนาดใหญ่ จึงเข้าทำการตรวจสอบและตรวจยึดของกลางดังกล่าว โดยขณะเข้าตรวจค้นเจ้าหน้าที่ยังพบกองอุนจิของสุนัขอยู่บนพื้นโรงงานด้วย
น.ส.โชติกา (สงวนนามสกุล) รับสารภาพว่า ผลิตไก่ยอและไส้กรอกอีสาน โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. และไม่มีเลขสารบบอาหารแต่อย่างใด โดยใช้บ้านพักดัดแปลงเป็นสถานที่ผลิต จากนั้นนำมาแช่ไว้ในถังน้ำแข็งขนาดใหญ่เพื่อรอการจำหน่ายให้กับลูกค้า เนื้อไก่ที่ใช้เป็นวัตถุดิบ ตนซื้อมาจากโรงงานแยกชิ้นส่วนไก่ ส่งขายให้ลูกค้าตามตลาดสดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และพื้นที่ใกล้เคียง เช่น ตลาดสี่มุมเมือง ตลาดบางกะปิ เป็นต้น
จากนั้นจะมีผู้ค้ารายย่อยมารับสินค้าไปกระจายต่ออีกทอดหนึ่ง ซึ่งมีกำลังการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไก่ยอและไส้กรอกอีสานวันละประมาณ 100 กิโลกรัม เฉลี่ยเดือนละ 1,600 กิโลกรัม ทำมาแล้วประมาณ 4 ปี
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างอาหารเพื่อส่งตรวจวิเคราะห์ หาสารบอแรกซ์ ชนิดและปริมาณวัตถุกันเสีย และจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค ณ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หากพบสารต้องห้ามในอาหารเพิ่มเติม จะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 ฐาน “ผลิตอาหารไม่บริสุทธิ์” ระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เปิดความอันตราย “สารบอแรกซ์” ห้ามใส่ในอาหารทุกชนิด
บอแรกซ์ เป็นสารพิษร้ายแรงที่กฎหมายประกาศ ห้ามใส่ในอาหารทุกชนิด เพราะเป็นอันตรายกับทุกอวัยวะภายในร่างกาย โดยเฉพาะตับ ไต สมอง ระบบประสาทส่วนกลาง ระบบย่อยอาหาร และผิวหนัง อาการที่แสดงจะขึ้นอยู่กับปริมาณของสารบอแรกซ์ที่ได้รับเข้าสู่ร่างกายและความสามารถของร่างกายในการขับถ่ายออกมา แบ่งได้ 2 ลักษณะ ได้แก่
แบบเฉียบพลัน อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องรุนแรง โดยอาจเกิดอาการเฉียบพลันได้ หากได้รับสารบอแรกซ์ ตั้งแต่ 15 กรัม/ครั้ง กรณีเด็กเล็ก หากได้รับสารบอแรกซ์ในปริมาณ 5 กรัม/ครั้ง อาจถึงแก่ชีวิตได้
แบบเรื้อรัง จะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ผิวหนังแห้ง หน้าบวม ตาบวม เยื่อตาอักเสบ และตับหรือไตอักเสบ
สารนี้สามารถสะสมในร่างกาย ซึ่งส่วนใหญ่จะสะสมไว้ที่กรวยไต ทำให้เกิดการอักเสบ ทั้งนี้ไม่ว่าร่างกายจะได้รับสารนี้เข้าไปในปริมาณมากในคราวเดียวหรือได้รับน้อยแต่เกิดการสะสม ก็เป็นอันตรายได้ทั้งนั้น
บอแรกซ์เป็นสารที่ห้ามใช้ในอาหาร ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 391 (พ.ศ. 2561)ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 เรื่อง กำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย หากผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 2 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 20,000 บาท และจัดเป็นการผลิตหรือจำหน่ายอาหารไม่บริสุทธิ์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ