เจ้าสัวสหพัฒน์ ห่วงขึ้นค่าแรง450 นักลงทุนอาจย้ายไปเวียดนาม ต้องศึกษาให้ดี





31 พ.ค. 2566 – นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันว่า ทั่วโลกยังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อและส่งออกลดลง ขณะที่ประเทศไทยภาคการท่องเที่ยวดีขึ้นจากการมีต่างชาติกลับมาเที่ยวเพิ่มขึ้น แสดงว่าไทยยังมีอะไรหลายอย่างเป็นที่สนใจของต่างชาติ เช่น เฮลท์แคร์ เป็นต้น

สำหรับแผนธุรกิจของสหกรุ๊ปในปี 2566 แม้ยังไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่อย่างเป็นทางการ แต่ยังเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่องมากที่สุดในประวัติการณ์ โดยเป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมใหญ่ที่ไม่เคยทำมาก่อนหลายโครงการ เพื่อให้รายได้เป็นตามเป้าที่ตั้งไว้มากกว่า 3 แสนล้านบาท

“เราคิดต่างจากคนอื่น ในช่วงนี้ที่เกิดภาวะเงินเฟ้อ ควรลงทุนให้เยอะจะดีที่สุด เพราะถ้าเก็บเงินสดไว้จะไม่มีความหมาย ถามว่าการค้าขายทุกปีมันยากขึ้นไหม ไม่ง่ายเลย แต่อยู่ที่เราปรับตัว ถ้าปรับตัวทันเหตุการณ์ อาจเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ถ้าเราปรับตัวช้า อาจจะสุ่มเสี่ยง”

นายบุณยสิทธิ์ กล่าวถึงนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาทว่า ธุรกิจของสหกรุ๊ปเป็นพ่อค้า ค่อนข้างปรับตัวได้ทุกสถานการณ์ อย่างค่าแรงสูงขึ้น ต้องปรับปรุงการผลิตให้มีประสิทธิภาพ และต้องพยายามไม่ให้ของทุกอย่างขึ้นตามค่าแรง ไม่ว่ารัฐบาลไหนมาเราพร้อมให้ความร่วมมือและปรับตัว นี่คือจุดเด่นของเรา สหกรุ๊ปเองได้ปรับคนรุ่นใหม่ขึ้นมาทำงานหมดแล้ว รุ่นเก่าจะไม่มีอยู่ในธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม การขึ้นค่าแรงจะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวและบริการ ดังนั้นรัฐบาลใหม่ต้องลองศึกษาให้ดี เพราะมีทั้งดีและไม่ดี ต้องพิจารณาหลาย ๆ ด้าน เราเองมีพันธมิตรลงทุนจากญี่ปุ่น ถ้าเกิดค่าแรงสูง บางทีอาจทำให้มีการย้ายการลงทุนไปเวียดนามได้ อย่างภาคการผลิตเสื้อผ้า ขนาดยังไม่ขึ้นค่าแรง ยังย้ายฐานไปเวียดนามมาแล้ว ด้านภาวะค่าเงินบาท ตอนนี้ถือว่าดี แต่อนาคตไม่รู้ ถ้ารัฐบาลใหม่ทำถูกทาง เงินจะเสถียรภาพได้

 

ข่าวจาก : ข่าวสด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: