ผู้นำโลกส่งสารแสดงความยินดี “เศรษฐา” โจ ไบเดน ตั้งตารอพบนายกรัฐมนตรีคนที่ 30

Advertisement 26 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา ได้มีผู้นำประเทศ และผู้นำรัฐบาล จากหลายประเทศทั่วโลก ส่งสารแสดงความยินดี ต่อการขึ้นรับตำแหน่งของ นายเศรษฐา อาทิ นายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีลาว นายโลเท เชอร์ริง นายกรัฐมนตรีภูฏาน นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ รวมไปถึง นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา Advertisement สำหรับ สารของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ลงวันที่ 25 ส.ค. 2566 ระบุว่า ในนามของสหรัฐอเมริกา ผมขอแสดงความยินดี ที่ท่านได้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 แห่งราชอาณาจักรไทย นายไบเดน ระบุว่า ประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา มีประวัติศาสตร์และค่านิยมร่วมกัน พันธมิตรของ […]

จีนประกาศกร้าว หลังไบเดนประกาศพร้อมปกป้องไต้หวันหากถูกโจมตี

ทางการจีนออกมายืนยันหลักการว่าจะไม่มีการประนีประนอมหรือยอมอ่อนข้อใดๆ ในประเด็นไต้หวัน หลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา ออกมาระบุว่า สหรัฐยึดมั่นในพันธกรณีที่จะปกป้องไต้หวันหากถูกโจมตี นายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ย้ำในจุดยืนของจีนที่ว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน ในระหว่างการแถลงข่าวประจำวัน หนึ่งวันก่อนหน้าที่ไบเดนจะประกาศจุดยืนดังกล่าวในเวทีที่จัดขึ้นโดยสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น นายหวังกล่าวว่า เมื่อเป็นประเด็นที่เกี่ยวกับอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของจีน รวมถึงประเด็นที่เป็นผลประโยชน์หลักอื่นๆ ไม่มีที่ว่างสำหรับจีนที่จะประนีประนอมหรือยอมความใดๆ และไม่มีใครที่จะบ่อนทำลายความมุ่งมั่น ความปรารถนาอย่างแรงกล้า และศักยภาพอันเข้มแข็งของประชาชนชาวจีนในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของเรา “ไต้หวันเป็นดินแดนอันแบ่งแยกไม่ได้ของจีน ประเด็นไต้หวันเป็นกิจการภายในของจีนอย่างแท้จริง ที่ไม่อนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซง”นายหวังกล่าว จีนมองว่าการออกมาแสดงความเห็นของไบเดนเป็นการขยายการดำเนินยุทธศาสตร์อันคลุมเครือของสหรัฐ ต่อกรณีว่าสหรัฐจะตอบโต้กับการโจมตีเกาะไต้หวัน นายหวังกล่าวว่า สหรัฐต้องระมัดระวังคำพูดและการกระทำในประเด็นไต้หวัน และต้องไม่ส่งสัญญานผิดๆ ไปยังกองกำลังแบ่งแยกดินแดนไต้หวัน เช่นเดียวกับที่ต้องไม่ทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐ สันติภาพ และเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ด้านนางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวระบุว่า การแสดงความเห็นของไบเดนดังกล่าวไม่ได้เป็นการส่งสัญญานว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงวิธีปฏิบัติรวมถึงนโยบายของสหรัฐ ท่านประธานาธิบดีไม่ได้ตั้งใจที่จะส่งสัญญานว่ามีการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบาย หรือตัดสินใจที่จะเปลี่ยนนโยบายแต่อย่างใด ข่าวจาก มติชนออนไลน์

ไบเดนผุดไอเดีย ‘เคาะประตู’ ฉีดวัคซีนถึงหน้าบ้าน กระตุ้นยอดฉีดทั่วประเทศ

ผู้นำสหรัฐฯ ผุดไอเดีย ‘เคาะประตู’ กระตุ้นวัคซีนโควิดแบบเคาะประตูถึงหน้าบ้าน หลังพลาดเป้าที่เคยกำหนดไว้ กลางความกังวลของการแพร่ระบาดของเชื้อเดลตา  โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังพยายามเพิ่มเป็นสองเท่า เพื่อให้ชาวอเมริกันจำนวนมากเข้ารับการฉีดวัคซีน แม้ว่าในตอนนี้จะพลาดเป้าที่เคยกำหนดไว้ว่าในวันที่ 4 กรกฎาคม ชาวอเมริกัน 70% จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มและ 160 ล้านคนได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส “การต่อสู้กับไวรัสของเรายังไม่จบสิ้นในตอนนี้ อย่างที่ผมกล่าวคนอเมริกันหลายล้านคนยังคงไม่ได้รับวัคซีนและไม่ได้รับการป้องกัน และด้วยเหตุนี้ ชุมชนของพวกเขาจึงมีความเสี่ยง เพื่อนบ้านของพวกเขา และผู้คนที่พวกเขาห่วงใยล้วนตกอยู่ในความเสี่ยง นี่เป็นความกังวลที่มากขึ้นกว่าเดิมเนื่องจากตัวแปรสายพันธุ์เดลตา” โจ ไบเดนกล่าว ทั้งยังกล่าวถึงความกังวลถึงอัตราการแพร่ระบาดที่น่าตกใจสำหรับสายพันธุ์เดลตาที่สามารถ ‘แพร่เชื้อได้ง่ายกว่า’ และ ‘มีอันตรายมากกว่า’ พร้อมทั้งอยากให้ประชาชนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน พิจารณาเรื่องดังกล่าวใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะกับคนหนุ่มสาวที่คิดว่าไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีน และไม่มีความกังวลใด ๆ และเน้นย้ำให้เห็นถึงประสิทธิภาพของวัคซีนต้านตัวแปรสายพันธุ์เดลตา ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีการวางแผนกระตุ้นประชาชนออกไปฉีดวัคซีนเพิ่มด้วยการให้หน่วยฉีดวัคซีนเดินเคาะประตูฉีดถึงหน้าบ้านในพื้นที่ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนยังต่ำอยู่ “ขณะนี้เราต้องขยับไปยังชุมชนแต่ละชุมชน ละแวกบ้านในแต่ละละแวก หรืออาจเป็นประตูบ้านแต่ละบ้าน เราจะเคาะประตูบ้านเพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้คนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเพื่อให้พวกเขาได้รับการปกป้องจากไวรัส” โจ ไบเดนกล่าว นอกจากนั้นรัฐบาลกลางยังเพิ่มความร่วมมือกับชุมชนร้านขายยาในท้องถิ่นอีกราว 42,000 แห่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ซึ่งอัตรารับวัคซีนยังต่ำ รวมถึงเจ้าหน้าที่แพทย์ประจำครอบครัว ที่ชาวอเมริกันบางส่วนสะดวกใจรับคำปรึกษามากกว่า และยังเตรียมการเพิ่มจุดแจกวัคซีนโควิดตามงานเทศกาล ศาสนาสถาน […]

หนุ่มโรบินฮูดไทย จบหมอที่สหรัฐ เข้าพบ “โจ ไบเดน” ร่วมหารือ-ผลักดันกฎหมาย

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก SiamTownUS ได้เผยแพร่เรื่องราวของ ‘หมอนิว’ จิรายุทธ ลัทธิวงศกร คนไทยคนแรกที่อยู่ในสถานะ ‘โรบินฮูด’ หรือ ‘ผู้ที่อยู่อาศัยเกินวีซ่าตามกฎหมาย’ ที่จบการศึกษาแพทย์ จากมหาวิทยาลัย ยูซี ซานฟรานซิสโก ได้รับเชิญเข้าพบ กับประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ที่ทำเนียบขาว เพื่อร่วมหารือและผลักดันกฎหมายให้คนที่อยู่ในสถานะ DACA หรือ ดรีมเมอร์ ที่เดินทางตามผู้ปกครองมาตั้งแต่เด็ก ได้มีสถานะเป็นพลเมืองอเมริกัน อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มดรีมเมอร์อีก 5 คน ที่มีอาชีพต่างๆ ในภาคการศึกษา เกษตร และสาธารณสุข เข้าพบด้วยเช่นกัน ซึ่งล่าสุดผู้นำสหรัฐฯ กำลังพยายามผลักดันที่จะให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมายราว 11 ล้านคน ได้เป็นพลเมืองสหรัฐฯ จากการผ่านกฎหมายให้เร็วที่สุด โดยมีขั้นตอนเงื่อนไขการให้สถานะแตกต่างกัน รวมถึงการร่วมก่อตั้งองค์กรไม่หวังผลกำไรชื่อ Pre-Health Dreamers (PHD) ทำงานช่วยเหลือกลุ่ม “ดรีมเมอร์” ที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในสายการแพทย์และสาธารณสุขศาสตร์ รวมถึงทำงานในลักษณะเป็นล็อบบี้ยิสต์ กับบรรดานักการเมือง ทั้งระดับรัฐและระดับประเทศด้วย ด้วยความตั้งใจในการทำงานที่ผ่านมานั้น ทำให้สำนักงานบริการสาธารณสุขของสหรัฐฯได้ประกาศเกียรติคุณ ยกย่องว่าเขาเป็นนักศึกษาแพทย์ที่ทำงานในแนวเดียวกับองค์กร นั่นคือ “ปกป้อง ส่งเสริม และเสริมสร้างสุขภาพที่ดี และความปลอดภัยให้กับประเทศอเมริกา” ทั้งผลงานของเขาก็ได้รับการยอมรับจากนิตยสารฟอร์บส์ ที่ยกย่องว่าเป็นหนึ่งใน 30 คนหนุ่มสาวที่น่ายกย่อง ประจำปี 2017 ด้วย   […]

error: