อาชญากรรม

28 ก.ค.2566 ตำรวจกองปราบปรามจับกุมนายจรูญ (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี หลังก่อเหตุปล้นทรัพย์ ใช้ไม้หน้าสามกระหน่ำตีเหยื่อและเมีย ต่อหน้าลูกน้อยวัย 3 ขวบและ 1 ขวบ เหตุเกิดเมื่อปี 2546 ก่อนลากเอาเหยื่อไปขัง แล้วปล้นเอารถกับทรัพย์สินไป เจ้าหน้าที่รวบตัวได้ที่ต. ต.ท่าโพธิ์ชัย อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ โดยหลังเกิดเหตุ ผู้เสียหายต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนานหลายเดือน เนื่องจากบาดเจ็บสาหัส กะโหลกศรีษะร้าว ฟันหัก 6 ซี่ ดั้งจมูกหัก ก่อนเข้าแจ้งความไว้ที่สภ.เมืองนครปฐม จนมีการติดตามจับกุมผู้ร่วมก่อเหตุได้ 2 ราย คงเหลือนายจรูญที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนี ทั้งนี้อีก 2 เดือนคดีกำลังจะหมดอายุความอีกด้วย ต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเร่งนำกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแสจนทราบว่าปัจจุบันนายจรูญได้หนีมาซ่อนตัวอยู่ที่ จ.บุรีรัมย์ กระทั่งตามจับกุมตัวไว้ได้ดังกล่าว สอบสวน นายจรูญ ยังให้การปฏิเสธ จึงนำตัวส่ง สภ.เมืองนครปฐม ดำเนินคดีต่อไป   ข่าวจาก : ข่าวสด

(5 ต.ค.65) ผู้สื่อข่าวได้จากการสอบถามพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี พ.ต.ท.สุวิศ พิชอ่อน ให้ข้อมูลว่าเรื่องราวดังกล่าวเกิดจากผู้ต้องหาได้รับว่าความให้ผู้เสียหายในคดีแพ่งในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ จากนั้นได้แจ้งผู้เสียหายว่าชนะคดีได้โดยให้ผู้เสียหายดูคำพิพากษาของศาล พร้อมเรียกรับเงินจากผู้เสียหายเป็นค่าดำเนินการ ต่อมาผู้เสียหายได้ตรวจสอบคำพิพากษาดังกล่าวปรากฏว่าไม่มีคำพิพากษาในคดีดังกล่าวและไม่มีคดีดังกล่าวในสารระบบของศาลจังหวัดกำแพงเพชร จึงเข้าพบพนักงานสอบสวนที่จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อแจ้งความดำเนินคดี จากนั้นพนักงานสอบสวนจังหวัดนครสวรรค์ จึงประสานมายัง สถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร เมื่อทราบเรื่องดังกล่าวศาลจังหวัดกำแพงเพชรจึงได้ทางการทำการตรวจสอบเลขที่คดีซึ่งพบว่า ไม่มีคดีดังกล่าวอยู่ในสารบบ และได้ทำการตรวจสอบรายชื่อทนายก็ไม่พบว่า ผู้ต้องหาอยู่ในรายชื่อของสภาทนายความ หลังจากที่ทราบว่า ผู้ต้องหาได้ปลอมแปลงตั๋วทนาย เพื่อใช้ในการว่าความ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับศาลเป็นอย่างยิ่ง จึงได้แจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชรและถูกจับกุมตัวได้ ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหาถูกฝากขังอยู่ที่เรือนจำกลางจังหวัดกำแพงเพชร นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านของผู้ต้องหา ในพื้นที่ ตำบลคณฑี อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร พบว่า เป็นบ้านปูนชั้นเดียว มีประตูกระจกติดติดข้อความว่า รับว่า ความทั่วราชอาณาจักร คดีแพ่ง-อาญา พร้อมกับเบอร์ติดต่อ ภายในบ้านพบแม่ของผู้ต้องหา และลูกสาว ของผู้ต้องหา อีก 2 คน ซึ่งแม่อยู่ด้วยอาการเสียใจ และขอร้องด้วยน้ำตาไม่อนุญาตให้บันทึกภาพ เพียงแต่ให้ข้อมูลว่า ผู้ต้องหาเป็นลูกชายได้เลิกอาชีพไก่หมุน แล้วมามีอาชีพรับว่า ความหาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียวจึงเป็นเสาหลักของบ้าน ส่วนเรื่องความผิดว่ากันไปตามความผิด แต่ในหัวอกแม่ ลูกชายเป็นที่รัก และหาเลี้ยงครอบครัวมาโดยตลอด ซึ่งหลังจากลูกชาย ถูกควบคุมตัวไปไม่ได้ติดต่อกันเลย ตนเองก็ไม่รู้จะไปติดต่ออย่างไรทางไหน […]

หญิงป่วยเป็นโรคลิ่มเลือดในสมอง ต้องหยุดทำงาน กินยาตลอดชีวิต เจอมิจฉาชีพหลอกว่ามีชื่อในพัสดุผิดกฎหมาย อ้างเป็นตร.หลอกตรวจเงินเก็บ 1.2 แสน หนีหาย วันที่ 17 ต.ค.2564 หญิงสาว อายุ 29 ปีเข้าแจ้งความกับทางตำรวจสภ.เมืองพิษณุโลก หลังถูกแก๊งมิจฉาชีพ อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ขนส่งโทรศัพท์มาหาว่า ตนเองได้ส่งพัสดุไปยังประเทศจีน แต่ติดขัดขั้นตอนที่ด่านศุลกากร จ.เชียงใหม่ พบเป็นของผิดกฎหมาย ก่อนจะหลอกให้โอนเงินจำนวน 1.2 แสนบาทไป โดยหญิงสาวรายนี้เผยว่า ก่อนหน้านี้ มีคนโทร.หาตน อ้างว่าเป็นพนักงานบริษัทส่งพัสดุเอกชน แจ้งว่าตนเองได้ส่งของไปประเทศจีน แต่ติดอยู่ที่ศุลกากรจ.เชียงใหม่ โดยเป็นของผิดกฎหมาย ตนก็แปลกใจเพราะไม่เคยส่งพัสดุ อีกฝ่ายจึงเผยว่าน่าจะโดนสวมชื่อส่งของผิดกฎหมาย ก่อนโอนสายให้คุยกับบุคคลที่อ้างตัวเป็นตำรวจสภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่เพื่อตรวจสอบข้อมูล ทั้งนี้ระหว่างการพูดคุย ทางมิจฉาชีพได้ใช้วิธีการ โอนสายไปยังบุคคลที่้อ้างตัวเป็นผกก.โรงพัก และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่าง ๆ มากมาย โดยใช้การหลอกด้วยลูกไม้สารพัดผ่านทางน้ำเสียงให้โอนเงินในบัญชีมาเพื่อตรวจสอบที่มาที่ไปของเส้นทางการเงินก่อน หลังตรวจสอบเสร็จก็จะโอนเงินคืนไปให้ ทางเหยื่อหลงเชื่อโอนให้ตรวจสอบ หลังจากผ่านไป 1 ชม. หญิงสาวเริ่มได้สติและเอ๊ะใจว่าน่าจะถูกหลอก จึงสอบถามไปยังสภ.ช้างเผือก ทางตำรวจแจ้งว่าน่าจะถูกหลอกแล้ว พร้อมแนะนำเป็นอย่างดีให้ไปแจ้งความท้องที่พักอาศัยโดยเร็ว เบื้องต้นทางตำรวจได้ประสานธนาคารเพื่ออายัดบัญชีที่ผู้เสียหายโอนเงินไป ทั้งนี้ทางผู้เสียหายเองก็ป่วยมีลิ่มเลือดในสมอง เคยมีอาการช็อกเกือบเสียชีวิต ดีแพทย์ปั๊มหัวใจมาได้ทัน […]

หนุ่มขับรถแบคโฮร้องสื่อ โดนสวมสิทธิ์ เอาเลขบัตรปชช. ไปฉีดวัคซีนโควิดตัดหน้าเฉย กลัวโดนเอาไปก่ออาชญากรรม สุดเศร้าวัคซีนก็ไม่ได้ เครียดสุด ๆ วันที่ 9 ต.ค.2564 นายวิชาญ ลาภตะคุ อายุ 38 ปี อาชีพขับรถแบคโฮ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวว่า ถูกสวมสิทธิ์นำเลขบัตรประชาชน 13 หลักไปสวมสิทธิ์การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทำให้เสียโอกาสการฉีดวัคซีน จึงขอร้องกับสื่อนำเสนอข่าว เพราะกลัวว่าจะมีมิจฉาชีพนำเลข 13 หลักของตนไปก่อความเสียหาย โดยตอนนี้ได้แจ้งความกับตำรวจที่สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีไว้แล้ว โดยเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนเดินทางไปขอใช้สิทธิ์วัคซีนที่อบจ.ปทุมธานี ซึ่งจัดฉีดซิโนฟาร์มที่ห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ปรากฎว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสิทธิ์ในระบบหมอพร้อม พบว่ามีคนนำเลขบัตรประชาชนของตน ไปรับการฉีดวัคซีนแล้วที่รพ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร ทั้งนี้คนที่ไปฉีดวัคซีนตัดหน้าตนนั้น ชื่อว่าสุพิษ เกลี้ยงสำเภา มีเลขบัตรประชาชนเดียวกับตน และไปฉีดวัคซีนเข็มแรก ในวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา และไปฉีดเข็ม 2 ในวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งไม่ใช่ตนเองอย่างแน่นอน เพราะยังไม่ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนแม้แต่เข็มเดียวเลย ตอนนี้ตนกังวลและเครียด เพราะกลัวจะมีคนเอาเลขบัตรตนไปทำอะไรผิดกฎหมาย […]

ลูกสาวยืนยัน ทองที่ซื้อให้พ่อวัย 92 ปี เป็นทองจริงแน่นอน ก่อนพ่อน้อยใจนึกว่าลูกให้ทองเก๊ สงสัยมีคนสับเปลี่ยนเอาไปก่อน ซึ่งญาติสงสัยหลานชายที่สุด อาจเป็นคนสับเปลี่ยนตอนที่ไปอยู่ด้วย จากกรณีที่นายสมัน (สงวนนามสกุล) วัย 92 ปี ผูกคอเสียชีวิตที่บ้านในพื้นที่ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ โดยเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า นายสมันได้รับทองมาจากลูกสาว แต่ปรากฏว่าต่อมา นายสมันมีปัญหาด้านการเงิน ต้องการนำทองไปขาย เลยให้สะใภ้เอาไปขาย แต่ร้านก็ไม่รับซื้อและบอกว่าทองนั้นเป็นทองปลอม จนนายสมันก่อเหตุดังกล่าว ล่าสุด วันที่ 23 มิถุนายน 2564 เฟซบุ๊ก เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า นางละเอียด (สงวนนามสกุล) ลูกสะใภ้วัย 67 ปี ลูกสะใภ้ที่นำทองไปขายให้นายสมันนั้น เปิดเผยว่า ตนได้สสอบถามลูกสาวของนายสมัน ซึ่งเป็นคนที่ซื้อทองให้นายสมันว่า ทองนั้นเป็นทองจริงหรือไม่ ซึ่งลูกของนายสมันยืนยันว่า ทองที่ให้พ่อเป็นทองจริง ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้น น่าจะมีคนเอาไปสับเปลี่ยนแน่นอน อย่างไรก็ตาม ตนเกิดแปลกใจขึ้นมา จึงโทร. ไปถามหลานของนายสมัน ที่นายสมันเคยเอาไปอยู่ที่  จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่หลานกลับตอบมาว่า “ใครให้ป้าเอาทองไปขาย” […]

เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2564 นางบานเย็น นุชประไพ เจ้าของร้านเจ๊ส้มขายของสด ในตลาดเจริญกัลป์ คลองสิบ ต.บึงบา อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี แจ้งว่า เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. มีลูกค้าเป็นชายมาซื้อลูกชิ้นที่วางขายบริเวณหน้าร้าน โดยลูกค้าได้ฉีกถุงลูกชิ้นถุงใหญ่ออก ซึ่งข้างในมีถุงเล็กจำนวนหลายถุง ลูกค้าทำทีบอกซื้อ 1 ถุง และจ่ายเงิน 120 บาท เป็นค่าลูกชิ้น 1 ถุง ก่อนเดินออกไป     นางบานเย็น กล่าวต่อว่า ลูกน้องตนสงสัย จึงไปดูที่ถุงลูกชิ้นถุงใหญ่ที่ถูกแกะกระจายไปทั่ว เมื่อนับถุงเล็กแล้วไม่ครบ จึงวิ่งไปตามชายคนดังกล่าวและถามว่าเอาลูกชิ้นไปกี่ถุง แต่ลูกค้าบอกว่าเอาไปถุงเดียว และไม่ยอมให้ดูภายในถุง ผ่านไปสักพัก ลูกค้าคนดังกล่าวได้เดินกลับมา แล้วนำถุงมาโชว์ว่ามีลูกชิ้นแค่ถุงเดียว ตนคิดว่าถ้าบริสุทธิ์ใจทำไมไม่ให้ดูตั้งแต่แรก     นางบานเย็น กล่วาอีกว่า จากนั้นตนได้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดของร้าน พบว่าหลังลูกค้าคนดังกล่าวฉีกถุงลูกชิ้นถุงใหญ่ออกแล้ว อาศัยจังหวะตอนตนเผลอหยิบลูกชิ้นไป 2 ถุง แต่จ่ายเงินแค่ถุงเดียว ตนจึงเดินทางไปแจ้งความเอาไว้ที่ สภ.หนองเสือ […]

ยายเสียใจนั่งปล่อยโฮ นำทอง 1 บาทของขวัญวันเกิดจากลูกสาวมาขายใช้จ่ายในครอบครัวช่วงโควิด สุดท้ายกลายเป็นทองปลอม คาดลูกชายแอบเอาทองปลอมมาเปลี่ยน      วันที่ 16 พฤษภาคม 2564 สำนักข่าวไทย รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ รปภ.ห้างโลตัส สาขาพิมาย รับแจ้งว่ามีคุณยายวัย 62 ปีชาวอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา กำลังนั่งร้องไห้เป็นที่น่าเวทนาแก่ผู้ที่ได้พบเห็น เมื่อผู้สื่อข่าวไปสอบถามทราบว่า คุณยายคนดังกล่าวชื่อ นางเสน่ห์ พันธุ์ดี อายุ 62 ปี ได้นำทองคำปลอม หนัก 1 บาท ไปขายให้กับทางร้านทองซึ่งอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าดังกล่าว แต่หลังจากตรวจสอบทองเสร็จกลับพบว่าทองดังกล่าวเป็นของปลอม ทำให้คุณยายรู้สึกเสียใจอย่างมากถึงกับเข่าทรุดแทบเป็นลม นั่งร้องไห้ฟูมฟายด้วยความเสียใจ เพราะไม่คิดว่าทองของตนเองนั้นจะเป็นของปลอม จนเจ้าของร้านทองต้องโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พิมาย และเจ้าหน้าที่ รปภ.ของห้างเข้าช่วยตรวจสอบ ยายเสน่ห์ เล่าว่า ตนมีอาชีพทำขนมไทยขายตามตลาดนัดต่าง ๆ ในพื้นที่ อำเภอพิมาย แต่ช่วงนี้โควิดแพร่ระบาด ทำให้ตลาดนัดปิดหลายแห่ง ทำให้ไม่มีที่ขายขนม จนเงินไม่พอใช้จ่ายในครอบครัว จึงได้ตัดสินใจนำทองคำที่ลูกสาวซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด หนัก 1 […]

  กรณีที่ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Baifern Pns ได้โพสต์เล่าเหตุการณ์ ว่า วันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา “น้องหญิง” อายุ 19 ปี ได้ไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ที่ อ.บางปะอิน จ.อยุธยา และได้เสียชีวิตเนื่องจากกะโหลกศรีษะแตก สมองบวม โดยผู้ชายที่ขับรถมาส่งน้องหญิง อ้างว่าผู้เสียชีวิตได้กระโดดลงจากรถไปเอง แต่ผลชันสูตรเบื้องต้นจากแพทย์ระบุว่า ถูกตีด้วยของแข็งไม่มีคมที่ท้ายทอย ทำให้ญาติติดใจการเสียชีวิต ตามที่เสนอข่าวไปนั้น สาว 19 กลับจากไปเที่ยว กะโหลกแตกดับสลด ชายที่มาส่งอ้าง กระโดดลงรถไปเอง! ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Baifern Pns หรือ น.ส.ภานิศา ยาวิราช อายุ 20 ปี ญาติผู้เสียชีวิต ได้โพสต์ข้อความจากแช็ตที่ “น้องหญิง” ส่งข้อความมาบอกว่า “กลัวผู้ชายที่มาส่ง” อีกทั้งยังมีเสียงบันทึกการสนทนา ที่ญาติของน้องหญิง คุยกับเพื่อนรูมเมทขอร้องให้พาน้องหญิงกลับมาส่งที่บ้าน แต่เพื่อนคนดังกล่าวอ้างมีธุระเลยจะให้กลับกับผู้ชายที่ชื่อ “อ๊อฟ” แทน ในบันทึกเสียงสนทนานั้น ยังมีเสียงของ น้องหญิง โทรมาร่ำไห้ ขอความช่วยเหลือก่อนเกิดเหตุสลดดังกล่าว […]

  24 ก.ค.61 เฟซบุ๊ก สุวดี เกตุรัตน์ โพสต์ภาพใบค่าปรับแห่งหนึ่ง โดยบรรยายเป็นภาษาใต้ว่า… "ผ่านหล่าวรถกูหายไปแจ้งความไว้ที่โรงพักเขาพนมแต่ตำรวจยังตามจับไม่ได้..วันนี้มีใบสั่งมาถึงบ้านกู//กูเปิดอ่าน//น่าขำสิ้น ใบสั่งให้กูไปจ่ายค่าปรับว่า(โจร)ที่ลักรถกูไปขับผ่านกล้องที่(ภูเก็ต)ตำรวจลงชื่อไว้กันว่าใครเป็นคนส่งใบสั่งมาให้กูน่ารักจริงประเทศไทยนี้ที่พวกมึงจะจับ(โจร)แล้วเอารถมาคืนกูพวกมึงกลับส่งใบสั่งมาให้กูว่าไปเสียค่าปรับกัน..ขนาดรถกูป้ายท้ายขึ้นกล่องขนาดนี้พวกมึงเห็นหน้า(โจร)กันยังจับ(โจร)ไม่ได้พวกมึงเป็นตำรวจทำไรวะกูขอถามหรือพวกมึงต้องให้กูไปโรงพักแล้วบอกว่า…คุณตำรวจคนที่ขับรถในรูปมันเป็น(โจร)ที่ลักรถกูไปแทนที่คุณตำรวจจะจับมันกลับส่งใบค่าปรับบอกว่า(โจร)ที่ลักรถเติ้ลไปไม่ใส่หมวกแบบนี้หรือ//ใครที่เข้ามาอ่านถ้าว่ากูแรงกูก็ไม่ว่าแต่ถ้าตำรวจทำงานกันแบบนี้กูว่าออกจากการเป็นตำรวจตะไม่ที่เป็นทำไร(โจร)ขับรถเข้ากล่องแทนที่จะจับตัวกลับเขียนสั่งให้กูไปเสียค่าปรับหนักกูแล"     หลายคนที่ได้เห็นโพสต์ดังกล่าวต่างเอาใจช่วยและรออัพเดทว่าตำรวจจะจับโจรได้หรือไม่ ในเมื่อกล้องจราจรชัดขนาดนี้   ขอบคุณข้อมูลจาก : สุวดี เกตุรัตน์