สาวคลั่งรัก สักชื่อแฟนกลางหน้าผาก สักจริงเจ็บจริง ไม่ใช่คอนเทนต์

Advertisement ผู้คนล้วนมีวิธีแสดงออกด้านความรักแตกต่างกัน บ้างก็หยอดคำหวาน บ้างก็ซื้อของขวัญสุดโรแมนติก รวมไปถึง “การสัก” ชื่อของคนรักไว้ เช่นเดียวกับอินฟลูเอนเซอร์สาวคนนี้ แต่ตำแหน่งในการสักของเธออาจดึงดูดใจผู้คนนิดหน่อย Advertisement เมื่อเร็ว ๆ นี้ “อานา สแตนสคอฟสกี้” สาวสวยผู้รักรอยสักวัย 27 ปี จากลอนดอน ของอังกฤษ ได้สร้างความฮือฮาให้กับผู้คน หลังจากได้โพสต์วิดีโอขณะที่เธอสักชื่อของ “เควิน เฟรชวอเตอร์” แฟนหนุ่มไว้กลางหน้าผาก วิดีโอดังกล่าวมีผู้ชมเกือบ 19 ล้านครั้ง หลายคนไม่เชื่อว่าอานาจะสักชื่อของแฟนหนุ่มไว้จริง ต่างพากันตั้งคำถามว่า “นี่เป็นเพียงคอนเทนต์หรือไม่?” Advertisement อย่างไรก็ตาม ในวิดีโอถัดมา อานาได้ยืนยันว่ารอยสักบริเวณหน้าผากของเธอนั้นเป็นเรื่องจริง พร้อมเผยว่าเธอเป็นพวกชอบแสดงออกทางความรัก และการสักชื่อแฟนไว้กลางหน้าผากก็ถือเป็นหนึ่งในวิธีแสดงออกของเธอ ซึ่งเธอรักแฟนหนุ่มและรักรอยสักนี้มาก “ใช่ มันคือของจริง ฉันก็แทบไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองกล้าสัก ฉันรู้ว่ามันดูบ้านิดหน่อย แต่ฉันเป็นพวกชอบแสดงความรู้สึก และฉันคิดว่าถ้าเรารักใครสักคนจริง ๆ เราก็ควรจะโชว์มันออกมาได้ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคนถึงคิดว่าการสักขนาดใหญ่กลางหน้าผากมันเป็นเรื่องใหญ่ คุณยังสามารถหางานได้นะ”   ข่าวจาก : ข่าวสด

แม่บอกแล้วไม่เชื่อ!! เปิดใจสาวพลาดบรรจุข้าราชการ เพราะสักข้อมือ ยอมรับหลงผิดเพราะคิดสนุกตามเพื่อน ตั้งใจโพสต์ไปเพื่อเป็นอุทาหรณ์น้องๆ

  จากกรณีหญิงสาวรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความเตือนสติวัยรุ่นว่า อดเป็นพยาบาลเต็มตัว ไม่ได้บรรจุข้าราชการเพราะรอยสัก จากความคึกคะนองสมัยวัยรุ่น พร้อมกับภาพรอยสักที่ข้อมือ ซึ่งถูกแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก ล่าสุด (5 ม.ค.61) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ น.ส.อารยา สุกแสง อายุ 22 ปี หรือน้องปาล์ม ใน ต.ธงชัย อ.เมือง จ.เพชรบุรี ได้เปิดใจว่า ตนเองทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี จากการทำงานรู้สึกเหนื่อยมาก รู้ตัวว่าเรียนมาน้อย และเมื่อมาเห็นการทำงานของพยาบาลในโรงพยาบาลทำให้รู้สึกชอบ และคิดได้ว่า หากยังอยู่แบบนี้คงลำบาก และเป็นที่พึ่งให้กับพ่อและแม่ที่มีอายุมากแล้วไม่ได้ จึงอยากที่จะกลับไปเรียน ตั้งใจว่าจะไปสมัครเรียนผู้ช่วยพยาบาลที่ วิทยาลัยพยาบาลพระจอมเกล้า แต่เมื่อเดินทางไปสมัคร เจ้าหน้าที่เห็นรอยสักที่แขนและข้อมือ ก็บอกว่า ไม่สามารถสมัครได้เพราะมีรอยสัก ทำให้รู้สึกน้อยใจ ท้อใจ แต่ไม่ได้โกรธเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด แต่รู้สึกโกรธตัวเอง ที่สมัยเป็นวัยรุ่น พ่อและแม่ ได้เคยเตือนมาตลอดว่า อย่าทำตัวเสเพล แต่ไม่เชื่อ กลับไปเชื่อและเอาตามอย่างเพื่อนๆ ซึ่งเพื่อนๆ ส่วนใหญ่ไม่ได้เรียนหนังสือ จึงไม่มีผลกระทบอะไร แต่เมื่อมาเจอเข้ากับตัวเอง มีผลกระทบไปหมด ไม่ว่าจะไปสมัครงาน บางแห่งจะรับอยู่แล้ว แต่พอเห็นรอยสัก ก็ดึงใบสมัครกลับไปทันที […]

error: