แชร์สนั่น คู่รักวัยรุ่นทำงานเก็บเงิน สร้างบ้านในฝันก่อนแต่งงาน ใช้เวลา2-3ปี ก่อร่างสร้างตัวได้ดังฝัน

Advertisement   Advertisement กลายเป็นโพสต์ที่ได้รับคำชมเชย และแชร์เป็นตัวอย่างให้กับคู่รักอีกหลายๆ คน เมื่อสมาชิกเฟซบุ๊ก Peerada Chanakullkitti ได้แชร์ภาพบ้านหลังใหญ่น่าอยู่ พร้อมกับเรื่องราวของเธอกับแฟนหนุ่ม ที่ได้ตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ และวางแผนจะแต่งงานกัน โดยตั้งใจเก็บเงินพร้อมลงมือสร้างบ้านด้วยตัวเอง จนได้บ้านในฝันอย่างที่ตั้งใจและสวยงามน่าอยู่อย่างมาก จนกลายเป็นตัวอย่างให้กับอีกหลายๆ คน โดยโพสต์ดังกล่าวระบุว่า “2-3 ปี ก่อนหน้านี้เราเคยคุยกันเรื่องเเต่งงาน เเต่เราสองคนคุยกันไว้ว่า ก่อนที่เราจะเเต่งงานเราอยากมีบ้านเป็นของตัวเองก่อน ระยะเวลาที่ผ่านมาเราช่วยกันทำงานหาเงิน เก็บออมจนได้เงินมาก้อนนึง แล้วเราก็มุ่งหน้าทำความฝันของเราให้เป็นจริง หนึ่งปีเต็มกับความทุ่มเท หนึ่งปีเต็มสำหรับการสร้างบ้าน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราสองคนแทบไม่มีเวลาได้หยุดพักเลย ทุกวันหยุดหมดไปกับการหาซื้อวัสดุเข้าบ้าน บ้านสร้างเองก็ต้องทำเอง ซื้อของเอง วัสดุอุปกรณ์แต่ละชิ้นต้องเลือกเองเกือบทุกอย่าง ตั้งแต่กระเบื้อง สุขภัณฑ์ ยันกลอนประตู โคมไฟ ผ้าม่าน เพดาน โรงรถ แทบจะทุกรายละเอียดในบ้าน Advertisement ความเหนื่อย ความเครียดต่างๆเริ่มสะสม บวกกับอุปสรรคในเรื่องของเวลา ระยะทางของเราสองคน ยิ่งทำให้ต้องพยายามมากกว่าคนอื่นเป็นหลายเท่า ขอบคุณความอดทนของเราสองคนที่ช่วยกันสร้างบ้านหลังนี้จนสำเร็จ ขอบคุณคนออกแบบ ขอบคุณนายช่างและทีมงานทุกคนที่ทำบ้านสวยๆให้เราอยู่ ขอบคุณที่สร้างบ้านให้ออกมาเป็นเหมือนภาพในฝันที่คิดไว้ ขอบคุณเพื่อนและคนรอบข้างที่คอยแนะนำและคำปรึกษาที่ดี และสุดท้ายที่ลืมไม่ได้คือต้องขอบคุณคนข้างๆ ที่ยอมเสียสละ ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ […]

เพราะความจนทำให้สาวบอกแฟนขับรถไปส่งที่โรงแรมในพัทยา สุดท้ายสามีทนไม่ไหว ตัดสินใจทำในสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล!!

  แบ่งปันเรื่องราวจากเฟซบุ๊ก Aubonrat Seesoongnern  ฝ้ายเริ่มโตขึ้นมาเรื่อยๆก็ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯด้วยการติดรถกระบะคนที่บ้านนอกมา กระบะสมัยนั้นถ้ามากรุงเทพฯเขาจะทำเป็น2 ชั้นเพื่อให้ใส่ของใส่คนได้เยอะๆ ฝ้ายกับแม่จะอยู่ชั้นบนคือนั้งแบบตัวชิดกันขยับแทบไม่ได้ตลอดทางเพราะมันแคบมาก มีทั้งรถมอไซส์กระเป๋าหม้อหุ่งข้าวทุกอย่างจิปาถะที่เขาขนกันมา เราเป็นคนอาศัยก็บ่นไม่ได้ จำได้ว่าระหว่างทางฝ้ายปวดฉี่มากแต่แม่บอกอดทนเอาเดียวก็ถึง นอนอีกตื่นก็จะได้เจอพ่อ (พ่อที่มาอยู่ก่อนแล้ว) สุดท้ายทนไม่ไหวต้องนอนฉี่ใส่ผ้าขนหนูของแม่ จนแล้วจนรอดก็ถึงกรุงเทพ ดิ้นรนความลำบากอยุ่บ้านนอกมาต่อสู้ในเมืองหวังว่าชีวิตจะดีขึ้น แต่สุดท้ายก็แย่กว่าเดิม ต้องนอนข้างถนนเพราะแม่รับจ้างปูตัวหนอนที่พื้นบนทางเท้าแถวบางปะกง อดมื้อกินมื้อกินของเหลือจากนายจ้าง ของเล่นฝ้ายตอนนั้นคือก้อนหินก้อนทราย ใบไม้ใบหญ้า ตุ๊กตาไม่เคยรู้จักที่นอนคือกระดานแข็งๆที่แคมป์คนงาน พ่อย้ายงานไปแต่ละที่ก็ต่างกันบางครั้งหนักสุดคือการได้นอนใต้สะพานเพราะแคมไม่เสร็จ พ่อกับแม่ผลัดกันพัดยุงให้ตอนกลางคืน เพราะมันไม่มีที่ตอกตะปูมัดสายมุ้ง เป็นการย้ายบ้านย้ายงานแบบเสื่อผื่นหมอนใบมาตลอด     โตมาหน่อยจำได้เลยช่วง ป.4 พ่อเริ่มได้ทำงานกับโรงงานที่ทำเฟอร์นิเจอร์ ก็เลยต้องเช่าบ้านอยู่ เป็นชุมชนแถวพระราม2 เช่าห้องอยู่เดือนละ350บาทมีค่าน้ำหัวละ30 เป็นห้องน้ำรวม พื้นห้องติดกับน้ำครำ ฝนตกหรือน้ำคลองขึ้นทีไม่ต้องพูดถึงเรื่องกลิ่นส้วมแตกดีๆนี้เอง พ่อทำงานทุกวันพอสิ้นเดือนก็ไม่เคยมีเงินเหลือพอจ่ายค่าเช่าเพราะหักเบิกหักหนี้ วันหยุดพ่อก็เลยต้องรับงานทุกอย่างเพิ่ม ได้เห็นได้จำในสิ่งที่พ่อทำในช่วงนี้ ไปรับจ้างตักอุจจาระที่ล้นมาจากชักโครกบ้านคนรวย รับจ้างทำความสะอาดตึกเก่าให้ใหม่เวลามีคนมาเช่า ได้เงินมาทีร้อยกว่าบาท ซื้อปลาทูมาถอดกินกับข้าวได้3วัน ก๋วยเตี๋ยวชามเดียวกิน3คน พ่อกับแม่ให้เรากินเนื้อกะเส้นเหลือน้ำ พ่อกะแม่ใช้คลุกข้าวกิน ช่วงนั้นคือเป็นอะไรที่เริ่มรู้ว่าทำไมชีวิตต้องจำกัดขนาดนี้ เรียนหนังสือก็ได้ย้ายโรงเรียนบ่อย จนสุดท้ายก็ไม่จบม.2 เพราะที่ทำงานแม่ย้ายไปใหม่ไม่มีโรงเรียน แม่เลยต้องไปขอครูให้เราไปอยู่ด้วยขอให้เรียนจบม.3 แต่เราไม่ยอมขอตามแม่ตัดสินใจไม่เรียนขอทำงาน ทุกๆความลำบากแม่งฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของเราทุกช่วงเวลา พอออกจากโรงเรียนเราก็ช่วยทำงานเฟอร์นิเจอร์กับแม่มีรายได้อาทิตย์ละ300-400 กว่าบาท […]

error: