“ปิยบุตร” โวย “ก้าวไกล” ไม่รอบคอบ เสียรู้ขั้วรัฐบาล เสียเก้าอี้ ปธ.กมธ.ไป1คณะ

Advertisement 30 สิงหาคม นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊ก “Piyabutr Saengkanokkul – ปิยบุตร แสงกนกกุล” ระบุว่า การลาออกของ ส.ส.ระยอง ทำให้พรรคก้าวไกลเสียสัดส่วนประธานกรรมาธิการ จาก 11 คณะ เหลือ 10 คณะ Advertisement ตามธรรมเนียมของสภาผู้แทนราษฎรไทย การจัดสรรปันส่วนตำแหน่งในสภา จะใช้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่แต่ละพรรคมีมาใช้ในการคำนวณ เมื่อวานนี้มีข่าวออกมาว่า ทางเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบได้คำนวณสัดส่วนประธานกรรมาธิการสามัญ 35 คณะ ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า แต่ละพรรคจะมี ส.ส.ของพรรคตนดำรงตำแหน่งประธานกรรมาธิการสามัญจำนวนเท่าไร โดยคำนวณตามสูตร (จำนวนคณะกรรมาธิการสามัญ x จำนวน ส.ส.ของพรรค) หารด้วย จำนวน ส.ส.ที่สภามีอยู่ ผลปรากฏว่า พรรคก้าวไกล มี ส.ส. 150 คน (นครชัย ขุนณรงค์ ลาออกจาก ส.ส.ระยอง เขต 3) คำนวณตามสูตร 35 […]

“ก้าวไกล-เพื่อไทย” แบ่งโควต้า ปธ.กมธ. “พรรคละ10คณะ” ด้านซีกรัฐบาลรุมเก้าอี้เกรดเอ

28 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ระหว่างที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อว่าที่รัฐมนตรี ส่งไปให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ตรวจสอบคุณสมบัติ ก่อนที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ เป็นลำดับต่อไป ขณะเดียวกันมีความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่างๆ ที่น่าสนใจ คือ การแบ่งสัดส่วนประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญ 35 คณะ ในสภาผู้แทนราษฎร เพราะต้องทำงานคู่ขนานกันกับฝ่ายบริหาร โดยล่าสุด เบื้องต้นได้มีการจัดทำเอกสาร คำนวณอัตราส่วน ตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการที่แต่ละพรรคจะได้ โดยมีหลักเกณฑ์การคำนวณจากจำนวนคณะกรรมาธิการทั้งหมด 35 ตำแหน่ง คูณจำนวน ส.ส.แต่ละพรรคการเมือง จากนั้นหารด้วยจำนวน ส.ส.ทั้งหมด 499 คน ทั้งนี้ พรรคที่มี ส.ส.ถึงเกณฑ์ได้รับตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการ รวมทั้งสิ้น 8 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล 10 คณะ พรรคเพื่อไทย 10 คณะ พรรคภูมิใจไทย 5 คณะ พรรคพลังประชารัฐ 3 คณะ พรรครวมไทยสร้างชาติ […]

ชาวเชียงใหม่พ่นสีสเปรย์ใส่ป้ายริมถนน “ทำไมพิธาไม่ได้เป็นนายกฯ” สภ.แม่ปิงเข้าดำเนินการแล้ว

27 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ป้ายบอกทาง ริมถนนเจริญเมืองหน้าสถานีรถไฟเชียงใหม่ ต.วัดเกตุ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พบป้ายบอกสถานที่ ที่ติดตั้งอยู่ด้านหน้าสถานีรถไฟเชียงใหม่ มีคนนำสีสเปรย์แบบกระป๋อง พื้นป้ายพ่นสีขาว ตัวหนังสือสีม่วง เขียนข้อความระบุว่า “ทำไมพิธาไม่ได้เป็นนายกฯ” ซึ่งหมายถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล กรณีที่พรรคก้าวไกลได้เสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลแล้วไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เสียงโหวตในสภาผู้แทนราษฎรไม่ผ่าน เพราะเสียง สส. และ สว.ส่วนใหญ่ โหวตไม่เห็นชอบ และเกิดปัญหาทางการเมืองของนายพิธา อีกหลายๆ เรื่อง จนทำให้แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลได้แล้วนั้น ซึ่งทำให้ชาวเชียงใหม่ส่วนหนึ่งไม่พอใจ เพราะชาวเชียงใหม่ส่วนใหญ่เทใจให้พรรคก้าวไกล เลือกชนะถึง 7 เขตจาก 10 เขต จึงพ่นสีสเปรย์ถาม ดังกล่าว ซึ่งหากใครขับยานพาหนะไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ขับผ่านไปถนนหน้าสถานีรถไฟเชียงใหม่ ก็จะเห็นชัดเจน ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.แม่ปิง เจ้าของพื้นที่ได้มาจัดการกับป้ายที่เขียนข้อความ โดยเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ แล้วประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการแก้ไข ข้อความดังกล่าวต่อไปแล้ว   ข่าวจาก : ไทยรัฐออนไลน์

อย่าเข้าใจผิด! “อมรัตน์” ย้ำชัดเจน “ก้าวไกล” ไม่เกี่ยวข้อง “อนาคตไกล” พรรคยื่นจัดตั้งใหม่

จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีตัวแทนกลุ่มบุคคลได้ยื่นในการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองว่า “อนาคตไกล” ภาษาไทยตัวย่อ อนก. ภาษาอังกฤษว่า FFT โดยใช้โลโก้พรรคการเมืองเป็นรูปอินฟินิตี้ มีคำว่า “อนาคตไกล” ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเกี่ยวข้องกับอดีตพรรคการเมือง “อนาคตใหม่” และ “พรรคก้าวไกล” หรือไม่นั้น ล่าสุด นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ได้ทวีตข้อความกล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า “สอบถามกันมามากขออนุญาตชี้แจงป้องกันความเข้าใจผิดดังนี้ พรรคก้าวไกล ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับพรรคที่ยื่นจดจัดตั้งใหม่พรรคนี้ที่มีชื่อคล้ายกับนำชื่อ #อนาคตใหม่ กับ #ก้าวไกล ไปยำรวมกัน” สอบถามกันมามากขออนุญาตชี้แจงป้องกันความเข้าใจผิดดังนี้ พรรคก้าวไกลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับพรรคที่ยื่นจดจัดตั้งใหม่พรรคนี้ที่มีชื่อคล้ายกับนำชื่อ #อนาคตใหม่ กับ #ก้าวไกล ไปยำรวมกัน . pic.twitter.com/QIdeLcC6Eb — อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล (@AmaratJeab) August 25, 2023   ข่าวจาก : มติชน

“ก้าวไกล” ยก3เหตุผล “โหวตไม่เห็นชอบ” นายกฯรัฐบาลผสมข้ามขั้ว ย้ำคำมั่นประชาชน

21 ส.ค. 2566 ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงว่า ที่ประชุม สส.มีมติจะออกเสียง ไม่เห็นชอบ ต่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลผสมข้ามขั้ว เพื่อแสดงจุดยืนตามเหตุผลต่อไปนี้ 1.เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า รัฐบาลผสมข้ามขั้วที่มีพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในขณะนี้ได้รวมเอาพรรคสืบทอดอำนาจรัฐประหาร ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ มาร่วมรัฐบาลด้วย เท่ากับขัดต่อเจตนารมณ์ของประชาชนส่วนใหญ่ที่แสดงออกอย่างชัดเจนไปแล้วผ่านการเลือกตั้ง ว่าต้องการพลิกขั้วรัฐบาล ยุติการสืบทอดอำนาจ 2.พรรคก้าวไกลยืนยันอีกครั้งว่า การโหวตไม่เห็นชอบให้แคนดิเดตนายกฯผสมข้ามขั้วนั้น เราไม่ได้พิจารณาบนพื้นฐานของคุณสมบัติของตัวแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย แต่เป็นการตัดสินใจบนจุดยืนทางการเมืองและคำมั่นสัญญาที่พรรคก้าวไกลได้ให้ไว้กับประชาชนคือ “มีเราไม่มีลุง มีลุงไม่มีเรา” ซึ่งพรรคก้าวไกลไม่สามารถตระบัดสัตย์ต่อประชาชนได้ 3.พรรคก้าวไกลเห็นว่าการจัดตั้งรัฐบาลผสมข้ามขั้วที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ไม่ใช่การลดเงื่อนไขความขัดแย้ง หรือเดินหน้าประเทศไทยต่อโดยมีวาระของประชาชนเป็นตัวตั้ง แต่นี่เป็นการสยบยอมและต่อลมหายใจให้กับระบบการเมืองที่ไม่ยอมให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน   ข่าวจาก : ข่าวสด

“เสก โลโซ” แอบแย้มเดโมเพลง “ก้าวให้ไกลกว่าเดิม” สด ๆ จากห้องอัด เตรียมปล่อยเวอร์ชั่นเต็มเร็วๆนี้

หลังจากร็อกเกอร์ดัง เสก โลโซ โพสต์คลิปวิดีโอขณะเล่นเพลงที่ตัวเองแต่งในรอบ 5 ปี โดยระบุว่า “แต่งเพลงแรกในรอบ 5 ปี คิดเสียว่ามันเป็นแค่เพลงรักเพลงนึงนะจ๊ะ…” และว่า “ก้าวให้ไกลกว่าเดิม” ขณะที่แฟนคลับบางส่วนบอกว่าแกะเนื้อเพลงและคอร์ดแล้ว ขออนุญาตพี่เสกไปฝึกร้อง โดยนักร้องดังตอบกลับว่า “ยินดีครับ” ยิ่งไปกว่านั้น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เข้ามาคอมเมนต์คลิปของเสก พร้อมกล่าวว่า “แกะคอร์ดเรียบร้อยครับ” ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ทางช่องยูทูปค่าย LUSTER Entertainment ซึ่งมีผู้ติดตาม 4.74 หมื่น คน ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอ เพลงก้าวให้ไกลกว่าเดิม ขับร้องโดยเสก โลโซ เวอร์ชั่น (Demo Studio Version) ความยาว 05.01 นาที ขณะที่ในเฟซบุ๊กระบุว่า “ก้าวให้ไกลกว่าเดิม มิกซ์คร่าวๆ…” ภายหลังจากคลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ได้มีผู้เข้าไปคอมเมนต์จำนวนมาก เช่นว่า สมกับการรอคอย แต่ขอลูก Solo พุ่งๆขึ้นอีกนิดนึงครับ […]

รอง หน.ก้าวไกลเผย พรรคเริ่มลุยงานแล้ว ไม่ต้องรอว่าจะอยู่ฝ่ายค้านหรือรัฐบาล มองปม “พิธา” ยังไม่จบ เชื่อไม่กระทบการทำงานในสภา

18 ส.ค.2566 ที่พรรคก้าวไกล น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงทิศทางการรโหวตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลว่า ขณะนี้การจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นแกนนำ น่าจะชัดเจนแล้วว่ามีพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ มาร่วมด้วยตามที่นายภูมิธรรมม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุได้เสียงครบ 314 เสียง จึงไม่เหลือเหตุผลที่พรรคก้าวไกลจะงดออกเสียง ก็คงโหวตไม่เห็นชอบ แต่ยังต้องมีมติจากที่ประชุมสส.ในวันที่ 21 ส.ค.อีกครั้ง น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า พอคาดเดาสถานการณ์ได้ เพราะสัญญาณเริ่มออกมาตั้งแต่การเชิญไปพูดคุยที่พรรค ยอมรับว่ารู้สึกผิดหวัง ไม่คิดว่าจะมาถึงวันนี้ เนื่องจากคิดว่าหาก 8 พรรคร่วมจับมือกันแน่นจะต่อสู้กับอำนาจนอกระบบ หรืออำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตยได้ ส่วนการโหวตนายกฯในวันที่ 22 ส.ค.นี้ เดายากมาก แต่แน่นอนว่าอาจมีสว.บางส่วน ที่ออกมาพูดชัดเจนว่าอยู่ภายใต้การกำกับควบคุมของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่เชื่อว่าไม่ใช่สว.ทั้งหมด ก็ยังเอาใจช่วยให้การโหวตนายกฯ เป็นไปได้ด้วยดี น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ส่วนที่มีการใช้คำว่า เป็นรัฐบาลแห่งชาติเพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้ หากประเทศเดินหน้าไปได้ ก็ออกได้หลายทาง แต่ไม่ใช่ทางนี้ […]

“พิธา” ยืนยัน จะไม่ยื่นศาล รธน.เอง ปมเสนอชื่อนายกฯซ้ำ ลั่น “ปัญหาของสภาต้องแก้ที่สภา”

16 ส.ค.2566 นายพิธา ลิ้มเจิรญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้วินิจฉัยมติที่ประชุมรัฐสภาห้ามเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีซ้ำในสมัยประชุมเดียวกันว่า ตนคิดว่าเป็นปัญหาของสภา ดังนั้น ควรแก้กันอยู่ที่สภา อย่างที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล ได้ยื่นญัตติหารือต่อที่ประชุมไปแล้ว ตนไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสิ้นสุดหรือการเสนอชื่อนายกฯ ถ้าประธานสภา บอกว่ามีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป ก็คงไปต่อได้ และคิดว่าปัญหาที่สภาก็ควรแก้ที่สภา เมื่อถามว่าจะยื่นเองหรือไม่ เพราะมติที่ตีตก เนื่องจากผู้ที่มาร้องไม่ได้เป็นผู้เสียหายโดยตรง นายพิธา กล่าวว่า ไม่ได้ยื่น อย่างที่บอกว่าเป็นเรื่องของนิติบัญญัติก็อยู่ที่นิติบัญญัติ ส่วนที่ศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตให้ขยายเวลาการชี้แจงคำร้อง เรื่องการหาเสียงแก้ไขมาตรา 112 เป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ จะเป็นผลดีกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตามปกติก็มีโอกาสได้ขยายว่ามันไม่ได้เป็นการล้มล้างอย่างที่ถูกกล่าวหา นายพิธา ยืนยันว่า ในช่วงวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์นี้ จะลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร สส.เขต 3 ระยอง หาเสียงในการเลือกตั้งซ่อมเช่นเดิม   ข่าวจาก : ข่าวสด

“พิธา” ย้อนถาม “อนุพงษ์” เอาเงินบำนาญตัวเองไปตัดสินเบี้ยคนชรา วิธีคิดถูกต้องหรือไม่

15 ส.ค.2566 ที่ศาลาประชาคม ที่ว่าการอำเภอแกลง จ.ระยอง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมแกนนำพรรค เดินทางไปติดตามและให้กำลังใจผู้สมัครจากพรรคก้าวไกลในการสมัครรับเลือกตั้ง การเลือกตั้งซ่อมสส. เขต 3 ระยอง นายพิธา ให้สัมภาษณ์กรณีการแก้เกณฑ์รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุว่า สำหรับกรณีเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เข้าใจว่ากระทรวงมหาดไทย ส่งลูกให้คณะกรรมการเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ เป็นเรื่องใหญ่และต้องสื่อสารให้ชัดเจน เพราะไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย ซึ่งมีแต่จะต้องเพิ่มงบประมาณ ไม่ใช่ตัดงบประมาณดูแลผู้สูงอายุ นายพิธา กล่าวว่า สิ่งที่เขาต้องการพูดว่ามีผู้สูงอายุ 11 ล้านคน ใช้งบประมาณ 9 หมื่นล้านบาท เพราะยังไม่มีความชัดเจน ตอนนี้ที่เราลงพื้นที่ระยองก็ยังมีความกังวลใจกัน ความชัดเจนเท่าที่เห็น ตนอ่านจากบีบีซีไทยว่า การกระทำครั้งนี้ของรัฐบาลรักษาการจะสามารถลดลงประมาณ 5 ล้านคน ประหยัดงบประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ตนฟังแล้วรู้สึกว่าจริงๆ แล้วเรือดำน้ำก็ 3 หมื่นกว่าล้านบาท แล้วความท้าทายในการใช้เรือดำน้ำต่อสู้แทบจะไม่มี แต่ความท้าทายของสังคมสูงวัยที่เต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำ เป็นสิ่งที่ต้องเพิ่มงบประมาณรับมือสังคมสูงวัย เทรนด์โลกเป็นแบบนั้น น่าเสียดายที่สภาผู้แทนราษฎรยังไม่ได้เปิดและทำงานประชุมเต็มรูปแบบ ยังไม่มีกระทู้ถาม ไม่เช่นนั้นจะให้ สส.ก้าวไกลตั้งกระทู้ถามพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย […]

“ภูมิธรรม เพื่อไทย” ชี้ เป็นไปไม่ได้ ถ้าจะกลับไปพรรคร่วมเดิม312เสียง รอความชัดเจนเชิญ “รสทช.” ร่วมรัฐบาล

14 สิงหาคม 2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ชี้แจงกรณีกระแสข่าวการตั้งเงื่อนไขห้ามพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงเดิม หากพรรคเพื่อไทยไม่ปลดเงื่อนไขดังกล่าว ก็จะต้องเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี จากนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ว่า ตนเองยังไม่เคยได้ยินพรรคการเมืองใดประสานเรื่องดังกล่าวมาอย่างเป็นทางการ แต่เท่าที่ได้คุยกับหัวหน้าพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ก็ไม่มีปัญหาที่รุนแรงในเรื่องนี้ ส่วนกรณีที่นายเศษฐา เคยระบุจะไม่ให้พรรคการเมือง ที่จะมาร่วมกับพรรคเพื่อไทยทำงานกระทรวงเดิมนั้น นายภูมิธรรม ชี้แจงว่า นายเศรษฐาไม่ได้พูดเป็นหลัก และเป็นคำถามจากสื่อมวลชนที่ถามนายเศรษฐาว่า ตามหลักการไม่ควรให้ดำรงตำแหน่งกระทรวงเดิมหรือไม่ ซึ่งนายเศรษฐา ยอมรับเพียงหลักการว่า เห็นชอบ แต่ต้องดูด้วยว่า การเชิญพรรคต่าง ๆ มาร่วมรัฐบาลนั้น ต้องให้เกียรติ และดูความเหมาะสมตามนโยบาย และคุณสมบัติของผู้ที่จะมารับตำแหน่ง ว่าเป็นที่ยอมรับของสังคมหรือไม่ ซึ่งจะต้องหารือกัน เพราะหน้าที่ของพรรคเพื่อไทย ต้องประสานงาน และตั้งรัฐบาลให้ได้ จึงมั่นใจว่าไม่น่าจะมีปัญหา นายภูมิธรรม กล่าวถึงขั้นตอนการแบ่งโควตารัฐมนตรีของพรรคร่วมฯ ว่า พรรคเพื่อไทย ยังคงย้ำว่า ต้องรอดูความชัดเจน และการส่งสัญญานในการเลือกนายกรัฐมนตรีให้กับพรรคเพื่อไทย และหลังจากนั้น จึงจะมีการแบ่งสรร โดยจะต้องให้สังคมพอใจ และสอดรับนโยบายบายของแต่ละพรรค ซึ่งพรรคเพื่อไทย ได้ขอความกรุณาจากพรรคร่วมฯ […]

1 2 3 6
error: