พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

Advertisement   Advertisement เมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึง กระแสข่าวถูกผู้ชมรายการแข่งขันโมโตจีพี โห่ร้อง หลังไปเปิดงานมอเตอร์จีพี ว่า เขาโห่ต้อนรับ ไม่ได้โห่ไล่ โห่ให้รองนายกฯ ถ้าโห่ไล่ เขาก็ต้องขว้างสิ่งของใส่ เขาจะมาโห่ไล่ทำไม ไปทำงานให้เขา ซึ่งตนก็ได้ยิน เพราะเสียงดัง ไม่ได้รู้สึกดีใจอะไร ก็รู้สึกปกติ ส่วนที่โซเชียล ระบุว่าเป็นการโห่ไล่นั้น ยืนยันว่าเขาต้อนรับอย่างดีส่วนคุณเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็ดีไม่มีอะไร ส่วนที่ตนลงพื้นที่ภาคอีสานบ่อยนั้น ไปทำงานในเรื่องของหนี้นอกระบบ และวันที่ 26 ต.ค.นี้ก็ไป จ. ศรีสะเกษ Advertisement ข่าวจาก : มติชนออนไลน์, Wassana Nanuam        

  เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา คณะกรรมการบริหาร คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ พร้อมด้วย นายพิชัย ชุณหวชิร นายกสมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย นำ เรือเอก สมรักษ์ คำสิงห์ นักชกฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์คนแรกของประเทศไทย เข้าขอบพระคุณ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ที่ให้ความอนุเคราะห์และช่วยเหลือ     กรณีที่ เรือเอก สมรักษ์ และครอบครัวประสบปัญหาชีวิต โดยมิได้มีเจตนา เพื่อเป็นการตอบแทน "สมรักษ์" ที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด โดยมี นายสมชาย พูลสวัสดิ์ ประธานเทคนิค สมาคมกีฬามมวยสากลฯ รวมทั้ง นายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม อุปนายกสมาคมฯ และ นายเลอภพ โสรัตน์ นายกสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย เข้าร่วมด้วย "บิ๊กป้อม" […]

  เมื่อวันที่ 21 ส.ค. เวลา 08.00 น.ที่ สจล. วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ จ.ชุมพร พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ครม.กรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้หาแนวทางแก้ปัญหาการจราจรในภายใน 3 เดือนว่า ขณะนี้กำลังดูเรื่องกฎหมายเพื่อให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 แต่เป็นการแก้ไขพ.ร.บ.จราจร ให้ระบุบทลงโทษที่หนักขึ้น เช่น กรณีไม่มีหรือไม่พกใบอนุญาตขับขี่  ส่วนการพัฒนาจุดเชื่อมต่อการเดินทางในกรุงเทพมหานคร (ล้อ ราง เรือ) ซึ่งยังคงเหลือเรื่องชัตเทิลบัสนั้น ขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการ เพราะนายกรัฐมนตรีให้เวลา 3 เดือนในการปรับปรุง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถทำแล้วเสร็จได้ทันที ผู้สื่อข่าวถามว่า หากครบกำหนด 3 เดือนที่นายกฯระบุ จะเห็นการแก้ไขที่เป็นรูปธรรมได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “คุณก็รู้พอๆกันกับผมนั่นแหละ ข่าวจาก : ข่าวสดออนไลน์    

  จากกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกรณีเรือฟีนิกซ์ล่มที่ จ.ภูเก็ต นั้น       เพจ อ้ายจง รายงานว่า โซเชียลจีนต่างไม่พอใจต่อการสัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตร เป็นอย่างมาก โดยมีคำถามหนึ่งจากนักข่าวก็คือ "เรือล่มภูเก็ต จะเรียกความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยวจีนอย่างไร?"  แต่ พล.อ.ประวิตรกลับตอบว่า  "เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนจีนทำนักท่องเที่ยวจีนเอง สร้างเรือเอง ไม่ทำตามกฎของเรา แล้วจะให้เราเรียกอะไร ก็มันเป็นเรื่องของเขา"  ทำให้ชาวจีนจำนวนมากที่ได้ดูคลิปดังกล่าวต่างรู้สึกไม่พอใจ และพากันคอมเม้นท์กันอย่างรุนแรง น่าเป็นห่วงต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ     ในเวลาต่อมา พล.อ.ประวิตร ก็ได้ขอโทษถึงกรณีดังกล่าวที่อาจทำให้หลายคนรู้สึกกระทบจิตใจเป็นอย่างมาก   ขอบคุณข้อมูลจาก : Matichon Online – มติชนออนไลน์, อ้ายจง, Wassana Nanuam

เมื่อเวลา 10.15 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีเสียงวิจารณ์ราคาพลังงานที่สูงขึ้น ว่า ราคาก็ขึ้นทั้งโลก เวลาน้ำมันไม่ขึ้น 4 ปี ไม่เห็นว่าอะไร มีกำไรทำไมไม่ร้องเลย ก็ต้องเสียสละบ้าง เวลาที่น้ำมันลง ราคาถูก ไม่เห็นพูดกันเลย ผู้สื่อข่าวถามว่าราคาน้ำมันที่ขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับนโยบายรัฐบาลใช่หรือไม่ รองนายกฯกล่าวว่า ไม่เกี่ยว รัฐบาลคุมราคาไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร เวลานี้ก็แพงทุกเรื่องแล้วจะให้ทำอย่างไร ต่อข้อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าเรื่องนี้จะกระทบต่อคะแนนเสียง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่กังวลเพราะคสช.ได้ทำเต็มที่ เมื่อถามถึงกระแสถล่มการทำงานเรื่องเศรษฐกิจของรัฐบาลผ่านทางโซเชียลเป็นจำนวนมาก พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ธรรมดา 10 ปีที่แล้วถามว่ามีหรือไม่ที่ไม่ถล่มรัฐบาลเรื่องเศรษฐกิจ และมีการนำคำพูดของนายกรัฐมนตรีไปบิดเบือนเช่น เติมน้ำแทนน้ำมัน และจะต้องดำเนินคดี เมื่อถามว่าได้ติดตามตัวบุคคลที่บิดเบือนหรือยัง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ได้ตามแล้ว เมื่อถามย้ำบุคคลที่ตามอยู่ในไทยหรือต่างประเทศ รองนายกฯ กล่าวว่า จะไปรู้ได้อย่างไร ข่าวจาก : ข่าวสดออนไลน์    

  สั่งตำรวจดักทุกทางแยก จับมอเตอร์ไซค์ไม่สวม”กันน็อค”สนองนโยบายรัฐบาลลดเจ็บตาย พล.ต.ต.จิรพัฒน์  ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) กล่าวว่า ที่ผ่านมายังพบว่าอุบัติเหตุที่เกิดจากรถจักรยานยนต์ยังมีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ ดังนั้นทาง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จึงได้มีคำสั่งมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายกับรถจักรยานยนต์ทั้งคนซ้อนและคนขับที่ไม่สวมหมวกนิรภัย ดังนั้น เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่นครบาลเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ตนจึงได้มีคำสั่งให้ตำรวจจราจรทั้ง 88 สน. ออกมาบังคับใช้กฎหมายบนท้องถนนตามทางแยก เและเส้นทางหลักต่างๆ เพื่อบังคับใช้กฎหมายกับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ไม่สวมหมวกกันน็อค ซึ่งตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค. เป็นต้นไป จะเน้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรออกปฏิบัติหน้าที่และบังคับใช้กฎหมายทุกทางแยกในพื้นที่กรุงเทพมหานคร อย่างไรก็ตาม จากที่ผ่านมาผบช.น.มีคำสั่งห้ามตั้งด่านจราจร  ดังนั้นบช.น.จึงต้องชี้แจงว่าช่วงนี้หากประชาชนอาจจะเห็นตำรวจออกมาบังคับใช้กฎหมายบนท้องถนนมากขึ้น ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นการตั้งด่านลอย เนื่อจากการกระทำความผิดตามพ.ร.บ.จราจรทางบก  เพราะถือว่าเป็นความผิดซึ่งหน้า  หากพบผู้กระความผิดสามารถดำเนินการออกใบสั่งจับกุมได้ทันที พล.ต.ต.จิรพัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ออกมาปฏิบัติหน้าที่กวดขันจับกุมผู้ที่ไม่สวมหมวกกันน็อคตำรวจราจรทั่ว บช.น.จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี  โดยจะเน้นจับปรับในข้อหาไม่สวมหมวกกันน็อคเท่านั้น   ส่วนข้อหาอื่นๆตนได้สั่งการให้ตำรวจราจรทำการว่ากล่าวตักเตือนประชาชนที่ฝ่าฝืนกฎหมายได้   โดยผู้ที่ไม่สวมหมวกกันน็อคมีโทษปรับ 500 บาทและห้ามไม่ให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ขับขี่โดยที่ผู้ซ้อนไม่สวมหมวกนิรภัยโดยเด็ดขาด   หากฝ่าฝืนคนขับจะต้องเสียค่าปรับเพิ่มเติมในอัตราไม่เกิน 1,000 บาท.  ข่าวจาก : เดลินิวส์ออนไลน์

  เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกลุ่มคนอยากเลือกตั้งจะจัดชุมนุมใหญ่วันที่ 22 พ.ค.นี้ และจะเดินเท้ามาที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า ตนไม่มีความเป็นห่วงในกรณีดังกล่าว แต่ไม่เข้าใจคนกลุ่มนี้เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งในเดือน พฤศจิกายนนี้ ตนคิดว่าก็อีกแค่ 3 เดือนจะได้เลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2562 อยู่แล้ว ซึ่งท่านนายกฯได้ชี้แจงทุกครั้งอยู่แล้วว่าการเลือกตั้งจะเป็นไปตามกรอบดังกล่าว อีกทั้งคนทั่วไปกว่า 70 ล้านคนยังไม่อยาก เข้าใจตามกรอบโรดแมปของรัฐบาล เมื่อถามว่า นายกฯได้ให้ตรวจสอบบุคคลที่อยู่เบื้องหลังผู้ชุมนุม พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรากำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ว่ามีกลุ่มการเมืองหนุนหลังอยู่หรือไม่ ตนคิดว่าอย่าทำอะไรให้บ้านเมืองวุ่นวายเลย เราอยู่ดีๆมา 4 ปี แล้ว เหลือเพียงไม่กี่เดือนก็จะมีการเลือกตั้งแล้ว จะทำให้บ้านเมืองวุ่นวายทำไม “ผมขอร้องไปยังกลุ่มคนอยากเลือกตั้งว่าอย่าเดินมายังทำเนียบรัฐบาลเลย จะเดินมาทำไม ซึ่งต้องให้เจ้าหน้าที่เขาดำเนินการ หากแกนนำคนใดทำผิดกรอบกฎหมาย และทำให้เกิดความวุ่นวายก็จะดำเนินการตามกฎหมาย และต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย” เมื่อถามว่า ข้อเสนอของกลุ่มดังกล่าวให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกแล้วมาลงเลือกตั้งนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะไปลาออกได้อย่างไร ถ้าท่านนายกฯลาออก เขาก็ต้องลาออกเอง จะไปบังคับได้อย่างไร ซึ่งท่านทำอะไรผิดหรือยัง […]

  “ปณิธาน” เผย “บิ๊กป้อม” สั่งชุดติดตามสถานการณ์กลาโหมจับตากองทัพสหรัฐฯ ถล่มซีเรีย เชื่อไม่กระทบเอเชีย-ไทย คาดยังไม่เกิดสงครามใหญ่-สงครามเย็น บอกจุดยืนไทยอยู่ตรงกลาง เผยกำหนดการประชุมรมว.กลาโหมสหรัฐฯ ยังไม่ยกเลิก ขณะที่“ประวิตร” เตรียมบินร่วมประชุม21-26 เม.ย. เมื่อวันที่ 14 เม.ย. นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษาพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่กองทัพของสหรัฐอเมริกาปฏิบัติการโจมตีทางทหารกับประเทศซีเรียว่า ทางกระทรวงกลาโหมของไทยได้ติดตามดูสถานการณ์ โดยพล.อ.ประวิตร ได้ตั้งเจ้าหน้าที่ชุดติดตามสถานการณ์และความเคลื่อนไหวในเรื่องของความมั่นคงทั่วไป โดยเราก็มีข้อมูลของเราเอง รวมทั้งรับข้อมูลจากมิตรประเทศ เพื่อนำมาวิเคราะห์ว่าจะเกิดผลกระทบต่อคนไทยหรือไม่ พร้อมกับมีการประเมินแนวโน้มของความรุนแรงเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นระยะ ทั้งนี้ในความรุนแรงขั้นต้นยังไม่มีรายงานว่าจะเกิดการปะทุความรุนแรงมากขึ้น เพราะในประเทศซีเรียมีกองกำลังของทหารสหรัฐอเมริกาประมาณ 2,000-3,000 คน และคงใช้วิธีการโจมตีทางอากาศโดยทิ้งระเบิดไปใกล้กับจุดเก็บอาวุธเคมี ซึ่งที่มีความเป็นห่วงก็คือกรุงดามัสกัส ส่วนผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียนั้น ตนคิดว่ายังไม่มี แต่เราก็ไม่ประมาทและต้องเฝ้าระวัง เพราะก็ทราบกันดีว่า ประเทศซีเรียได้รับการสนับสนุนจากประเทศรัสเซีย อีกทั้งประเทศจีนก็มีความใกล้ชิดกับประเทศรัสเซีย อย่างไรก็ตามเราก็ต้องรอดูในเวทีสหประชาชาติว่าจะมีการพูดคุยในเรื่องนี้อย่างไร ส่วนที่มีความเป็นห่วงว่าอาจจะเกิดสงครามครั้งใหญ่หรือสงครามเย็นนั้น ตนคิดว่าไม่น่าจะเป็นแบบนั้น แต่ในส่วนของความตึงเครียดของสถานการณ์มีขึ้นแน่นอน แต่จะมีผลกระทบกับฝั่งยุโรปตะวันออกมากกว่าฝั่งเอเชียและประเทศไทย ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร แต่เราก็ต้องดูให้ดี เพราะจุดยืนของประเทศไทยนั้นอยู่ตรงกลาง สำหรับการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐอเมริกาที่อาคารเพนตากอน โดยพล.อ.ประวิตร มีกำหนดการเดินทางไปร่วมประชุมในระหว่างวันที่ 21-26 เม.ย.นั้น […]