ทั่วไป

Advertisement 5 พฤศจิกายน 2565 ผู้ใช้ TikTok @bom_bay5 โพสต์คลิปพร้อมกับข้อความเล่าว่า ไปแสดงความยินดีกับรุ่นพี่ที่จบ แล้วก็เห็นมีคนถือรูปพี่คนหนึ่งมา ก็ไม่ได้เอะใจ แต่พอแม่ของพี่คนในรูปถือชุดครุยมา แล้วไม่มีคนใส่ มีแต่กรอบรูป ผมและเพื่อน ๆ น้ำตาไหลเลย โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่งานรับปริญญาในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ Advertisement จากคลิปเผยให้เห็นผู้เป็นแม่ถือรูปถ่ายลูกชายไว้แนบอก จากนั้นญาติรวมทั้งแฟนสาวของบัณฑิตในรูป ได้นำชุดครุยที่มีพวงมาลัยดอกไม้ห้อยไว้ พร้อมกับร่วมรูปถ่ายหน้าตรงใบใหญ่ของบัณฑิตเป็นที่ระลึกในวันรับปริญญา แม้ว่าบัณฑิตที่อยู่ในรูปจะจากไปแล้วก็ตาม หลังจากคลิปเผยแพร่ออกไปได้กลายเป็นเรื่องราวชวนซึ้งใจจนมีคนเข้าชมกว่า 1.8 ล้านครั้ง โดยหลายคนได้เห็นแล้วต่างรู้สึกตื้นตันใจ โดยเห็นใจครอบครัวบัณฑิตหนุ่มที่ต้องเจอความสูญเสียอย่างกะทันหัน ขณะเดียวกันก็ชื่นชมหัวใจของครอบครัวที่เข้มแข็งจนเป็นภาพที่ชวนประทับใจเช่นนี้ Advertisement ด้าน น้องชายของบัณฑิต ซึ่งอยู่ระหว่างบวชอุทิศส่วนกุศลให้พี่ชาย คอมเมนต์ระบุว่า “ขอบคุณโยมพี่มากนะครับ..ที่ถ่ายคลิปไว้ พี่ชายน้องเองครับ” พร้อมเล่าว่าบัณฑิตในรูปนั้นชื่อว่า แทนไท เสียชีวิตเพราะติดเชื้อในกระแสเลือดก่อนวันที่จะเข้ารับปริญญา ที่ผ่านมาพี่ชายตั้งใจซ้อมรับ แต่ก็ไม่ได้มารับปริญญา ส่วนภาพที่เห็นนั้นต้องชื่นชมแฟนสาวของพี่ชาย ซึ่งไม่ทิ้งครอบครัว รวมทั้งยังพาไปรับปริญญาด้วยกัน จนเกิดภาพอบอุ่นหัวใจเช่นนี้   ข่าวจาก : kapook

กล้องวงจรปิด ในร้านค้าส่งไก่สดแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครศรีธรรมราช เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในภาพจะเห็นชายหญิงคู่หนึ่งที่บุกเข้าในร้านที่เป็นจุดตู้แช่เก็บไก่สดขนาดใหญ่ ที่มีพนักงานกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้น โดยชายหญิงคู่นี้พยายามบุกเข้าในพื้นที่ของร้าน ที่มีหญิงสาวผู้เสียหายวัย 21 ปี กำลังทำงานและมีเพื่อนอีกคนพยายามขัดขวางไม่ให้ชายหญิง ที่พยายามบุกเข้ามาไม่ให้ไปถึงตัวหญิงสาวคนนี้ แต่ท้ายที่สุดทานแรงของชายที่บุกเข้ามาไม่ได้ ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะเข้าถึงตัว แล้วฉุดกระชากหญิงสาวคนนี้ออกไปจากร้าน ก่อนที่จะถูกทำร้ายร่างกายหน้าร้าน โดยมีชายอีกคนเข้ามาช่วยทำร้ายอีกราย โดยเหตุการณ์นี้มีผู้ที่เข้าไปทำร้ายถึง 3 คนเป็นชาย 2 คน และหญิงอีก 1 คน ส่วนหญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อถูกทำร้ายมีเพียงคนเดียวโดยที่เพื่อนๆ พยายามขัดขวางแต่ไม่เป็นผล สำหรับเหตุการณ์นี้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อที่ถูกทำร้ายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ภายหลังจากเกิดเหตุแต่พนักงานสอบสวนยังไม่ได้ให้สำเนาบันทึกประจำวันกับผู้เสียหายไว้เป็นหลักฐาน เนื่องจากกระบวนการยังไม่ครบถ้วน โดยผู้เสียหายรายนี้อยู่ในสภาพวิตกกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากผู้ที่ก่อเหตุเป็นอดีตนายจ้าง และเป็นผู้ที่มีฐานะดี เธอจึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม หญิงสาวผู้เสียหาย ได้เปิดเผยว่าก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุเธอได้ทำงานกับผู้ที่ก่อเหตุที่เป็นนายจ้างมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เธอทำงานในร้านไก่สดอีกแห่งที่มีอดีตนายจ้างรายที่ก่อเหตุเป็นเจ้าของ โดยได้ทำงานไปด้วย และเรียนไปด้วยจนกระทั่งจบการศึกษาวิชาชีพบัญชีชั้น ปวศ.จึงตัดสินใจลาออกจากการทำงาน เพื่อไปหางานที่ตรงกับที่ได้เรียนจบมา แต่กลับสร้างความไม่พอใจให้กับนายจ้างอย่างมาก แต่หลังจากที่ลาออกมาแล้ว แม่ซึ่งทำงานอยู่ในร้านที่เกิดเหตุได้บอกว่ากำลังขาดคนทำงานตนเองจึงเข้าไปสมัครเพื่อทำไปก่อนระหว่างว่างงาน นายจ้างรายใหม่ได้รับตนเอง และน้องสาวเข้าทำงาน แต่หลังจากนั้นปรากฏว่าอดีตนายจ้างซึ่งมีร้านอยู่ใกล้กันยิ่งแสดงความไม่พอใจหลายอย่าง เริ่มมีพฤติการณ์คุกคามกล่าวหาต่างๆ นาๆ จนกระทั่งวันเกิดเหตุถูกบุกเข้ามาทำร้าย โดยหลังจากถูกลากออกไปนอกร้านได้ถูกตบศีรษะอย่างรุนแรงหลายครั้ง […]

7 พฤศจิกายน ที่ศาลอาญาธนบุรี ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อ.153/2565 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด(สำนักอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญาธนบุรี 4) โจทก์ร่วม น.ส.ผ่องเพชร สิริอิสสระนันท์ ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน ฟ้อง ร.ต.อ.นพ.ภาณุรักษ์ รัตนไพศร นายแพทย์(สบ1) กลุ่มงานศัลยกรรม รพ.ตำรวจ เป็นจำเลย ในความผิดฐานขับรถขณะเมาสุรา และโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส ขับรถเร็วกว่าที่กฎหมายกำหนดและขับรถที่มีไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อมในเวลาต้องห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา291, 300 พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องพฤติการณ์ โดยพฤติการณ์กล่าวหาการกระทำความผิด สรุปว่า เมื่อวันที่29 สิงหาคม 2564 จำเลยได้ขับรถปอร์เช่ ป้ายแดง เวลาหลังพระอาทิตย์ตกแล้วไปตาม ถ.ราชพฤกษ์ แขวงบางจาก เขตภาษีเจริญ ในขณะที่จำเลยเมาสุราโดยมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และขับรถความเร็วเกินกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่กฎหมายกำหนด แล้วได้เกิดพุ่งชนท้ายรถยนต์ฮอนด้าซีวิคได้รับความเสียหายอย่างมาก ซึ่งผู้โดยสารในรถยนต์ซีวิค 2 คน (ชาย-หญิง) […]

(วันที่ 6 พฤศจิกายน) ช่อง 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ขะ จ.สุรินทร์ ได้รับแจ้งว่าที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งมีเด็กชายเดินร้องไห้มาหาพนักงานส่งน้ำแข็ง บอกว่า ไม่เจอพ่อแม่ ดังนั้นพนักงานส่งน้ำแข็งจึงพามาที่ร้านสะดวกซื้อและแจ้งความ กระทั่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ พบว่า เด็กคนดังกล่าวอายุ 9 ขวบ กำลังเดินทางจาก จ.กาฬสินธุ์ไปกรุงเทพฯ ตำรวจจึงซื้อนมกล่องและน้ำดื่มให้ แต่เด็กไม่ยอมดื่ม พูดซื่อ ๆ ว่า “พ่อไม่มารับแล้ว เพราะพ่อจะรีบกลับกรุงเทพฯ พ่อจะรีบไปนอน” สอบถามรายละเอียดอื่น ๆ ทราบว่า ครอบครัวนี้ขับรถกระบะมา มีพ่อเป็นคนขับ แม่กับลูกนั่งแค็ปเบาะหลัง ระหว่างทางพ่อจอดแวะปั๊มเพื่อเข้าห้องน้ำ เด็กจึงลงจากรถตามพ่อเข้าห้องน้ำไปด้วยโดยที่พ่อไม่ทราบ ส่วนแม่นั้นหลับอยู่ ซึ่งพอเข้าห้องน้ำเสร็จ เด็กก็ไม่เจอรถพ่อแล้ว จากนั้นตำรวจจึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดจนทราบทะเบียนรถ ทราบข้อมูลของพ่อแม่เด็ก เบอร์โทรศัพท์ จึงติดต่อไป ในช่วงที่ติดต่อไป พ่อก็ขับรถไปถึง อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ แล้ว ยังไม่รู้ตัวว่าลืมลูกไปที่ปั๊ม เจ้าหน้าที่จึงนัดให้มารับลูกกลับ พอพ่อแม่ลูกเจอหน้ากันก็โผกอดทั้งน้ำตา เจ้าหน้าที่จึงฝากเป็นอุทาหรณ์ก่อนออกเดินทางควรเช็กให้เรียบร้อยว่าเด็กอยู่บนรถแล้ว มิเช่นนั้นอาจจะเกิดการพลัดหลงหรืออุบัติเหตุได้   ข่าวจาก : […]

มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand Foundation – WDT โพสต์ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ได้รับแจ้งจากประชาชน ว่ามีการกักขังแมวไว้ในกรงทั้งนอกบ้านและภายในบ้าน สภาพผอมโซ และมีซากแมวตายคากรง มีร่องรอยถูกกัดแทะ คาดกินกันเองเพราะความหิวโหยอดอาหาร WDT จึงประสาน สน.คันนายาว และกรมปศุสัตว์ เข้าตรวจสอบบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านเดอะสวีท 2 เขตคลองสามวา โดยในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 พบหญิงเจ้าของบ้านซึ่งเป็นเจ้าของเพจกลุ่มหมาแมวที่ขอรับบริจาคด้วย กำลังเข้ามาเก็บซากสัตว์ พร้อมยกมือไหว้อ้อนวอนขออย่าดำเนินคดีตน ตำรวจจึงขอความร่วมมือให้หยุดการกระทำทั้งหมด และให้อยู่รอเจ้าหน้าที่มูลนิธิ และปศุสัตว์ แต่หญิงเจ้าของบ้านกลับขับรถหนี และกรีดแขนตนเองก่อนขับรถพุ่งชนกำแพงหมู่บ้าน จนได้รับบาดเจ็บและหมดสติ ตำรวจจึงเรียกกู้ภัยมานำตัวส่งโรงพยาบาล ต่อมาวันที่ 5 พฤศจิกายน 2565 WDT พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คันนายาว เจ้าหน้าที่กองสารวัตรกักกัน และกองสวัสดิภาพสัตว์ กรมปศุสัตว์ ตัวแทนมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม นัดหมายสนธิกำลังเข้าช่วยเหลือสุนัขและแมวทั้งหมด จำนวน กว่า 80 ชีวิต ทั้งหมดถูกทิ้งไว้ในสภาพบ้านไม่มีคนอยู่ สกปรก เต็มไปด้วยกองขยะ […]

ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ได้ลงนามในกฎหมายฉบับใหม่ที่นุญาตให้กองทัพสามารถเกณฑ์พลเรือนที่เป็นผู้ต้องหาคดีร้ายแรงภายใต้ประมวลกฎหมายอาญาของสหพันธรัฐรัสเซีย ไปเป็นทหารสู้รบในยูเครนได้ โดยผู้ต้องหาที่เข้าข่ายสามารถถูกเกณฑ์ทหารได้ ประกอบด้วยผู้ที่กระทำความผิดฐานฆาตกรรม ปล้นทรัพย์ ลักขโมย ค้ายาเสพติด และอาชญากรรมร้ายแรงอื่น ๆ ซึ่งนี่จะทำให้รัสเซียสามารถระดมผู้ต้องหาหลายแสนคนไปเสริมทัพในสมรภูมิยูเครนได้ กฎหมายฉบับนี้ไม่ได้มีผลบังคับใช้กับผู้ต้องหาในเรือนจำเท่านั้น แต่ยังมีผลกับอดีตผู้ต้องขังในข้อหาดังกล่าวเหล่านี้ที่แม้ได้รับการปล่อยตัวออกมาแล้วแต่ยังอยู่ภายใต้การดูแลและจับตาคุมความประพฤติด้วย อย่างไรก็ตาม กฎหมายใหม่นี้ได้ยกเว้นไม่ให้เกณฆ์ผู้ต้องหาบางประเภทเช่นกัน ได้แก่ คดีอาชญากรรมทางเพศต่อผู้เยาว์ กบฏ สอดแนมหรือก่อการร้าย ผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานพยายามลอบสังหารเจ้าหน้าที่ของรัฐ การจี้เครื่องบิน กิจกรรมหัวรุนแรง และการครอบครองจัดหาวัสดุนิวเคลียร์และสารกัมมันตภาพรังสีอย่างผิดกฎหมาย กฎหมายใหม่นี้เกิดขึ้นหลังจากที่เมื่อวันศุกร์ (4 พ.ย.) ปูตินเพิ่งประกาศว่ามีการเกณฑ์ทหารเพิ่มอีก 18,000 นาย เพิ่มจากทหารเกณฑ์ชุดเดิม 300,000 นายที่เรียกตัวมาครบแล้ว ทั้งนี้ ปูตินยังไม่ได้ลงนามในกฤษฏีกายกเลิกการเกณฑ์พลเรือนไปรบในยูเครน นั่นหมายความว่า เขายังสามารถเรียกระดมกำลังพลสำรองไปเข้าร่วมกองทัพได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต   ข่าวจาก : PPTV Online

ทางบริษัท จงซินไคเหวย โมเดิร์น ฟาร์มิ่ง เจ้าของฟาร์มดังกล่าวระบุว่า ฟาร์มแห่งนี้ใช้เทคโนโลยีสุดล้ำ ในการควบคุมฟาร์มหมู จากศูนย์ควบคุมส่วนกลาง สามารถควบคุมระบบประปา ไฟฟ้า การควบคุมก๊าซมีเทนจากของเสียของหมู พร้อมกับการระบายอากาศ แต่ละชั้น จะมีห้องออกลูกของหมู โดยลูกหมูเกิดใหม่จะนอนอยู่ในพื้นที่ที่สร้างอากาศอบอุ่นด้วยหลอดไฟ อาคารทั้งหลัง มีลิฟต์ 16 ตัว โดยลิฟต์แต่ละตัว มีพื้นที่ 19 ตารางเมตร สามารถขนส่งหมูโตเต็มวัยที่มีน้ำหนัก 120-125 กิโลกรัม ได้จำนวน 60-65 ตัว   ข่าวจาก : ch3plus

6 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการท่องเที่ยวกับขบวนรถไฟเที่ยวพิเศษ ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, จ.ลพบุรี และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เชิญชวนประชาชนร่วมเดินทางสัมผัสลมหนาวเส้นทางอันซีน หนึ่งเดียวของเมืองไทย นั่งรถไฟลอยน้ำสุดโรแมนติก กลางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่เริ่มผ่อนคลายลง ภายใต้กิจกรรม “ตามรอยพระบาท เที่ยวเขื่อนของพ่อ” ซึ่งได้เริ่มเดินรถเที่ยวแรกเป็นปฐมฤกษ์ในวันเสาร์และอาทิตย์นี้ ขบวนรถพิเศษ นำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีสถานีต้นทางจากหัวลำโพง กรุงเทพฯ และสถานีปลายทาง ณ แหล่งท่องเที่ยวรถไฟลอยน้ำ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี เพื่อเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางสัมผัสกับเส้นทางท่องเที่ยว “รถไฟลอยน้ำ หนึ่งเดียวของเมืองไทย” ทุกๆ วันเสาร์และอาทิตย์ ตลอดเดือนพฤศจิกายน 2565-มกราคม 2566 โดยเริ่มรอบปฐมฤกษ์ของปีทั้ง 2 วันที่ผ่านมา ต้องลากยาวถึงวันละ 17 โบกี้ แต่จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวในแต่ละวัน จากเดิมวันละประมาณ 1,200 คน เหลือเพียงวันละ 700-800 คน ต่อวัน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยขบวนรถไฟจะหยุด ณ จุดชมวิว เป็นเวลา 20 […]

6 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเดือนตุลาคม 2565 กระทรวงมหาดไทยได้ทำหนังสือแจ้งหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อทราบและถือปฎิบัติต่อไป ถึงข้อหารือของคณะกรรมการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำจังหวัดสุพรรณบุรี กรณี “เสาสัญญาณโทรศัพท์” เป็น “สิ่งปลูกสร้าง” ที่ต้องเสียภาษีตามมาตรา 5 แห่งพ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2562 หรือไม่ โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและคณะกรรมวินิจฉัยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้เคยให้คำปรึกษาและคำแนะนำแล้วว่า มาตรา 5 แห่งพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2562 กำหนดว่า ”สิ่งปลูกสร้าง” หมายความว่าโรงเรือน อาคาร ตึกหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น ที่บุคคลอาจเข้าอยู่อาศัยหรือใช้สอยได้ หรือที่ใช้เป็นที่เก็บสินค้าหรือประกอบอุตสาหกรรมหรือพาณิชยกรรม และให้หมายความรวมถึงห้องชุดหรือแพที่บุคคลอาจใช้อยู่อาศัยได้หรือที่มีไว้ เพื่อหาผลประโยชน์ด้วย ซึ่งมีความหมายแตกต่างจากพ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ดังนั้นจุดรับส่งสัญญาณ (รวมเสาสัญญาณโทรศัพท์) กังหันลม แผงโซล่าเซลล์ จึงไม่ใช่สิ่งปลูกสร้างตามพ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯ แต่กรณีที่จอดรถซึ่งมีหลังคา มีลักษณะเป็นการติดตั้งไว้ถาวรและมีสภาพเป็นโรงเรือนที่บุคคลอาจเข้าอยู่อาศัยหรือใช้สอยได้ จึงเป็นสิ่งปลูกสร้างตามมารตรา 5 แห่งพ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯ   ข่าวจาก : มติชน