ทั่วไป

Advertisement เว็บไซต์ข่าวต่างประเทศ เผยเรื่องราวการให้บริการ ที่กำลังได้รับความนิยมในประเทศจีน อย่าง “การรับจ้างด่า-เตือนเพื่อเรียกสติ” สามารถสร้างรายได้ให้ร้านค้าสูงถึง 70,000 หยวน ต่อเดือน ( 338,000 บาท) Advertisement สำหรับบริการนี้มีขึ้นสำหรับหนุ่มสาวที่มีปัญหาทางด้านความรัก จะจัดหา ‘เพื่อน’ มาพูดคุยกับลูกค้าที่ประสบปัญหาความรัก เพื่อคอยต่อว่า และเตือนสติให้พวกเขาหลุดพ้นจากความทุกข์ โดยเสี่ยวลู่ ผู้ให้บริการนี้ เปิดเผยว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ของเธอเป็นผู้หญิง อายุประมาณ 20-25 ปี โดยคิดค่าบริการที่ประมาณ 10 หยวนต่อ 5 นาที (ราว50 บาท) 20 หยวน ต่อ 10 นาที (ราว 100 บาท) และ 40 หยวน (ราว 200 บาท) ต่อ 20 นาที Advertisement บริการของเธอมีให้เลือกหลากหลาย เช่น คุยเป็นเพื่อน […]

31 ส.ค.66 นาย นิว เจ้าของร้านขายขนมปังปิ้ง-ชา เครื่องดื่มอยู่ที่ จ.เชียงราย ได้เปิดใจกับ ‘ข่าวสดออนไลน์’ว่า ความคืบหน้าวันนี้ ตนเองได้รับการติดต่อจากทางร้านดังว่าอยากจะติดต่อขอโทษ แต่ตนเองอยากจะขอปรึกษากับทนายก่อน ในขณะเดียวกันวานนี้ (30 ส.ค.66) พบว่ามีลูกค้าแห่มาอุดหนุนที่ร้านเป็นจำนวนมาก โดยมีทั้งลูกค้าใหม่ และลูกค้าเก่าที่เข้ามาสนับสนุน ส่วนใหญ่เห็นข่าว และได้เข้ามาถามไถ่ พร้อมให้กำลังใจ บางรายถึงขั้นโทรมาบอกว่าจะเดินทางมาจากเชียงใหม่ บางรายบอกว่าจะมาจากกรุงเทพฯ เพื่อมาช่วยอุดหนุน ทั้งนี้ตนเองคาดว่าวันนี้น่าจะเยอะมากกว่านี้ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะสั่งเมนู ‘ปังเย็นขอหวย’ อย่างไรก็ตาม ตามปกติลูกค้าในร้านก็มีพอสมควร แต่หลังเกิดข่าวทำให้มีลูกค้ามาอุดหนุนเพิ่มเป็น 2 เท่า ซึ่งวันนี้ตนเองได้มีการเตรียมวัตถุดิบ และเพิ่มพนักงานเสิร์ฟ เพราะเมื่อวานนี้เสิร์ฟกันแทบไม่ทัน ทั้งนี้ตนเองรู้สึกตื้นตันใจ และชื่นใจขึ้นมาหลังจากท้อใจมาเป็นเดือน หลังเจอวิกฤติดังกล่าวว่า ทำไมเปิดร้านแล้วต้องมาเจอแบบนี้ อาจจะต้องปิดกิจการ แต่วันนี้โลกเริ่มใจดีกับตนเองบ้างแล้ว ตนเองมองว่าตอนนี้ลูกค้าเป็นมากกว่าลูกค้า เพราะทุกคนมาถามตนเองด้วยความเป็นห่วงพร้อมให้กำลังใจ พร้อมกับลงขอบคุณลูกค้าผ่านเพจเฟซบุ๊ก ‘ปังชา’ ระบุข้อความว่า “ขอบพระคุณลูกค้าทุกท่านที่มาให้กำลังใจพวกเรานะครับ ฮีลใจเราได้เป็นอย่างดีเลย และขอให้ทุกท่านมีความสุขเช่นกันครับ” ในขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังทีมทนายที่ส่งหนังสือ Notice มาที่ร้านของนายนิว ซึ่งเป็นทนายที่ลงชื่อในเอกสาร โดยเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ‘ข่าวสดออนไลน์’ […]

เมื่อเวลา 08.40 น.วันที่ 31 สิงหาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวก่อนเป็นประธานประชุมคณะกรรมการโอลิมปิกฯ ว่า “ห้ามถามการเมืองนะ ไม่เล่นการเมืองแล้ว เป็นหัวหน้าพรรคอย่างเดียว ไม่ได้เล่นการเมือง ” ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเป็นหัวหน้าพรรคอย่างเดียวแล้วในตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พล.อ.ประวิตร กล่าวทันทีว่า “เดี๋ยวก็จะลาออก คนอื่นก็ทำไป” เมื่อถามถึงความชัดเจนว่า จะลาออกเมื่อไหร่ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว เมื่อถามย้ำว่า จะยังทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคอย่างเดียวใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ใช่ อย่างเดียว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากพล.อ.ประวิตร ลาออกจากส.ส. บัญชีรายชื่อ ผู้ที่จะขยับขึ้นมาเป็นสส.แทน คือ นายสันติพร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพปชร. ที่มีชื่อเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และกล่าวอวยพรสื่อ อย่างอารมณ์ดี “โอเคนะ โชคดีนะทุกคน โชคดีจ๊ะ” จากนั้นเดินทางเข้าห้องรับรอง และเมื่อออกจากห้องได้กวักมือเรียกสื่อผู้สื่อข่าว ให้มาถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก […]

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 31 สิงหาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล ได้เดินทางมายื่นหนังสือแสดงความประสงค์ขอทำหน้าที่ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โดยมีเจ้าหน้าที่พรรรค พท. เป็นตัวแทนรับหนังสือ โดย นายสันธนะ กล่าวว่า ขณะนี้การจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใกล้จะนิ่งแล้ว และเรื่องตำรวจก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่นโยบายของนายเศรษฐาได้เน้นเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง ซึ่งต้องยอมรับว่ าแยกกันไม่ได้ระหว่างเศรษฐกิจ สังคม ตำรวจ แม้เศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดี แต่ตำรวจก็ต้องดูแล อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมเป็นโควต้าของพท. ซึ่งโผที่บอกว่านิ่งแล้ว แต่ที่ตนติดตามมาตลอด มองไม่เห็นว่า ใครจะมาดูแลเรื่องสตช. วันนี้จึงมาแนะนำตัวและขอทำหน้าที่ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องเท่านั้น ไม่ได้ไปแบ่งโควต้าอะไร ทั้งนี้ ตนไม่อยากให้มีการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการตำรวจในรัฐบาลของนายเศรษฐา ตนอยู่ในสตช.มา ทราบดีว่า มีการซื้อขายทุกระดับ และหวังว่าพรรค พท.จะให้โอกาส แต่หากไม่ได้รับตำแหน่งดังกล่าว ตนก็จะเดินหน้าตรวจสอบทุกตำแหน่งในสตช.อย่างเข้มข้น   ข่าวจาก : […]

30 สิงหาคม นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊ก “Piyabutr Saengkanokkul – ปิยบุตร แสงกนกกุล” ระบุว่า การลาออกของ ส.ส.ระยอง ทำให้พรรคก้าวไกลเสียสัดส่วนประธานกรรมาธิการ จาก 11 คณะ เหลือ 10 คณะ ตามธรรมเนียมของสภาผู้แทนราษฎรไทย การจัดสรรปันส่วนตำแหน่งในสภา จะใช้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่แต่ละพรรคมีมาใช้ในการคำนวณ เมื่อวานนี้มีข่าวออกมาว่า ทางเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบได้คำนวณสัดส่วนประธานกรรมาธิการสามัญ 35 คณะ ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า แต่ละพรรคจะมี ส.ส.ของพรรคตนดำรงตำแหน่งประธานกรรมาธิการสามัญจำนวนเท่าไร โดยคำนวณตามสูตร (จำนวนคณะกรรมาธิการสามัญ x จำนวน ส.ส.ของพรรค) หารด้วย จำนวน ส.ส.ที่สภามีอยู่ ผลปรากฏว่า พรรคก้าวไกล มี ส.ส. 150 คน (นครชัย ขุนณรงค์ ลาออกจาก ส.ส.ระยอง เขต 3) คำนวณตามสูตร 35 x 150 […]

30 ส.ค.66 ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี และรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่า ทุกอย่างต้องอธิบายด้วยหลักของกฎหมาย ซึ่งพรรคตรวจสอบคุณสมบัติในระดับหนึ่ง และทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ก็ตรวจสอบอีกระดับหนึ่ง นอกจากนี้ ประชาชนก็ตรวจสอบอีก ดังนั้นอะไรที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ก็ต้องเป็นไปตามนั้น เราไม่ทำผิดกฎหมายแน่นอน ความรู้สึกของคนมีทั้งชอบ และไม่ชอบ จะเอามาเป็นสาระสำคัญไม่ได้ ต้องดูตามกฎหมาย เมื่อถามว่า ตอนนี้ในโซเชียลมีเดีย มีการวิจารณ์นายชาดา เรื่องของยาเสพติด นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามหลักฐาน ตนก็ไม่เคยเห็นนายชาดา ทำผิดกฎหมาย หรือทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมใดๆ เวลาอยู่ที่ จ.อุทัยธานี นายชาดา ก็ลงพื้นที่พบชาวบ้าน ทำตัวกลมกลืน และต้องไปถามคนอุทัยธานี ว่านายชาดาเป็นอย่างไร คนมั่นใจว่าคนอุทัยธานี ต้องตอบว่านายชาดาเป็นคนที่ดี รับใช้ประชาชนและเสียสละ ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ส่งนายตำรวจไปคุมกระทรวงศึกษาธิการคุมครู นายอนุทิน ย้อนตอบทันทีว่า “พล.ต.อ.ครับ ผ่านตำแหน่งสำคัญมาแล้ว” เมื่อถามย้ำว่า อาจจะไม่มีประสบการณ์ทางด้านของการศึกษา นายอนุทิน […]

กลางดึกวันที่ 30 สิงหาคม 2566 ศูนย์วิทยุสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสาร สายกรุงเทพฯ-สุราษฎร์ธานี ถูกเศษวัสดุการก่อสร้างทางต่างระดับ บนถนนพระราม 2 กระเด็นเข้าใส่ จนทำให้กระจกหน้ารถแตก ซึ่งขณะเกิดเหตุคนขับรถได้จอดรถ เพื่อรอเจ้าหน้าที่ตำรวจ เหตุเกิดบริเวณริมถนนพระราม 2 ฝั่งขาออกกรุงเทพฯ (ล่องใต้) ใกล้เคียงโรงพยาบาลเจษฎาวิถี ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เมื่อ ร.ต.อ.วัชระ พลผาสุข รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร เดินทางเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบรถบัสโดยสาร ซึ่งเป็นรถร่วม บขส. ขนาด 24 ที่นั่ง หมายเลข 993 – 19 กรุงเทพมหานคร – สุราษฎร์ธานี ทะเบียน 14 -1962 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ โดยที่กระจกหน้ารถมีลักษณะคล้ายกับถูกของแข็งกระแทกจนร้าวทั้งบาน แต่ที่หนักที่สุดคือบริเวณที่ตรงกับที่นั่งคนขับ มีรอยแตกเป็นช่องโหว่ อีกทั้งตัวรถและล้อรถยังมีเศษปูนเกาะติดกระจายไปทั่ว โชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตรายหรือบาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เบื้องต้นจากการสอบถามพนักงานขับรถทัวร์ เล่าว่า ขณะที่กำลังขับรถโดยสารมาตามเส้นทาง […]

30 ส.ค. รองศาสตราจารย์ ดร.วิไลวรรณ จงวิไลเกษม อาจารย์คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยกับ ข่าวสดออนไลน์ กรณีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เตรียมฟ้องศาลเพื่อสั่งปิดกั้นแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กประเทศไทย เหตุจากมีมิจฉาชีพในโลกออนไลน์จำนวนมากนั้น ว่า ส่วนตัวมองว่า รมว.ดีอีเอส น่าจะเข้าใจบทบาทของตัวเองผิดหรือไม่ หากเป็นคนมีความรู้ ทราบเรื่องก็คงจะหัวเราะ หน้าที่จริงๆ ของ รมว. ควรเป็นผู้วางนโยบาย ขับเคลื่อนตรวจสอบและป้องกัน ดีอีเอสควรเชิญผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงมาคุย เช่นเฟซบุ๊ก และตำรวจไซเบอร์มาทำงานร่วมกัน ทั้งนี้ก็ไม่แน่ใจว่า ที่ผ่านมาเคยเชิญมาพูดคุยกันมากน้อยเพียงใด ยกตัวอย่างเฟซบุ๊กประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ร่วมรับผิดชอบและทำงานกับรัฐบาลด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.วิไลวรรณ กล่าวว่า การที่ รมว.ดีอีเอส ให้สัมภาษณ์ว่า เคยพูดคุยกับเฟซบุ๊กแล้ว แต่ไม่มีการแก้ไข เลยจะฟ้องเพื่อสั่งปิด ส่วนตัวมองว่า ถ้าคุยจริงก็ควรจะเป็นข่าว แต่นี่กลับไม่มีข่าวเลย ตนทำงานเกี่ยวกับเฟคนิวส์ คนที่ตกเป็นเหยื่อล้วนมาจากการรับข้อมูลเท็จ ตนไม่เห็นการทำงานของดีอีเอสอย่างจริงจัง แต่กลับทำในประเด็นการเมืองและข่าวปลอมที่เกี่ยวเนื่องกับรัฐบาล ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันที่กำลังมีการฟอร์มรัฐบาล มองว่า รมว.ดีอีเอส อาจจะอยากสร้างผลงานทิ้งทวน แต่ต้องย้ำว่าการสั่งปิดเฟซบุ๊กไม่ใช่หน้าที่ เมื่อถามว่า […]

จากกรณีร้านดัง โพสต์ข้อความระบุว่า ทางร้านได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า “ปังชา” เอาไว้ พร้อมสงวนสิทธิ์ห้ามลอกเลียนแบบ ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข และสงวนสิทธิ์ห้ามนำชื่อแบรนด์ “ปังชา” และ “Pang Cha” ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ไปใช้เป็นชื่อร้าน หรือใช้เป็นชื่อสินค้า เพื่อจำหน่าย หรือส่งเสริมการขาย “ได้มอบหมายให้ทนายความร่อนหนังสือโนติสเกี่ยวกับการละเมิดเครื่องหมายการค้า และเรียกค่าเสียหายกับทางร้านขนมหวานและร้านชาต่างๆ ที่พบว่า มีการใช้ชื่อ ปังชา ซึ่งมีที่ จ.เชียงใหม่ 2 ร้าน เรียกค่าเสียหาย 102 ล้าน และร้านชาที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้รับหนังสือโนติสเรียกค่าเสียหาย 7 แสนบาท” วันที่ 30 ส.ค. 66 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังร้านชาชื่อ “ทางช้างเผือก” ซึ่งตั้งอยู่ภายใน ซ.4 ถ.ศุภสารรังสรรค์ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา พบกับ น.ส.ปัณณ์ปรุฬห์ กาญจนโสรัตน์ อายุ 30 ปีเจ้าของร้าน […]