สาระน่ารู้

Advertisement สำหรับผู้มีรายได้น้อย รัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามช่วยเหลือตลอดมา เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ก็ได้มีการสำรวจรายชื่อ ขึ้นทะเบียน และเตรียมหามาตรการช่วยเหลือ Advertisement ซึ่งมาตรการเริ่มต้นที่จะเกิดขึ้นปีใหม่นี้ ก็คือ การช่วยเหลือเรื่องเงินและการประกันอุบัติเหตุ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายประจำวัน หรือกรณีที่พวกเขาเกิดประสบอุบัติเหตุจนไม่สามารถทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้เช่นเดิมหรือต้องเสียชีวิตไป ก็จะต้องมีเงินที่มาช่วยเหลือทดแทน ซึ่งรายละเอียดที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ มีดังต่อไปนี้ค่ะ   นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า “ภายในเดือน พ.ย.นี้ กระทรวงการคลังจะสรุปยอดการลงทะเบียนของประชาชนที่มีรายได้น้อยหรือมีรายได้ไม่ถึง 100,000 บาทต่อปีที่ลงทะเบียนขอรับสวัสดิการจากรัฐ  ซึ่งมียอดลงทะเบียนเมื่อ 15 ส.ค. 2559 ราว 8.3 ล้านคนนั้น และล่าสุด กรมสรรพากร ได้ตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว พบว่า…มีราว 200,000 คนที่กรอกข้อมูลไม่ถูกต้อง เช่น มีรายได้เกินกว่า 100,000 บาท หรือเสียชีวิตไปแล้วกว่า 9,000 คน”   ซึ่งภายในเดือน พ.ย.นี้ หลังจากที่กระบวนการตรวจสอบสิทธิประชาชนผู้มีรายได้น้อยเสร็จสิ้นลง กระทรวงการคลังก็พร้อมที่จะมอบของขวัญปีใหม่ชิ้นแรกให้แก่ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ โดยแบ่งเป็น 2 เรื่องด้วยกัน ดังต่อไปนี้   […]

หลายคนอาจจะงงกับสายฝนที่โปรยปรายลงมาวันนี้ ทั้งที่กำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาวอยู่แล้ว ซึ่งเหตุผลที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่หน้าหนาวอย่างจริงจังในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว และในบางพื้นที่อาจจะได้สัมผัสกับลมหนาวไปแล้วด้วย มาลองดูประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาถึงความเคลื่อนไหวของอากาศในช่วงนี้กันดีกว่าค่ะ..     ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย" ฉบับที่ 4 ลงวันที่ 06 พฤศจิกายน 2559     ในช่วงวันที่ 7-9 พฤศจิกายน 2559 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีน จะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมแรงเกิดขึ้น หลังจากนั้นอากาศจะเย็นลง อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส โดยจะเริ่มมีผลกระทบบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนบริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกจะมีผลกระทบในระยะต่อไป ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพ เนื่องจากอากาศที่เปลี่ยนแปลงไว้ด้วย   [ads]   สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนเพิ่มมากขึ้นกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งระมัดระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง สำหรับชาวเรือขอให้เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย   อนึ่ง ในช่วงวันที่ 6-7 พฤศจิกายน 2559 […]

คุณรู้หรือไม่ว่า…ไมโครเวฟเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์มากพร้อมๆไปกับการมีความเสี่ยงมากๆด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะกรณีของ “การต้มไข่ในไมโครเวฟ” ซึ่งหากทำแบบนี้อาจจะทำให้เกิดการระเบิดได้ และแน่นอนว่าจะทำให้คุณได้รับอันตรายจนสูญเสียอวัยวะได้อย่างแน่นอน     เรื่องนี้ไม่ใช่คำขู่เพราะเคยเกิดกรณีศึกษาเช่นนี้แล้ว เรื่องมีอยู่ว่า …คุณพ่อชาวจีนวัย 30 ปี ตั้งใจจะต้มไข่ให้ลูกกินในตอนเช้า แต่เมื่อวันหนึ่งเขาตื่นสายจึงไม่มีเวลาที่จะต้มไข่ให้ลูก แต่ก็ยังอยากให้ลูกได้กินไข่ต้มก่อนไปโรงเรียนอยู่ดี เขาจึงได้นำไข่ทั้งฟองใส่ลงไปในถ้วยแล้วใส่น้ำ ก่อนจะนำเข้าไปต้มในไมโครเวฟ… ….ระหว่างที่ไมโครเวฟกำลังทำงานอยู่ เขายินเสียงคล้ายระเบิดดัง “ปังๆ” อยู่ภายในไมโครเวฟ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก พอครบเวลา 2 นาที เขาจึงเดินไปเปิดฝาไมโครเวฟดู ก็ปรากฏว่าไข่ที่อยู่ในนั้นเกิดระเบิดแตกกระจายออกมา และในขณะที่เขายังยืนอยู่หน้าไมโครเวฟ ไข่ก็กระเด็นมาเข้าตาจนทำให้ตาของเขาได้รับบาดเจ็บรุนแรง ตาแสบร้อนเหมือนถูกไฟเผา จนเขาไม่สามารถลืมตาได้เลย   หลังจากนั้น เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และเมื่อแพทย์ได้ตรวจอาการ ก็พบว่า เปลือกตาและลูกนัยน์ตาของเขาได้รับบาดแผลจนแตกทั้งหมด สุดท้าย…เขาก็ต้องกลายเป็นคนตาบอด…โดยปฏิเสธไม่ได้เลย   [ads]   ทำไมจึงเป็นเช่นนี้? ทั้งที่หม้อต้มและไมโครเวฟก็ให้ความร้อนไข่ได้เหมือนกัน แต่ทำไมเวลาต้มไข่ด้วยหม้อต้มไข่จึงไม่ระเบิด ความจริงเป็นแบบนี้ค่ะ… เวลาที่เราต้มไข่ดิบด้วยเตาไฟหรือเตาแก๊ส ไข่จะได้รับความร้อนจากภายนอกเข้าไปสู่ภายใน ในทางตรงกันข้าม การต้มไข่ดิบด้วยไมโครเวฟ ไข่ได้รับคลื่นไมโครเวฟและทำให้โมเลกุลภายในเปลือกไข่เกิดความร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนประกอบของน้ำที่อยู่ภายในไข่จะเดือดและกลายเป็นไอ แต่เพราะมีเปลือกไข่ขวางอยู่ ไอน้ำจึงไม่สามารถระบายออกได้ เมื่อสะสมมากๆเข้าจนถึงจุดหนึ่ง ไข่ก็จะเกิดการระเบิดจากภายในอย่างรุนแรงนั่นเอง […]

นายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการประเมินราคาที่ดินรายแปลงทั่วประเทศ เพื่อรองรับการบังคับใช้กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างขณะนี้ กฎหมายดังกล่าวอยู่ระหว่างการเสนอเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติและธนารักษ์สามารถประเมินราคาที่ดินรายแปลงได้แล้ว 18.6 ล้านแปลง โดยในปี 2560 ตั้งเป้าประเมินราคาที่ดินรายแปลงแล้วเสร็จทั้งประเทศ 32 ล้านแปลง     “ตามงบประมาณที่เราได้ในปี 2560 มีแผนประเมินราคาที่ดินรายแปลงได้เพิ่มเพียง 5 ล้านแปลง แต่เพื่อให้การประเมินที่ดินรายแปลงแล้วเสร็จรองรับกฎหมายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจึงจ้างที่ปรึกษามาช่วยประเมินราคาที่ดินรายแปลงเพิ่ม โดยนำฐานข้อมูลที่มีอยู่มาใช้อ้างอิง ทำให้คาดว่า การประเมินที่ดินรายแปลงทั่วประเทศ 32 ล้านแปลงจะแล้วเสร็จในปีหน้า”   [ads]   ขณะนี้ กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ของท้องถิ่นทั่วประเทศ เพื่อให้ทราบถึงแนวทางการประเมินราคาที่ดิน เพื่อใช้จัดเก็บภาษีตามกฎหมายดังกล่าวที่จะออกมาบังคับใช้ โดยเริ่มต้นจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลกว่า 400 คน จากนั้นจะจัดให้อบรมเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นทั่วประเทศอีก 34 ครั้ง รวมเจ้าหน้าที่กว่า 15,800 คน   ทั้งนี้ เพื่อเตรียมพร้อมก่อนการประกาศใช้กฎหมายดังกล่าว กรมฯต้องให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในการใช้บัญชีกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดิน โรงเรือนสิ่งปลูกสร้าง และห้องชุด เพื่อคำนวณมูลค่าทรัพย์สินสำหรับเป็นฐานในการจัดเก็บภาษีได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ กรมธนารักษ์ยังอยู่ระหว่างการประสานการทำข้อมูลที่ดินทางด้านอิเล็กทรอนิกส์กับกรมที่ดิน เพื่อนำข้อมูลที่ดิน เช่น โฉนดมาใส่ฐานราคาประเมินกับกรมธนารักษ์และนำส่งให้แต่ละท้องถิ่น เพื่อนำไปเป็นฐานในการคำนวณภาษีต่อไป […]

ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ลงมติเห็นชอบ “ร่าง พ.ร.บ.กำลังพลสำรอง” (วาระแรก) เรียบร้อยแล้ว ซึ่งพ.ร.บ. มีสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับชายไทยทุกคน ดังต่อไปนี้   โดยสาระสำคัญของ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ คือ “ให้อำนาจกระทรวงกลาโหมในการสั่งเรียกระดมทหารกองหนุนทุกนาย ให้กลับมาฝึกอาวุธใหม่ ฝึกวินัยทหารใหม่ เพื่อให้มีความฟิตและพร้อมใช้งานได้จริงๆ ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่มีการออกกฎหมายเช่นนี้เพื่อเรียกระดมชายไทยที่เป็นทหารกองหนุนให้กลับไปใช้ชีวิตเป็นทหาร โดยการกินนอนในค่ายทหารอีกครั้ง เป็นเวลาไม่เกิน 2 เดือน”     โดยชายไทยที่เข้าข่ายต้องถูกเรียกกลับไปเป็น “กำลังพลสำรอง” ของ 3 เหล่าทัพ มีอยู่ 4 กลุ่ม ดังนี้   1.นายทหารสัญญาบัตรนอกราชการ 2.นายทหารชั้นประทวนนอกราชการ 3.ทหารกองหนุนประเภท 1 หมายถึง ผู้ที่ผ่านการเกณฑ์ทหารแล้ว หรือผู้ที่ได้รับยกเว้นเนื่องจากเรียน รด. ที่มีอายุไม่เกิน 40 ปี 4.ทหารกองหนุนประเภท 2 หมายถึง ผู้ที่เข้ารับการเกณฑ์ทหารแต่โชคดีจับได้ ‘ใบดำ’ รวมถึงทหารกองหนุนประเภท 1 ที่มีอายุตั้งแต่ […]

ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่นำ“กะหล่ำปลี” ผักที่เรารับประทานกันอยู่บ่อยๆไปพอกไว้บริเวณหน้าอกและขาของตัวเองก่อนนอน ก็จะทำให้เกิดสิ่งดีๆขึ้นได้ในตอนเช้าของวันถัดมา จะมีอะไรบ้างที่ดีขึ้น ดีขึ้นอย่างไร และเป็นไปได้ไง ต้องมาลองหาคำตอบกัน   เหตุผลที่ “กะหล่ำปลี” กลายเป็นตัวช่วยในการรักษาสุขภาพที่ดี ก็เพราะว่ากะหล่ำปลีเปรียบเสมือนแม่เหล็กที่จะสามารถดึงโรคภัยต่างๆออกมาจากร่างกายของเราได้เป็นอย่างดี สิ่งที่กะหล่ำปลีสามารถทำได้ได่แก่   1. บรรเทาอาการบวมที่เกิดจากแผล หากคุณรู้สึกว่าบริเวณมือหรือขาของคุณได้รับบาดเจ็บหรือเป็นแผล รวมไปถึงมีอาการบวม เราสามารถนำใบกะหล่ำปลีไปพันบริเวณแผลเพื่อแก้ปัญหาที่มีอยู่ได้   2. บำรุงรักษาต่อมไทรอยด์ ต่อมไทรอยด์เป็นอวัยวะที่สำคัญในการผลิตฮอร์โมน ซึ่งส่งผลต่อการเจริญเติบโต และการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย ซึ่งหากคุณต้องการให้ต่อมไทรอยด์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณต้องนำกะหล่ำปลีไปทาบบริเวณนั้นแล้วพันด้วยผ้าอีกทีนึงก่อนที่คุณจะนอน แค่นั้นก็จะเกิดผลดีในตอนเช้าแล้ว   3. แก้อาการปวดหัว หากคุณมีอาการปวดหัวจนแทบทนไม่ไหว ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่คุณเครียดมากเกินไป หรือเหนื่อยล้ามากกับชีวิตประจำวัน เพียงแค่คุณนำใบกะหล่ำปลีมาประคบ ก็อาจจะช่วยให้อาการดังกล่าวของคุณหายไปได้แล้ว   [ads]   4. บรรเทาอาการปวดเนื่องจากการการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนม คนเป็นแม่ส่วนใหญ่จะต้องทนเจ็บเพื่อลูกเสมอ รวมไปถึงอาการเจ็บปวดจากการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมด้วย วิธีแก้ง่ายมากแค่คุณแม่นำใบกะหล่ำปลีมาประคบไว้ที่หน้าอก อาการปวดดังกล่าวก็จะหายไปได้ โดยคุณแม่สามารถทำมันได้ทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืนได้เลย   ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าผักที่อร่อยและหาทานง่ายแบบนี้ จะมีประโยชน์ที่ดีมากมายขนาดนี้ ถ้าอยากมีสุขภาพดีไปด้วยกัน มาลองทำตามนี้กันดีกว่าค่ะ   ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก rak-sukapap.com   [ads=center] […]

จะมีใครที่ชอบล้างห้องน้ำ ขัดๆถูๆในห้องที่แสนสกปรกและมีกลิ่น เพราะการทำความสะอาดห้องน้ำเป็นงานที่น่าเบื่อสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่อย่างไรก็ตาม การดูแลบ้านให้สะอาดก็ยังเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดี แต่ถ้าคุณขี้เกียจนัก เราก็มีวิธีง่ายๆในการทำให้ห้องน้ำดูสะอาดและหอมสดชื่นตลอดเวลา  ไม่นำพามาซึ่งเชื้อโรคต่างๆมากมาย จะต้องทำอย่างไรตามมาดูกันเลย   น้ำยาทำความสะอาดที่มีขายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาด ต่างบอกว่าตัวเองสามารถช่วยทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ต้องยอมรับถึงอันตรายต่อสุขภาพที่จะตามมาด้วย เพราะน้ำยาทำความสะอาดที่ล้วนแต่ประกอบไปด้วยสารเคมีอันตรายทั้งนั้น สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเหล่านี้อาจเป็นสารที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ง่ายๆ ดังนั้นถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงเถอะค่ะ     ถ้าไม่อยากเป็นอันตราย มาทำความสะอาดห้องน้ำของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้ส่วนผสมที่หาได้ง่าย และช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายกันดีกว่า สิ่งที่คุณต้องเตรียมมีดังต่อไปนี้   ส่วนผสม 1. โซเดียมไบคาร์บอเนต (เบคกิ้งโซดา) 160 กรัม 2. ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (3%) 1 ช้อนโต๊ะ 3. น้ำส้มสายชู 1/2 ช้อนโต๊ะ 4. น้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่คุณชอบ 15 – 20 หยด 5. น้ำมะนาว 60 มิลลิลิตร   [ads]   วิธีทำ 1. ใส่เบคกิ้งโซดาลงในชาม […]

นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เปิดเผยถึงช่องทางการลงทะเบียนเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนลงทะเบียนรับบัตรภาพผนึกตราไปรษณียากร พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 จำนวน 9,999,999 ดวง ว่า   [ads] ภาพ:thailandpost    เว็บไซต์ที่ ไปรษณีย์ไทย เตรียมเปิดให้ลงทะเบียนนั้น ประชาชนสามารถเข้าไปลงทะเบียนได้ที่ www.stamprama9.thailandpost.com ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2559 โดยผู้ที่ลงทะเบียนจะต้องใช้หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมกรอกรายละเอียดชื่อ-นามสกุล ที่อยู่สำหรับการจัดส่ง เพื่อไปรษณีย์ไทยจะได้นำส่งบัตรภาพฯ ตามที่อยู่ที่ได้ลงทะเบียนไว้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และระบุหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อการแจ้งข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม ทั้งนี้ ขอสงวนสิทธิ์ในการลงทะเบียน 1 ท่าน ต่อบัตรภาพฯชุดพิเศษนี้ 1 ใบ    โดยในเบื้องต้นไปรษณีย์ไทยขอความร่วมมือประชนชนให้แจ้งความจำนงผ่านการลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.stamprama9.thailandpost.com เป็นลำดับแรก สำหรับประชาชนที่ไม่มีคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ    [ads=center]

   พ.อ.หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า สำหรับแนวทางการจัดกิจกรรมบันเทิงหรือกิจกรรมต่างๆตามที่รัฐบาลได้ขอความร่วมมือครบ30วันนั้น   [ads]      เมื่อวันที่30ต.ค.ที่ผ่านมา นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้หารือกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง โดยจำแนกกิจกรรมออกเป็น9ลักษณะ ได้แก่ 1.งานเทศกาลระดับประเทศ เช่น ลอยกระทง คริสต์มาส วันปีใหม่ ตรุษจีน 2.งานเทศกาลระดับจังหวัด เช่น งานกาชาด เทศกาลผีตาโขน เป็นต้น 3.งานส่งเสริมเศรษฐกิจระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น เช่น งานกิจกรรมถนนคนเดิน งานประเพณีชนวัว เป็นต้นโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า 4.งานรื่นเริง วัฒนธรรมพื้นบ้าน เช่น ลิเก ลำตัด ดนตรี มหรสพ และการประกวดต่างๆ 5.กิจกรรมสถานบันเทิง เช่น ไนต์คลับ ผับ บาร์ 6.กิจกรรมที่จัดภายในโรงแรมต่างๆ เช่น การจัดประชุมสัมมนา งานเลี้ยงสังสรรค์ […]