สาระน่ารู้

Advertisement เชื่อสิค่ะ…ว่าการแต่งหน้า แต่งตัว สามารถทำให้คนดูเด็กหรือแก่ขึ้นได้ แค่เปลี่ยนนิดเดียวอาจจะกลายเป็นคนละคนได้เลยนะ Advertisement เทคนิคการแต่งหน้าก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ ที่หากใครรู้ คุณจะได้เปรียบคนอื่นอยู่เสมอ มาลองเรียนรู้วิธีการแต่งหน้าให้ดูหน้าเด็กตลอดกาลกันเถอะค่ะ   Angelina Korsakova ช่างแต่งหน้าชาวรัสเซีย ได้ออกมาเผย 7 เคล็ดลับดีๆ ในการแต่งหน้า ที่จะช่วยทำให้คุณผู้หญิงทั้งหลายดูเด็กลงได้ภายในพริบตา และใครๆก็สามารถทำตามได้ด้วยวิธีการง่ายๆ ใครอยากกระชากวัยต้องมาดูเลย…     1. ลงเมคอัพเบส เริ่มต้นที่สิ่งแรกเลย ก็คือ “การลงรองพื้น” ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการแต่งหน้า การใช้เมคอัพเบสเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะช่วยปรับใบหน้าของคุณให้ดูเป็นประกายอย่างเป็นธรรมชาติได้ นอกจากนี้ เมคอัพเบสยังช่วยแก้ไขและอำพรางริ้วรอยบนใบหน้าให้หน้าดูเรียบเนียนมากขึ้นได้อีกด้วย ด้วยเวทมนตร์ของมัน คุณจึงดูอ่อนเยาว์ลงอย่างไม่น่าเชื่ออย่างไรละค่ะ     2. ลงรองพื้นให้เนียน ต่อมาที่รองพื้น การใช้รองพื้นจะช่วยทำให้ผิวหน้าของคุณเรียบเนียน และช่วยปกปิดรอยด่างดำ รอยสิว รอยกระ ฯลฯ ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่ายิ่งใช้มากยิ่งดีเสมอ แต่ควรใช้ในปริมาณที่พอดี ไม่เช่นนั้นใบหน้าของคุณจะดูหนาเตอะ และกลายเป็นป้าแก่ๆได้   3. เขียนคิ้วให้เป๊ะ ส่วนสำคัญที่เปลี่ยนใบหน้าคุณได้อย่างไม่น่าเชื่อ ก็คือ […]

เชื่อว่าการขึ้นลิฟท์น่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนเคยสัมผัสกันมาแล้วทั้งนั้น โดยเฉพาะคนที่ต้องทำงานหรือพักอาศัยบนตึกสูง จะให้ขึ้นบันไดก็คงไม่ไหวแน่ๆ แล้วคุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าลิฟท์ตัวนั้นจะส่งคุณถึงที่หมายอย่างปลอดภัย เพราะเป็นไปได้ที่ลิฟท์ตัวนั้นจะเสียหรือตกลงสู่พื้นล่าง สื่อต่างๆ ไม่ว่าจะทั้งไทย และต่างประเทศต่างเคยนำเสนอเนื้อข่าวที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นภายในลิฟท์ทั้งสิ้น ซึ่งหากเกิดขึ้นในช่วงที่คุณไม่ทันตั้งตัว คุณก็อาจเสียชีวิตได้เลย   อย่างไรก็ตาม เรามี 4 วิธีที่สามารถเอาตัวรอดได้ หากคุณต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้จริงๆ ต้องทำอย่างไรบ้าง ตามมาดูกัน?     Eliot H. Frank วิศวกรวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology) ได้ออกมาเปิดเผย 4 วิธีการเอาตัวรอดจากลิฟท์ที่กำลังตก ดังนี้   1. อย่ากระโดดเป็นอันขาด เป็นไปได้ยากเหลือเกินที่คุณจะสามารถกระโดดในขณะที่ลิฟท์ตกอยู่กลางอากาศได้ และการกระโดดจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่า “ส่วนไหนของร่างกายจะตกลงพื้นก่อน” ดังนั้น หากอยู่ในสถานการณ์ที่ลิฟท์กำลังตก คุณต้องไม่กระโดดเป็นอันขาด ทั้งนี้มีการพิสูจน์ออกมาแล้วว่าการกระโดมเป็นอันตรายและไม่ควรทำอย่างมาก     2. อย่ายืนตัวตรง อย่าคิดว่าการยืนตัวตรงจะช่วยคุณให้รอดได้ เพราะการยืนตรงไม่ได้เป็นความคิดที่ดีสักเท่าไหร่ ทั้งนี้เพราะในขณะที่ลิฟท์กำลังตก มันจะทำให้น้ำหนักถูกทิ้งลงไปบนเข่าถึง 10 เท่าของน้ำหนักตัว ซึ่งนั่นอาจจะนำไปสู่อันตรายและเกิดการบาดเจ็บที่ร้ายแรงมากขึ้นได้   [ads] […]

ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า หญิงไทยแต่งงานน้อยลงหรือช้าลง โดยนิยมอยู่เป็นโสดมากขึ้น เนื่องจากมีการศึกษาที่สูงขึ้น ทำให้อัตราการเพิ่มประชากรไทยลดลงจากร้อยละ 2.7 ในปี 2513 ลดลงเหลือ ร้อยละ 0.4 ในปี 2558 ซึ่งหากไม่มีการดำเนินการใดๆ ภายใน 10 ปี อัตราการเพิ่มประชากรไทยจะเท่ากับ ร้อยละ 0.0 คือ อัตราการเกิดเท่ากับอัตราการตาย คือไม่มีจำนวนประชากรเพิ่ม เป็นที่มาให้กระทรวงสาธารณสุขดันโครงการส่งเสริมสาวไทยมีลูกเพื่อชาติ โดยเน้นใน 3 เรื่องคือ 1.การเพิ่มจำนวนการเกิดเพื่อทดแทนจำนวนประชากร ส่งเสริมการเกิดในหญิงอายุ 20-34 ปี ที่มีความพร้อมและตั้งใจที่จะมีครรภ์ 2.การเกิดทุกรายมีความพร้อม มีการวางแผน และได้รับความช่วยเหลือในการมีบุตร 3.ทารกเกิดมาอย่างแข็งแรง เติบโตอย่างมีคุณภาพ

เดี๋ยวนี้มีศัพท์ใหม่ที่วัยรุ่นชอบพูดกันติดปากว่า "นอยด์" ซึ่งหมายถึงอาการเบื่อหน่าย หงุดหงิด กังวล ฯลฯ แต่ในทางจิตวิทยาแล้ว ความหมายที่แท้จริงของคำว่า "นอยด์" เกี่ยวโยงไปถึงเรื่องความผิดปกติทางจิต [ads] "นอยด์" ย่อมาจาก "พารานอยด์" (Paranoid) ซึ่งเป็นอาการหวาดระแวงอย่างหนึ่งที่พบได้ทั้งในกลุ่มผู้มีความผิดปกติทางจิตและในคนทั่ว ๆ ไป ดร.แดเนียล ฟรีแมน นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยออฟซฟอร์ด และผู้เขียนหนังสือ Paranoia : The 21st Century Fear กล่าวว่า อาการพารานอยด์นั้นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ Non-Clinical คือ ความหวาดระแวงที่พบได้ในชีวิตประจำวัน หรือความระมัดระวังตัว ซึ่งไม่มีอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิต เช่น มีความวิตกกังวลสูง ไม่ไว้ใจใคร เชื่อว่าไม่มีใครเป็นมิตรกับเรา หวาดกลัวภัยอันตรายที่อยู่ใกล้ตัว รู้สึกว่าตัวเองถูกจับผิดมากกว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ Clinical คือ ความหวาดระแวงที่แสดงถึงโรคทางจิตเวช ซึ่งมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน เช่น คิดไปเองว่าจะมีคนมาทำร้าย หูแว่ว มักแยกตัวจากผู้อื่น ไม่สามารถแยกแยะความจริงกับจินตนาการได้ การใช้เหตุผลและความจำเสื่อมถอย […]

 ใครมั่นใจว่าตัวเองเป็นเซียนภาษาไทย ลองตอบหน่อยซิว่า คำต่อไปนี้เขียนถูกหรือผิดกันแน่จ๊ะ?…"สวัสดีคะ", "ไปไหนกันค่ะ", "ขอบคุณมากนะค๊ะ", "ไม่ทราบเหมือนกันคะ" [ads]    เอ…ประโยคเหล่านี้ดูแล้วก็ไม่น่าจะเขียนผิดตรงไหนเลยใช่ไหมคะ ใครให้คำตอบแบบนี้ ต้องมารื้อฟื้นความรู้ภาษาไทยเสียใหม่แล้วล่ะ เพราะคำพวกนี้เขียนผิดล้วน ๆ แถมสมัยนี้เรายังเห็นคนใช้ คะ ค่ะ นะคะ ผิดกันเป็นแถว ๆ (อ่านแล้วก็แอบขัดใจเนอะ) พอไม่มีใครทักท้วงก็เลยใช้ผิดกันจนชินไปเลย ขืนปล่อยไว้แบบนี้ ไม่ดีแน่ ๆ    ถึงเวลาต้องมาทำความเข้าใจกันใหม่แล้วล่ะจ้ะ ด้วยเคล็ดลับการเขียน คะ ค่ะ นะคะ แบบง่าย ๆ รับรองว่าใช้ได้ถูกต้องทุกสถานการณ์ ไม่สับสนแน่นอน    ก่อนอื่น หลายคนคงสงสัยว่า คำว่า คะ ค่ะ นะคะ เขียนอย่างไรถึงถูกต้องกันแน่ บางคนเขียน "ค๊ะ" ใส่ไม้ตรีก็มี ซึ่งใครที่สงสัยเรื่องนี้ ต้องย้อนกลับไปดูหลักภาษาไทยพื้นฐานสมัยประถมกันก่อนค่ะ โดยเฉพาะเรื่อง "อักษรสูง-อักษรต่ำ", "คำเป็น-คำตาย" และการผันวรรณยุกต์             ปกติแล้ว ที่เราผันวรรณยุกต์ 5 […]

 ตัวเลขมีพลังเกินกว่าที่เราจะตอบได้ว่าเป็นเพราะอะไร บางสิ่งบางอย่างก็ไม่สามารถอธิบายได้ แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่ไม่ควรลบหลู่ ในเรื่องของการบอกโชคชะตา ตัวเลขก็เข้ามาเกี่ยวพันกับชีวิตของเราเป็นอย่างมาก คุณเชื่อเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน วันนี้เรามีอีกหนึ่งพลังจากตัวเลขมาบอกกัน   ทุกคนที่เป็นคนที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายจะต้องมีเลขบัตรประชาชนติดตัวมาทั้งนั้น ซึ่งตัวเลขที่คุณได้มาตั้งแต่เกิดก็สามารถบ่งบอกถึงตัวตนของคุณได้ดีไม่แพ้กับเลขวันเกิด หรือเลขอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของคุณเลย เลขประจำตัวประชาชนบอกอะไรเราได้บ้าง? ตามมาหาคำตอบกันได้เลยค่ะ   ตัวเลขที่เราจะนำมาวิเคราะห์ คือ เลข 3 ตัวท้ายของบัตรประชาชน…มาดูซิว่าจะแม่นจริงแค่ไหน พิสูจน์เอาเองเลย     วิธีการ 1. การดูดวงความรักทำได้ง่าย ๆ เพียงหยิบบัตรประชาชนขึ้นมา 2. อ่านตัวเลข 3 ตัวสุดท้ายของบัตรประชาชน 3. นำตัวเลข 3 ตัวนี้มาบวกกันจนเหลือตัวเดียว   ยกตัวอย่าง เช่น  xxxxxxxxxx345 ก็ใช้ 3+4+5 = 12 จากนั้นแยก 12 เป็น 1+2 = 3   4. เมื่อเหลือตัวเลขตัวเดียว ก็นำเลขนั้นมาดูคำทำนายได้เลย   [ads] […]

น้ำเย็น ใครๆก็ชอบเพราะดื่มแล้วเย็นชื่นใจ แถมช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นจนหลายคนติดใจและติดการดื่มอะไรเย็นๆจนติดนิสัย แต่รู้หรือไม่ว่าการที่เราดื่มน้ำเย็น หรือเครื่องดื่มแช่เย็นเป็นประจำนั้น มีผลเสียต่อร่างกายหรือไม่ มากน้อยเพียงใด วันนี้เราจะพามาหาคำตอบกันค่ะ  ดื่มน้ำเย็นมีผลเสียต่อร่างกายอย่างไร การดื่มน้ำเย็นจัดในเวลาอันรวดเร็ว อาจทำให้เกิดอาการ brain freeze หรืออาการเย็นจี๊ดขึ้นสมอง ปวดศีรษะไปชั่วขณะได้ (คนที่เป็นโรคไมเกรนจะมีโอกาสเกิดอาการนี้ง่ายกว่าคนปกติ) โดยเป็นกระบวนการของสมองที่สั่งการส่งเลือดมาไหลเวียนที่หลอดเลือดบริเวณที่เย็นจัดอย่างเฉียบพลัน เพื่อทำให้หลอดเลือดบริเวณนั้นอุ่นขึ้น และขยายหลอดเลือดให้ใหญ่ขึ้น จนไปกระตุ้นประสาทส่วนที่รับรู้ถึงความเจ็บปวดไปด้วย จึงเกิดเป็นอาการปวดศีรษะโดยฉับพลันนั่นเองแต่ไม่ต้องห่วง อาการนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาที และไม่ส่งผลระยะยาวต่อร่างกายใดๆ ทั้งสิ้น แต่หากจะพูดถึงอันตรายต่อร่างกายในระยะยาว ก็มีเหมือนกัน การดื่มน้ำเย็นจัด จะทำให้ไตต้องทำหน้าที่กำจัดความเย็นออกจากร่างกายอย่างรวดเร็ว โดยการขับน้ำเย็นออกมาเก็บไว้ที่กระเพาะปัสสาวะ นอกจากไตจะทำงานหนักขึ้นแล้ว ความเย็นยังทำให้หลอดเลือดแข็งตัว ไม่ยืดหยุ่น เลือดข้นหนืด เคลื่อนตัวได้ช้าลง และลำบากมากขึ้น ทำให้มีคราบไขมัน และของเสียในเลือดไปเกาะตามผนังหลอดเลือด และอาจสะสมพอกพูนกลายเป็นโรคหลอดเลือดตีบ จนอาจเป็นสาเหตุของอาการผิดปกติของร่างกายดังต่อไปนี้ 1. ปัสสาวะบ่อยขึ้น และอั้นปัสสาวะไว้ได้ไม่นาน 2. ปวดหลัง ปวดเอวบ่อยๆ 3. ปวดเมื่อยตามร่างกาย โดยเฉพาะตามข้อต่างๆ เช่น เข่า ศอก นิ้วมือ ต้นคอ 4. ท้องอืด […]

การไม่มีโรคเป็นลาภประเสริฐ ยังคงใช้ได้ดีในปัจจุบัน ซึ่งจะเห็นได้จากซึ่งจะเห็นได้จากสังคมและวิธีการทานอาหารก็เปลี่ยนไปเพราะทุกคนจะหันมาให้ความสนใจในเรื่องการทานอาหารเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง โดยอาหารดำๆ ได้รับความนิยมมากในตอนนี้เพราะว่าช่วยให้สุขภาพดีได้ มาดูเลยว่ามีอะไรบ้าง 1. การรับประทานอาหารสีดำ เพื่อเพิ่มพลังงานให้สุขเช่นการเลือกทานอหารสีดำซึ่งมีประโยชน์จะเข้มขันมากกว่าการทานด้านโภชนาที่มีส่วนช่วยให้ระบบฮอร์โมนในเพศหญิงทำงานได้ดี มีความเป็นออร่าราศีจับ สวยวันสวยคืนไม่ว่าจะเป็น ผลไม้ตระกูลเบอรี่ และเป็นการกระตุ้นให้ขับถ่ายได้สะดวก หรือจะทานเฉาก๊วย แมงลัก งาดำ ที่มีไฟเบอร์ที่ช่วยในการขับถ่ายได้สะดวก 2. สุขภาพดีด้วยการควบคุมน้ำหนัก คือการควบคุมลักษณะนิสัยการกินที่ไม่ตามใจปาก ก่อให้เกิดการลดน้ำหนักไม่ว่าจะเป็นการการทานอาหารเพื่อสุภาพโดยไม่ต้องเพิ่งยาหรืออื่นยาลดน้ำหนักต่างๆ ควบคุมการทานอาหารประเภทของมันๆของทอด อาหารฟาสต์ฟู้ด นอกจากจะไม่มีประโยชน์ยังส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างมาก เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง รับประทานผักผลไม้เป็นประจำ โดยเฉพาะผลไม้สีดำอย่างแบล็คเบอรี่ 3. งดอาหารมื้อเย็น สำหรับคนที่ชอบเดินตลาดนัดในช่วงเย็นๆ เป็นไปได้ควรงดเดินเพราะมันจะทำให้เรานั้นลืมตัวซื้ออาหารของทานเล่นอย่างลืมตัวจนอ้วนขึ้นได้ แต่ก็สามารถทานธัญพืชสีดำอย่างถั่วดำได้เช่นกัน 4. สุขภาพดี ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อย่างที่ทราบกันมาว่าอาหารดีมีประโยชน์ต่อร่างกายและควรเป็นอาหารที่มาจากธรรมชาติไม่มีแป้ง น้ำมันมากเกินไป และเป็นสาเหตุหลักๆที่ให้ก่อเกิดโรคต่างตามมามากมาย น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วคุณก็จะกลายเป็นอ้วนไปอย่างไม่รู้ตัว หากทานอาหารในปริมาณที่พอเหมาะร่างกายนำไปสามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ก็จะทำให้ทุกส่วนร่างกายแข็งแรง หากเราต้องการทานข้าวก็ต้องเลือกข้าวสีดำ อย่างไรซ์เบอรี่หรือข้าวกล้องมาทาน 5. สุขภาพดีด้วยการออกกำลังกายไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะ ฟิตเนส แม้แต่การทำงานบ้านหรือที่ทำงานคุณก็สามารถออกกำลังกายได้ เพียงแค่ขยับร่างกายสักเล็กน้อยวันละ 20-30 นาที คุณก็จะช่วยร่างกายเผาผลาญได้ง่ายๆซึ่งจะดีกว่าคุณนั่งนิ่งๆหรือนอนสั่งเพียงอย่างเดียว วิธีการดูแลตัวเองคุณสามารถทำได้ทุกครั้งเมื่อมีโอกาส เว้นแต่เพียงบางสิ่งคุณอาจจะมองข้ามไปอย่างไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง  

สุดยอดอาหารมื้อหรู ที่เหล่าพระในวัดธรรมกายฉันท์ในแต่ละมื้อ อลังการราวกับอาหารในโรงแรมระดับ 5 ดาว จนขึ้นชื่อว่าเป็นภัตตาคารธรรมกายไปแล้ว หลังจากพระธัมมชโย โดนประกาศจับในกรณีฟอกเงิน จนโดนเข้าจับกุมแต่ว่าเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่สามารถจับกุมได้ พร้อมกับยังมีกองทัพเหล่าบรรดาศิษยานุศิษย์ เป็นเกราะกำบัง ไม่ให้เข้ากุมพระธัมมชโย และที่สำคัญ ยังมีการอ้างอีกว่า ไม่มีใครเคยเจอพระธัมมชโยมาเป็นปีๆแล้ว   ล่าสุดมือดี ได้ปล่อยภาพอาหารแต่ละมื้อในภัตตาคารธรรมกาย หรือว่าอาหารในวัดพระธรรมกาย ที่การันตีความหรูหราเทียบเท่าภัตตาคารอาหารในโรงแรมระดับ 5 ดาว ซึ่งยิ่งทำให้มีการจับตามองมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม   สำหรับอาหารที่ว่าหรูหรานั้น ก็จะมีการจัดใส่ภาชนะแก้วและภาชนะอื่นๆ ที่มีความหรูหรา แตกต่างจากวัดทั่วๆไปที่ใช้ภาชนะธรรมดาๆ เช่น จาน ช้อน ถ้วยธรรมดาๆ แต่ว่าที่วัดธรรมกาย กลับไม่ธรรมดาเหมือนวัดอื่นๆ เพราะว่ามีทั้งโหลแก้ว ใส่ขนมประเภท เยลลี่, , ท็อฟฟี่, ขนมหวานต่างๆ, ขนมเค้กลายโปเกม่อน, ลูกอมหลากสีสัน, อาหารซีฟู้ด, เบค่อน, แฮม พร้อมกับตกแต่งโต๊ะอาหารและภาชนะใส่อาหารอย่างหรูหรหา ราวกับจัดงานภายในโรงแรมยังไงยังงั้น จนทำให้เป็นประเด็นว่า " วัดต้องมีอาหารขนาดนี้เลยเหรอ ? " ทำไมไม่เป็นอาหารธรรมดาๆเหมือนวัดอื่นๆ แต่สุดท้ายก็มีเหล่าศิษยานุศิษย์ออกมาเผยว่า อาหารเหล่านี้ มีคนจัดที่ตั้งใจทำถวายพระ […]

หากเพื่อนๆนั้นมีปัญหาเดี่ยวกับความไวเมาส์ เนื่องจากเมาส์เลื่อนช้าไป หรือเมาส์เลื่อนไวไป สามเหตุมาจากการเปลี่ยนเมาส์ใหม่หรือไปไช้เมาส์ของเครื่องคอมพิวเตอร์อื่น เป็นต้น ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่าปกติแล้วเมาส์นั้นจะมีค่า DPI(ค่าความไวต่อการขยับเมาส์ต่อตารางนิ้ว) อยู่แต่ะลตัวเฉพาะ ซึ่งก็หมายความว่าเพื่อนอาจจะชินกับค่า DPI ของเมาส์ที่ใช้อยู่ประจำแต่พอไปใช้เมาส์ตัวอื่นก็อาจจะรู้สึกว่าทำไมเมาส์ตัวนี้ทำไมเลื่อนไวไป หรือช้าไปนั่นเอง ซึ่งวิธีแก้ไขนั้นไม่ยาก สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้ [ads] วิธีตั้งค่าความไวเมาส์ 1.เข้าไปที่ Control Panel เลือก View by เป็นแบบ Large icons แล้วคลิกที่เมนู Mouse ดังรูปข้างล่าง 2.เราจะพบหน้าต่าง Mouse Properties ซึ่งให้คลิกที่แถบเมนู Pointer Options จากนั้นก็จะเห็นหัวข้อ Motion ให้เลื่อนแถบเพื่อปรับความไว แล้วคลิก OK ขอบคุณเนื้อหาจาก:http://itnews4u.com