นายสุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลได้มุ่งส่งเสริมให้คนทุกกลุ่มในสังคมได้มีอาชีพสร้างรายได้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะกลุ่มคนผู้พิการและจากคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 58/2559 ลงวันที่ 14 กันยายน 2559 เรื่อง การรับบริการสาธารณสุขของคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและกฎหมายว่าด้วยประกันสังคมที่กำหนดให้กองทุนประกันสังคมโอนสิทธิผู้พิการที่เป็นผู้ประกันตนตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม ไปใช้บริการสาธารณสุขตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสังคมแห่งชาติ (บัตรทอง)
[ads]
นายสุรเดช กล่าวต่อไปว่า จากการดำเนินงานพบว่ามีคนพิการที่เป็นผู้ประกันตนและถูกโอนสิทธิไปใช้บริการสาธารณสุขตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้เรียกร้องขอกลับมาใช้บริการสาธารณสุขตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม เนื่องจากไม่ได้รับความสะดวก ดังนั้น สำนักงานประกันสังคมจึงได้แก้ไขปัญหาการใช้สิทธิ เพื่อให้คนพิการมีโอกาสเลือกสิทธิตามความสะดวก และได้ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับคนพิการที่เป็นผู้ประกันตนสามารถเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลของรัฐได้ทุกแห่ง โดยสำนักงานประกันสังคมจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ให้กับสถานพยาบาลของรัฐที่ให้บริการผู้พิการที่เป็นผู้ประกันตน ดังนี้
1. ผู้พิการที่เป็นผู้ประกันตน และใช้สิทธิบริการทางการแพทย์ของประกันสังคม (สิทธิเท่าเทียมกับผู้ประกันตนทั่วไป) ให้ใช้สิทธิผ่านโรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิ
2. ผู้พิการที่เป็นผู้ประกันตน แต่ยังใช้สิทธิบริการทางการแพทย์ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้สำนักงานประกันสังคมจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ให้กับสถานพยาบาลของรัฐที่ให้บริการผู้พิการที่เป็นผู้ประกันตนฯ ในอัตราเดียวกับ สปสช. โดยกรณีเป็นผู้ป่วยนอกให้เบิกได้เท่าที่จ่ายจริง
“ผู้พิการที่เป็นผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมสามารถเข้ารับบริการสาธารณสุขตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสังคม และสามารถขอรับสิทธิประโยชน์กรณีอื่นจากสำนักงานประกันสังคมได้เช่นเดิม ส่วนกรณีที่สถานประกอบการได้มีการจ้างผู้พิการรายใหม่เข้าทำงาน สามารถขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน พร้อมแสดงหลักฐานเอกสารบัตรประจำตัวคนพิการหรือเอกสารรับรองคนพิการของลูกจ้าง จากกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ หรือสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ” นายสุรเดช กล่าวในตอนท้าย
ขอบคุณเนื้อหาจาก:สำนักงานประกันสังคม [online]www.sso.go.th
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ