เทคนิคการเอาตัวรอด เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ตกน้ำ นี่คือวิธีเอาตัวรอดที่ถูกต้อง





ในแต่ละปีสถิติการเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ตกน้ำ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุนี้ไม่น้องเลยทีเดียว ฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องรู้วิธีการเอาตัวรอดที่ถูกต้อง เพื่อที่หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น เราจะสามารถช่วยเหลือตนเองและผู้อื่นได้ อุบัติเหตุรถยนต์จมน้ำ ส่วนมากผู้ที่เสียชีวิตมีสาเหตุมาจากการขาดอากาศหายใจ เพราะแรงดันน้ำจากภายนอกที่ทำให้ไม่สามรถเปิดประตูรถแล้วหนีออกมาได้ หากเกิดอุบัติเหตุรถยนต์จมน้ำ อาจโชคดีเมื่อมีผู้เข้ามาช่วยเหลือได้ทันท่วงที แต่ถ้าไม่มีจะมีวิธีช่วยเหลือตัวเองได้อย่างไรบ้างไปดูกันเลยค่ะ

เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ตกน้ำต้องทำอย่างไร ?
อันดับแรกสำคัญที่สุดคือการตั้งสติ ต้องตั้งสติให้ได้ อย่าตกใจจนไม่มีสติ เพราะอาจทำให้เสียชีวิตได้ และให้พึงระลึกไว้เสมอว่า เรายังพอมีเวลาที่จะทำอะไรหรือแก้ไขอะไรได้ เพราะรถยนต์ส่วนบุคคลสมัยนี้เกือบ 100% มักจะปิดกระจกในขณะขับขี่ ดังนั้นรถจึงจะไม่จมลงในทันที แต่จะค่อยๆ จมลงอย่างช้าๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 17 – 20 วินาที

วิธีการเอาตัวรอดที่ถูกต้อง (หนังสือนาวิกศาสตร์ ปีที่ 93 เล่มที่ 11)

1. อันดับแรกสำคัญที่สุด ต้องตั้งสติให้มั่น (จะมัวนั่งนับหนึ่งถึงสิบไม่ได้ เพราะเวลาจะหมดไปโดยเปล่าประโยชย์) คิดง่ายๆ ว่า 'มันไม่ยากเกินไปที่จะแก้ไขเมื่อมีสติ' 

2. ขณะที่รถยนต์กำลังเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่จะตกน้ำ อย่าปลดเข็มขัดนิรภัยออกจนกว่ารถจะหมดแรงกระแทก หลายคนเมื่อเห็นว่ารถกำลังเคลื่อนที่จะลงน้ำก็จะปลดเข็มขัดนิรภัยออกในทันที ซึ่งกรณีนี้อาจทำให้ศีรษะไปกระแทกจากแรงประทะของผิวน้ำได้

3. ทันทีเมื่อรถยนต์นิ่งสงบอยู่ในน้ำ ไม่ควรเปิดประตูรถเพราะแรงดันน้ำจากภายนอกจะทำให้ไม่สามารถเปิดประตูได้ (จนท.ตำรวจสหรัฐได้พิสูจน์ความจริงข้อนี้แล้วว่าจากการนำรถยกห้อยรถในน้ำไว้ครึ่งคัน แล้วให้ตำรวจทั้งที่อยู่ในและนอกรถลองพยายามเปิดประตูรถ ก็ไม่สามารถกระทำได้)

4. ขณะที่น้ำเข้ารถให้ออกทางหน้าต่างเท่านั้น โดยลดกระจกลง ถ้าแบบมือหมุน (MANUAL) ยังมีเวลาพอ แต่ถ้าเป็นกระจกไฟฟ้าจากสถานการณ์จำลองพบว่า แม้รถจะจมอยู่ในน้ำระบบไฟฟ้าต่าง ๆ ก็ยังสามารถใช้งานได้ดีอีกประมาณ 10 นาที แม้เครื่องยนต์จะดับ ไม่ต้องกลัวไฟช็อต เพราะในรถยนต์จะใช้ไฟกระแสตรง (D.C.) ไม่เหมือนไฟบ้านที่เป็นกระสลับ (A.C.) ซึ่งเมื่อโดนน้ำแล้วช็อตเลย ฉะนั้นในรถยนต์จะไม่มีการช็อต การทำงานของกระจกไฟฟ้าไม่กี่วินาทียังพอมีเวลาที่จะทำงานได้

5. สูดลมหายใจให้เต็มที่และค่อยๆ เอาตัวออกที่ช่องหน้าต่าง ถึงแม้ช่วงที่เอากระจกลงจะมีน้ำไหลเข้ามาในรถก็ตาม ตัวเราก็สามารถว่ายน้ำออกทางหน้าต่างได้ ไม่ต้องห่วงข้าวของมีค่า ถ้ามีผู้โดยสารมาด้วยก็บอกให้กระทำเช่นเดียวกัน หากมีเด็กให้หนีบเด็กนั้นออกมากับตัวท่านได้อีกหนึ่งคน แม้เวลาแค่เสี้ยววินาทีก็ต้องรีบกระทำ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

6. กรณีไม่สามารถออกทางหน้าต่างได้ (เปิดหน้าต่างไม่ได้) ไม่ว่าสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ ข้อควรปฏิบัติคือให้ปลดล็อกประตูที่เป็นทางออก (MANUAL) ถ้าเป็นประตูไฟฟ้าก็ต้องกดปลดล็อก (เหตุผลเดียวกับข้อ 4) เมื่อน้ำเข้ามาในรถมากพอเกือบถึงหลังคา หลังความดันภายนอกและภายในรถใกล้เคียงกันแล้วก็ให้ผลักบานประตูออกให้กว้างสุด แล้วนำตัวออกจากห้องโดยสารของรถได้ ท่านอาจจะปล่อยตัวให้ลอยขึ้นเหนือน้ำตามธรรมชาติ หรือจะว่ายขึ้นมาก็ได้ ในกรณีหากน้ำลึกมาก ๆ อาจจะมองไม่เห็นว่าทิศใดเหนือหรือใต้น้ำ เพราะว่ามืดไปหมด ไม่ควรใช้วิธีว่ายน้ำ เพราะอาจว่ายน้ำไปทางทิศที่ไม่ขึ้นเหนือน้ำ ในกรณีนี้ควรปล่อยให้ตัวลอยขึ้นตามธรรมชาติ หรือลองเป่าอากาศดูฟองว่าลอยขึ้นทางทิศใด ก็ให้ว่ายไปทางทิศของฟองอากาศลอยไป เช่นนี้แล้วจะไม่มีอาการหลงน้ำ

ชมวิดิโอสาธิตเทคนิคการเปิดประตูเมื่อรถจมน้ำ

7.เมื่อไม่สามารถเปิดประตูหรือลดกระจกลงได้เนื่องจากเกิดแรงกระแทกและชน (เกิดอุบัติเหตุ) ก่อนรถจะตกน้ำ ขั้นตอนต่อไปควรหาของแข็งมาทุบกระจกเครื่องมือประจำรถที่เหมาะสมที่สุด คือ เหล็กขันน็อตที่มีอยู่ในถุงอะไหล่ รถกระบะทุกชนิดไม่ว่าสี่ประตู หรือ CAB จะเก็บถุงเครื่องมือไว้ใต้เบาะหลัง หรือส่วนที่อยู่ในเก๋งด้านหลัง ส่วนรถเก๋งต้องหาวัสดุที่เป็นเหล็กหรือของแข็งพอที่จะทุบให้กระจกแตกได้ กระจกที่เลือกทุบมีหลักอยู่ว่ากระจกหน้าหลังจะเป็นกระจกนิรภัยออกแบบให้แตกยาก ควรทุบกระจกด้านข้างเมื่อสู้แรงดันน้ำได้ หรือ ให้แรงดันน้ำในและนอกใกล้เคียงกันแล้วให้นำตัวออก มีความเป็นไปได้กรณีไม่สามารถทุบกระจกข้างให้แตกได้ เพราะแรงดันน้ำภายนอก วิธีต่อไปให้เลือกทุบกระจกหลังเพราะเป็นส่วนที่จมน้ำหลังสุด (เพราะส่วนหัวจะจมก่อน)

8.อย่าตามอากาศอย่างเด็ดขาด การเสียชีวิตเนื่องจากติดอยู่ในรถก็เพราะผู้เสียชีวิตพยายามตามอากาศที่ไหลไปรวมกันอยู่หลังรถ เพราะหน้ารถพุ่งลงน้ำ(เครื่องยนต์อยู่ด้านหน้า) หัวรถจะจมน้ำก่อนแล้วท้ายรถก็จะโด่งขึ้นอากาศจึงไหลไปรวมกันที่นั่งหลัง อากาศที่อยู่หลังรถดูเหมือนจะมีให้หายใจได้ แต่เมื่อจมลงไปเรื่อย ๆ ตัวรถจะเริ่มตั้งฉากอากาศจะถูกบีบออกทางกระโปรงหลังภายในไม่กี่นาที

9.การตัดสินใจปฏิบัติตามขั้นตอน ควรทำอย่างรวดเร็วเพราะไม่สามารถทายได้ว่าก้นน้ำจะมีความลึกมากแค่ไหน ภูมิประเทศใต้น้ำอย่างไร ถ้าเป็นโคลนโอกาสรอดก็จะมีน้อยทีเดียว

สรุปวิธีเอาตัวรอดสั้นๆ ดังนี้
หากเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ตกน้ำลึก ทันทีเกิดอุบัติเหตุต้องตั้งสติ และสิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำโดยเร่งด่วน คือ เปิดกระจกหน้าต่างให้ได้ เมื่อรถเริ่มนิ่งแล้วให้ปีนออกมาทางช่องหน้าต่าง แต่หากเปิดไม่ได้ก็ต้องทุบกระจก เนื่องจากว่าเมื่อรถเริ่มจมลงไป แรงดันของน้ำจะดันประตูทำให้เปิดยาก หรืออาจเปิดไม่ได้เลย ฉะนั้นทางออกจากรถที่เหลือจึงเป็นทางกระจกเท่านั้น หากไม่สามารถเปิดกระจกหรือทุบกระจกได้ ถ้าตอนนั้นน้ำเข้ามาในรถยังไม่ถึงครึ่งคันคุณก็ยังมีโอกาส แต่ถ้าเปิดไม่ออกจริงๆให้เก็บแรงไว้ รอจังหวะให้น้ำไหลเข้ามาในรถจนเกือบเต็มหลังคา เพื่อให้แรงดันภายในและภายนอกไกล้เคียงกันจะช่วยให้เปิดประตูได้ง่ายขึ้น จังหวะนี้ให้รีบเปิดประตูให้กว้างที่สุดแล้วรีบเอาตัวออกมาจากรถ ซึ่งหากเปิดไม่ถูกจังหวะจะต้องใช้แรงมากและใช้เวลามากเช่นกัน ฉะนั้นโอกาสในการรอดชีวิตอาจน้อยลงหากรถจมน้ำแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดประตูรถได้

ชมคลิปวิดิโอสาธิต

วิดิโอสาธิตการเอาตัวรอดจำลองเหตุการณ์จริง (ทุบกระจกโดยใช้อุปกรณ์)

เรียบเรียงโดย : Thaijobsgov.com
ขอบคุณเนื้อหาจาก : http://www.navy29.com, 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: