ดูกันชัดๆ…สิทธิประโยชน์ตรวจสุขภาพฟรี ไม่ใช่ว่าใครก็ใช้ได้…ศึกษาให้ดีก่อนไปใช้สิทธิ!





หลังจากที่ทราบว่าสำนักงานประกันสังคมจะออกสิทธิประโยชน์ตรวจสุขภาพให้กับผู้ประกันตนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นต้นไป หลายคนก็เริ่มสนใจในเรื่องนี้ แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่ก็ยังไม่ทราบถึงรายละเอียดที่ชัดเจน วันนี้เราเอาข้อมูลที่ว่านี้มาฝากกันค่ะ

 

สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ออกสิทธิประโยชน์ตรวจสุขภาพให้กับผู้ประกันตนแบ่งเป็นช่วงอายุตามความจำเป็น ดังต่อไปนี้

 

 

รายละเอียดที่สำคัญเช่น  

 

 ตรวจร่างกายตามระบบทั่วไป 

1.การคัดกรองการได้ยิน Finger Rub Test ผู้ประกันตนอายุ 15 ปีขึ้นไป โดยให้ตรวจได้ 1 ครั้งต่อปี

2.การตรวจเต้านมโดยแพทย์หรือบุคลากรสาธารณสุข ผู้ประกันตนอายุ 30-39 ปี ความถี่ตรวจได้ทุก 3 ปี อายุ 40-54 ปี ตรวจทุกปี อายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจตามความเสี่ยง

3.การตรวจตาโดยความดูแลของจักษุแพทย์ ผู้ประกันตนอายุ 40-54 ปี ตรวจได้ 1 ครั้งต่อปี อายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจทุก 1-2 ปี

4.การตรวจด้วยสาขา Snellen eye Chart ผู้ประกันตนอายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจได้ 1 ครั้งต่อปี

 

การตรวจทางห้องปฏิบัติการ

1.ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด CBC ผู้ประกันตนอายุ 18-54 ปี ตรวจ 1 ครั้ง อายุ 55-70 ปี ตรวจ 1 ครั้งต่อปี

2.การทำงานของไต ผู้ประกันตนอายุ 55 ปี ตรวจ 1ครั้งต่อปี

3.ไขมันในเส้นเลือดชนิด Total HDL cholesterol ผู้ประกันตนอายุ 20 ปี ตรวจทุก 5 ปีขึ้นไป

 

การตรวจอื่นๆ

1.เชื้อไวรัสตับอักเสบ HBsAg ตรวจ 1 ครั้ง

2.มะเร็งปากมดลูก Pap Smear ผู้ประกันตนอายุ 30-54 ปี ตรวจทุก 3 ปี อายุ 55 ปีขึ้นไปตรวจตามความเหมาะสม หรือ

3. ตรวจมะเร็งปากมดลูกวิธี VIA ผู้ประกันตนอายุ 30-54 ปีขึ้นไปตรวจทุก5 ปี อายุ 55 ปีขึ้นไป แนะนำให้ตรวจแปปสเมียร์

4.ตรวจเลือดในอุจจาระ FOBT ผู้ประกันตนอายุ 50 ปีขึ้นไป ตรวจ 1 ครั้งต่อไป

5. การเอ็กซ์เรย์ทรวงอก Chest x–ray ผู้ประกันตนอายุ 15 ปีขึ้นไป ตรวจ 1 ครั้ง

 

เพราะ สปส.เล็งเห็นความสำคัญของการตรวจสุขภาพของผู้ประกันตน สปส.จึงได้จัดทำข้อกำหนดในการตรวจสุขภาพของผู้ประกันตนกว่า 12 ล้านคนขึ้นมา โดยขณะนี้ทางคณะกรรมการแพทย์ได้ลงนามแล้ว โดยยังอยู่ระหว่างประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งกำหนดไว้ว่ามีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560

 

[ads]

 

ผู้ประกันตนทุกคนที่เข้าเกณฑ์สามารถเข้ารับบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคโดยการตรวจสุขภาพได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่ต้องรับบริการในโรงพยาบาลตามสิทธิที่ผู้ประกันตนได้เลือกเอาไว้เท่านั้น

 

โดยเบื้องต้นคาดว่าโครงการนี้ในปีแรกจะใช้งบประมาณทั้งหมดประมาณ 1,500-1,800 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเงินลงทุนที่ค่อนข้างสูงมาก แต่ก็น่าจะสามารถปฏิวัติวงการการแพทย์ไทยให้มีความพร้อมในการรับมือกับผู้ประกันตนได้ และคาดว่าจะมีการพัฒนาให้ดีขึ้นมากไปกว่าเดิมในทุกๆปี

 

นโยบายนี้น่าจะช่วยให้คนไทยมีสุขภาพที่แข็งแรงมากขึ้น เพราะได้เริ่มต้นป้องกันตัวเองตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ป่วย และน่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาบลงไปได้ เพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทยทุกคน

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://www.topicza.com/news26739.html

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: