คนไข้โวย! ค่ายา รพ.เอกชนดังเกินจริงไป7000% ถามชาวเน็ตร้องเรียนที่ไหนได้บ้าง?





เป็นที่ทราบกันดีว่า รพ.เอกชน มักจะมีค่ารักษาพยาบาลที่แพงกว่า รพ.รัฐ แลกกับความสะดวกสบายทุกอย่างที่เหนือกว่ารัฐ ตามประสาการบริหารงานที่อิงเอกชนเป็นหลัก ไม่ต้องมีขั้นตอนทางราชการให้วุ่นวายมาก จึงเป็นธรรมดาที่คนไข้หลายคนจะยอมจ่ายแพงกว่า เพื่อสิ่งที่โดยรวมแล้วคุ้มค่าดี

แต่สำหรับชาวพันทิป สมาชิกหมายเลข 2899645 เธอกลับรู้สึกว่า รพ.เอกชนแห่งหนึ่งเอาเปรียบคนไข้มากเกินไป ยิ่งมาคำนวณค่ายา-เวชภัณฑ์ดีๆ เทียบกับทั่วไปแล้ว เธอพบว่า รพ.เอกชนดังกล่าวชาร์จราคาแพงกว่าทั่วไปถึง 7,000% เธอจึงตั้งกระทู้หารือกับชาวเน็ตว่าแบบนี้จะร้องเรียนได้ที่ไหน เพราะมันไม่เป็นธรรมกับคนไข้จริงๆ

โดยเธอได้เล่าว่า …

เราเป็นหนึ่งคนที่ไว้วางใจใช้บริการกับโรงพยาบาลกรุงเทพ แต่แล้วก็ต้องผิดหวังมากถึงมากที่สุด เพราะรู้สึกได้ถึงความไม่เป็นธรรมละการรับปากจากเจ้าหน้าที่ว่าจะรักษาสิทธิให้การลูกค้าภายหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

1.เราได้มาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเป็นระยะตั้งแต่เริ่มต้น แต่เราไม่เคยได้รับข้อมูลกับสิทธิต่างๆ จากโรงพยาบาลเลย อาทิเช่น "บัตรชีววัฒนะ" แต่เราต้องไปได้รับข้อมูลต่างๆจากคนภายนอก จนเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อดิฉันเกิดเคสฉุกเฉินเนื่องจากการคลอดก่อนกำหนด มีค่าใช้จ่ายในวันแรกสูงมากๆ จนทำให้บุคคลภายนอกแนะนำให้ดิฉันไปสมัครบัตรดังกล่าว หลังจากนั้นทางเราได้ไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ว่าเนื่องจากเราไม่ได้รับคำแนะนำต่างๆเหล่านี้จากทางโรงพยาบาล จึงของทวงสิทธิที่ตัวเองเสียไปว่า ให้ช่วยนำส่วนลดดังกล่าวนี้ครอบคลุมไปถึงวันแรก ทางเจ้าที่ได้รับปากกับทางเราว่า ให้เรามีชำระเงินส่วนดังกล่าวแล้วทางโรงพยาบาลจะพิจารณาละติดต่อกลับมาเพื่อให้เราได้รับสิทธิดังกล่าว แต่เมื่อเวลาผ่านมาเราไม่เคยได้รับการติดต่อจากทางโรงพยาบาลเลยตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

2.ค่ายาและเวชภัณฑ์ที่ทางโรงพยาบาลได้คิดเกินราคาถึง 7000% อาทิเช่น
– ค่ายา magnesium sulfate 50% (2ml) ในราคาตัวนี้ ปกติราคา 300 บาทเท่านั้น ตามราคากลางของ บัญชียาหลักแห่งชาติ
http://drug.fda.moph.go.th:81/nlem.in.th/medicine-price?index=M แต่ทางโรงพยาบาลคิดค่ายาดังกล่าวในราคา =21,956 บาท (ยาตัวนี้คุณหมอให้เรา ตอนที่เจ็บท้องจะคลอด เพื่อยับยั้งการคลอด แต่สุดท้ายถุงน้ำคร่ำแตกก่อน)
– ค่าsyringe ในปกติราคา ไม่เกิน 10 บาท แต่ราคาโรงพยาบาลคิดถึง 500 บาทต่ออัน 

bh_1

bh_2

ซึ่งทำให้เห็นและรู้สึกได้ว่าเราโดนทางโรงพยาบาลใช้ความจำเป็นของคนไข้ ละความไม่รู้ละตรวจเช็คของคนไข้คิดราคาเกินควร (ทั้งนี้ยังมีรายละเอียดอื่นๆอีกมากมายที่คิดราคาเกินควรเช่นนี้)

3. การบริการที่ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดคิด เมื่อระยะเวลาที่อยู่ รพ.ได้มีการสอบถามกับทางพยาบาลเกี่ยวกับยาดังกล่าวว่าทำไมราคามันสูงเกินกว่าข้อมูลที่ได้รับมา ทางพยาบาลได้แต่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจว่า ราคาที่ รพ.ก็แบบนี้จะให้มาเท่ากับโรงพยาบาลรัฐไม่ได้หรอกนะ ทางเราได้ชี้แจงไปแล้วว่า เราเข้าใจว่าทาง รพ.เอกชนและการมาใช้บริการเราพร้อมยอมรับแต่เพียงแต่ว่าไม่คาดคิดว่าที่เคยมีข่าวร้องเรียนว่า รพ.เอกชนคิดค่ายาเกินเหตุจะเกิดขึ้นกับตัว และจะเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลกรุงเทพนี้ ยังไม่รวมค่าลูกเราที่นอน รพ.ไป 4วัน ค่าใช้จ่ายครึ่งล้านเข้าไปแล้ว เพื่อนๆ พอมีคำแนะนำว่า เราควรทำยังไงดีคะ

หลังจากที่เธอโพสต์กระทู้ไปก็มีหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก บางความคิดเห็นก็บอกว่าโหดเกินไปจริงๆ อีกทั้งมีพิรุธด้วย เพราะไม่ได้บอกปริมาณยาในใบเสร็จว่าได้ใช้ไปเท่าใด บางความคิดเห็นก็ย้อนกลับมาถามเธอว่า เธอก็น่าจะรู้แต่แรกอยู่แล้วว่า รพ.เอกชนมีค่าใช้จ่ายที่แพงมาก บางความคิดเห็นก็เสนอว่าเธอควรจะติดต่อกับทาง รพ.โดยตรงให้ชี้แจงข้อเท็จจริงให้หายสงสัยไปเลย ไม่ใช่การตั้งกระทู้ถามเช่นนี้ 

เธอจึงชี้แจงอีกครั้งในความคิดเห็นที่ 21 และ 62 เพื่อเป็นการไขข้อสงสัยให้หลายความคิดเห็นที่เข้ามาแสดงในเชิงแย้งว่า …

ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกๆ ความคิดเห็นที่เข้ามานะคะ เราเข้าใจว่า ทุกอย่างต้องมีต้นทุน และต้องแลกมา มีหลายคนตั้งคำถามว่า ทำไมถึงมาบ่นว่าแพง ทั้งๆ ที่ตอนเข้าก็ต้องรู้ว่าราคาค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ แต่สิ่งที่เราออกมาพูดในตอนนี้คือประเด็นที่ว่า เราได้มีการคุยกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลได้ตอบรับเป็นอย่างดี และจะติดต่อกลับ

แต่พอหลังจากนั้นเกิดการนิ่งเฉยจากทางโรงพยาบาล และเรื่องของยาที่คิดราคาเกินควร (รพ.เอกชนคิดว่าตัวเองเน้นเรื่องการบริการอย่างเดียว?) ถึงคิดว่าจะตั้งราคาเท่าไหร่ก็ได้ เพราะคนไข้ส่วนใหญ่ไม่มีความรู้เรื่องยาใช่หรือไม่? หรือคนไข้ส่วนใหญ่ไม่ได้มีการตรวจสอบค่าใช้จ่ายก่อนออกจริงรึเปล่า? เราเลยออกมาตั้งคำถามว่า รพ.เอกชนนั้น อยากตั้งราคายาเท่าไหร่ก็ได้เพียงเพราะต้องการขายบริการอย่างเดียว และอาศัยความจำเป็นของผู้ป่วยในการคิดราคาเกินควรอย่างนั้นหรอคะ 

ยกตัวอย่าง ที่ให้เห็นภาพอย่างชัดเจนคือ เรื่องของตัวยาmagnesium sulfate (ที่เคยเป็นข่าวเรื่องการร้องเรียนว่ารพ.เอกชนตั้งราคาเกินควร) ที่นี่ก็ยังคงตั้งราคาเกินควรอยู่ อย่างตอนนั้นที่เป็นข่าวคือ ยาตัวนี้ตามหลักความจริง ราคาขายอยู่ 50 amp 300 บาท รพ.ขายเราในราคา 44 amp ในราคา 21,000บาท จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยทำให้มองย้อนถึงข่าวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ว่า ตอนนี้มันเกิดขึ้นกับตัวเองเราควรทำเช่นไร เข้าใจค่ะ เราเลือกเข้า รพ.เอกชนเพราะเรื่องของความไว้ใจ การต้องการบริการ แต่เราก็ไม่ได้อยากรู้สึกว่าตัวเองโดนเอาเปรียบเช่นกัน

ก่อนอื่นต้องชี้แจงให้ชัดเจนอีกครั้งว่า เราไม่ได้ร้องเรียนเพื่อต้องการเงินคืนจาก รพ. แต่เราต้องการให้คนอื่นที่ใช้บริการรับรู้ว่า โรงพยาบาลเขาจะสามารถคิดค่ายาเกินควรได้ในราคาที่ไม่สมเหตุสมผลอย่างงั้นหรือคะ? อย่างต่อมาคือเรื่องของการรักษาสิทธิของคนไข้อีกด้วย เพราะมันมองได้ถึงความใส่ใจในคนไข้ เราใช้บริการ รพ.กรุงเทพเพราะเราไว้ใจ รพ.แต่แรกใช่ค่ะ แต่สิ่งที่ได้รับเป็นแบบนี้ เลยยิ่งทำให้เสียความรู้สึกมากกว่าเดิมเข้าไปอีก เพราะความไว้ใจมากและได้ผลตอบแทนแบบนี้ ยังมีถึงเรื่องการที่เราคิดว่ามีการตรวจรักษาที่ผิดวิธีของเราละลูกๆ ของเราจากทาง รพ.อีกด้วย แต่ที่ยังไม่ได้ลงรายละเอียดในส่วนนี้เนื่องจากว่า ตอนนี้อยู่ในช่วงการตรวจสอบอยู่คะ พร้อมทั้งกำลังขอเอกสารจากอีกรพ.เพื่อยืนยันผลการรักษา แต่เราขอย้ำนะคะ ว่านี่คือเรื่องของการเตือนให้คนอื่นทราบ ไม่ใช่เรื่องของการเงินที่ต้องการเรียกร้องอะไรค่ะ อยากให้มองถึงเรื่องของสภาพจิตใจคนเป็นแม่ ที่ต้องมาเห็นสภาพลูกตัวเองที่ย่ำแย่แค่ไหนมากกว่าค่ะ ถ้าเป็นเรื่องของการรักษาที่ผิดพลาดจริง มันจะยิ่งช้ำใจมากขนาดไหน

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ากระทู้นี้กระผ่านมาหลายเดือนแล้ว ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัดนอกจากการถกกันในกระทู้จากหลายความคิดเห็น แต่ก็เป็นกระทู้ที่เตือนใจได้ดีว่าเรื่องของสุขภาพ หากวางแผนไว้ล่วงหน้าด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ทำประกันสุขภาพ, เก็บออมเงินไว้แต่เนิ่นๆ อาจช่วยแบ่งเบาภาระได้ในระดับหนึ่ง เพราะหากถึงเวลาเจ็บป่วยจริงๆ ไม่ว่าจะ รพ.เอกชน หรือ รพ.รัฐ เราอาจช้ำใจกับค่าใช้จ่ายมากๆ แต่จะมากน้อยเท่าใด ก็ขึ้นกับประเภทสถานพยาบาล และอาการของโรคที่เกิดขึ้น

คลิกที่นี่หากต้องการเข้าสู่กระทู้ต้นเรื่อง
เพื่ออ่านความคิดเห็นทั้งหมด

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: