จากการตรวจสอบของตำรวจ คาดว่า กลุ่มคนร้ายมีความเชี่ยวชาญและมีความรู้เกี่ยวกับตู้เอทีเอ็มของธนาคารเป็นอย่างดี ก่อนปล่อยไวรัสมัลแวร์เข้าไปในระบบ จำนวน 3 ตู้ในจังหวัดภูเก็ต เพื่อใช้เป็นตู้ควบคุม จากนั้นได้แพร่มัลแวร์เข้าสู่เอทีเอ็มอีก 18 เครื่อง ทั่วพื้นที่ที่สามารถเจาะระบบได้
[ads]
หลังจากนั้น คนร้ายได้ใช้รีโมท เพื่อเชื่อมต่อตู้เอทีเอ็มกับโทรศัพท์สมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์แท็บเล็ต แล้วป้อนคำสั่ง นำบัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเครดิตที่ผลิตในต่างประเทศไปกดเงินที่ตู้ โดยสามารถสั่งให้เงินไหลออกมาได้ทันที และได้มากถึงครั้งละ 1 ล้านบาท โดยที่ธนาคารเจ้าของบัญชีไม่ทันรู้ตัว
โดยตู้เอทีเอ็มที่ถูกโจรกรรมนั้นเป็นของบริษัทเอ็นซีอาร์ สก็อตแลนด์ ผู้ผลิตตู้เอทีเอ็มยี่ห้อ เอ็นซีอาร์ ที่มีอยู่ในประเทศไทยจำนวน 1 หมื่นเครื่อง ในจำนวนนี้เป็นของธนาคารออมสินจำนวนกว่า 4 พัน เครื่อง และแบ่งเป็นของธนาคารพาณิชย์อื่นๆ อีก 6 พันเครื่อง ซึ่งการโจรกรรมในลักษณะนี้ มีความคล้ายคลึงกับแก๊งโจรกรรมข้ามชาติในประเทศไต้หวันและมาเลเซียอีกด้วย
ภาพ:www.stevedollar.com
สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ทางธนาคารออมสินได้ตรวจพบความผิดปกติเมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม เนื่องจากภายหลังที่คนร้ายลงมือก่อเหตุ ระบบของตู้เอทีเอ็มจะรีเซ็ทระบบใหม่ทุกครั้ง ทำให้พนักงานไม่สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ โดยจะทราบก็ต่อเมื่อนำเงินในตู้มาตรวจนับเท่านั้น
สุดท้ายตำรวจได้ฝากเตือนไปยังประชาชนว่า อย่าตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากเงินดังกล่าวไม่กระทบกับบัญชีบุคคล ซึ่งหากพบเห็นบุคคลต้องสงสัยที่ทำธุรกรรมทางการเงินหน้าตู้เอทีเอ็มเป็นเวลานาน พร้อมกับมีการเปิดใช้โทรศัพท์ไปด้วยจนผิดสังเกต หรือพบว่ามีเงินไหลออกจากตู้มากผิดปกติ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที
[ads=center]
ขอบคุณเนื้อหาจาก: www.thairath.co.th
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ