แฉ!! หัวอกพนักงานคนหนึ่งก่อนลาออก “ผู้เป็นเบื้องหลังกำไรหมื่นล้านของสถาบันการเงิน”





พนักงานการเงิน/พนักงานธนาคาร ดูเหมือนจะเป็นอาชีพที่ดูดีมีสง่าราศี แต่งตัวดี เงินเดือนดี แต่จะมีสักกี่คนที่ทราบว่า เบื้องหลังไม่ได้สวยงามอย่างที่คิดเสมอไป ยุคใหม่มันเปลี่ยนไปแล้ว จากพนักงานที่ทำหน้าที่เดินเรื่องเกี่ยวกับธุรกรรมการเงิน เช่น ฝาก-ถอนเงิน ให้คำแนะนำกองทุน เดี๋ยวนี้พวกเขาต้องขายประกันพ่วงมาด้วย พวกเขาก็คืออาชีพหนึ่งที่ต้องใช้แรงงานไม่ต่างกับอาชีพอื่นๆ และบางทีก็เป็นงานหนักมากซะด้วย !

 

เมื่อวันที่ 1 เม.ย.สมาชิกหมายเลข 2639858 ได้เปิดเผยข้อความของพนักงานธนาคารคนหนึ่งลงบอร์ดพันทิปhttp://pantip.com/topic/34986820 โดยเขากล่าวว่าแกมประชดว่า "เป็นกำลังใจให้แรงงานทางการเงินทุกท่านครับ อยากให้รู้ว่า ธนาคารรักผู้ถือหุ้น บริษัทประกัน ลูกค้า ฯลฯ แต่ไม่เคยรักพวกเรานะครับ อย่าลืมให้เวลากับครอบครัวมากๆ เพราะพวกเค้าจะอยู่และรักเราไม่เคยเปลี่ยนไป แม้ในวันที่เราไม่เหลืออะไรเลย"

โดยใจความของข้อความแฉการทำงานที่กดดันจนต้องขอลาออกของพนักงานคนหนึ่งมีดังนี้ (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เพราะนี่ไม่ได้เป็นการเหมารวมทุกธนาคาร เป็นแค่การบอกเล่าของอดีตพนักงานธนาคารแห่งหนึ่งเท่านั้น)
 

1 เมษายน 2559, 12.52 น.
ปัจจุบันมุ่งสู่การขายประกันมากเกินไปจนไม่มีความเป็นธนาคาร วันๆ นึงตื่นเช้ามาก็ตามแต่ยอดประกัน พอเลิกงานใช่ว่าจะเลิก ก็มีแต่ประกันๆ เข้าใจว่าได้ค่าธรรมเนียม แต่การทำแบบนี้ทำให้พนักงานไม่มีความสุข รู้ว่าขายแล้วได้ใครก็ได้สำหรับตัวคนขาย ป่าวเลยได้มาเป็นทอดๆ เห็นการขายประกันสำคัญกว่างานอื่น สำคัญกว่าความรู้สึกของพนักงาน และอยากจะบอกว่าไม่มีพนักงานคนไหนไม่อยากขายได้หรอกค่ะ ทุกๆ คนก็อยากขายได้ เพราะไม่อยากมาเช้ากลับดึก ไม่อยากมาทำงานในวันที่ตัวเองหยุด ทุกคนก็ต้องการพักผ่อน วันหยุดแทบจะสะกดคำว่าวันหยุดไม่ถูกค่ะ เป็นพนักงานกินเดือนก็ต้องทำหน้าที่ ต้องวิ่งขายประกัน หาขอลูกค้าให้ช่วยทำ บอกแต่ว่าให้บอกประโยชน์ ให้ประโยชน์เสนอลูกค้า โอเคลูกค้าเข้าใจถึงประโยชน์ที่จะได้ แต่ทำยังไง ในเมื่อลูกค้ายังไม่พร้อมบ้าง เหตุผลต่างๆ นานาที่ลูกค้าโต้แย้งมา และทำให้ยังปิดการขายไม่ได้ ต้องรอและหารายใหม่ไปพร้อมๆ กัน แต่บอกยังไงก็ต้องได้ ต้องได้ อย่างเดียว ถ้าจะขายขนาดนี้เปลี่ยนธนาคารไปขายประกันโดยตรงดีกว่าค่ะ ทำแบบนี้ไม่ต่างจากการเปิดธนาคารเพื่อบังหน้าแต่ไส้ในจริงขายแต่ประกัน จะเปิดรับฝากถอนเงิน กองทุน เงินฝาก สินเชื่อ สื่อดิจิตอล ไม่สำคัญเท่าประกัน การบริการค่อนข้างสำคัญ แต่นโยบายต้องออกขาย สาขาเหลือแต่พนักงานใหม่ๆ บ้าง คนเก่าบ้าง เป็นที่มาทำให้งานภายในบกพร่องกัน และเกิดการทุจริตเกิดขึ้นได้ง่าย เพราะ ผจก. (ผู้จัดการ) และ ผช. (ผู้ช่วย) ไม่อยู่ หรือแม้กระทั่ง Bas (เจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาและการขาย) ก็เหลือไว้คนเดียว นอกนั้นออกหมด การเขียน Template ถามจริงๆ ค่ะ ให้เขียนส่งวันละ 10 ชื่อและต้องออกไปพบทุกๆ ราย วันนึงไปไม่ถึง ถ้ามีสาขาไหนทุกคนไปถึง 10 คน แสดงว่าสาขานั้นปิดทำการ เช่น
ผช. 2 คน = 20
Bas 3 คน = 30
เท่ากับ 50 คนที่ต้องออกพบและไปคนเดียวด้วยถ้าจะให้ครบทั้งหมด แต่ในความเป็นจริงต้องไปด้วยกันมั้ยคะ แต่ละรายที่ไปหา บ้านก็คนละทาง กว่าจะคุยแต่ละรายเสร็จก็กินเวลาแล้ว 

 

[ads]

 

สาขาในห้างเปิดทำการ 11 โมง เวลาทำงานปกติที่มา 10 โมง แต่นโยบายถ้าขายไม่ได้ต้องมา 7 โมง เวลาทำการปิด 1 ทุ่ม กว่าจะเคลียร์เสร็จก็ 2 ทุ่มกว่าแล้ว ต้องนั่งเตรียมรายชื่อที่จะออกเสนอของวันรุ่งขึ้น ไม่ได้ก็โดนโค้ชอีก คร่าวๆ ทำงานวันละ 14-15 ชั่วโมง  โอทีได้วันละ 1 ชั่วโมง สาขาธรรมดายิ่งไม่ได้เลย เห็นใจพนักงานบ้างค่ะ

คำว่าเล็กดีรสโต ให้พนักงานขาย ผลิตภัณฑ์เราดี พอขายไม่ได้พนักงานก็กดดัน จนต้องขายให้ญาติพี่น้อง ไม่เว้นแม้แต่ตัวเองยังต้องซื้อ แต่ทำไมผู้ใหญ่ไม่ซื้อให้ตัวเองบ้างคะ แล้วแบบนี้จะไปตอบลูกค้าได้ไงว่าของเราดีจริง ถ้าดีจริงอย่างน้อยๆ ก็ต้องมีคนละกรมธรรม์แล้ว เพราะเสียภาษีกันทุกคน ภาษีที่เสียแต่ละปีก็เยอะๆ กันทั้งนั้น แล้วเอาอะไรไปลดหย่อนล่ะคะ ไม่เสียดายเงินภาษีที่เสียไปหรอคะ แต่ละปีเสียกันเยอะๆ ทั้งนั้น ขนาดส่วนตัวปีนึงเสียก็เกือบครึ่งแสนแล้ว ขนาดว่าเงินเดือนยังไม่เยอะเท่าไหร่ ที่เหมือนบอกกับลูกค้าว่าให้ซื้อประกันเพื่อลดหย่อนภาษี คุ้มครองชีวิต ให้ไว้เพื่อคนที่คุณรัก แล้วทำไมไม่เห็นมีกันบ้างคะ เชื่อว่าแต่ละคนก็เลือกประโยชน์สูงสุดเพื่อตัวเองกันทั้งนั้น ลูกค้าก็เช่นกัน เค้าก็ต้องคิดถึงประโยชน์ที่เค้าจะได้ ขนาดพนักงานยังไม่ซื้อ แล้วไปคุยขายว่าดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ พอขายไม่ได้ก็กดดันให้พนักงานระดับล่างๆ ต้องซื้อเอง แต่ระดับสูงๆ หลายๆ คนยังไม่มีเลย หรือบางคนมี ก็ไม่เต็มสิทธิ

ทำงานเกินเวลา ทำงานในวันหยุด เดินทางอันตราย

และที่บอกว่ามีอะไรให้ภาคกับเขตช่วยมั้ย เอาไว้ช่วยตอนขายได้ใช่มั้ยคะ??? ตอนที่ขายยังไม่ได้ช่วยอะไรค่ะ หนูขอแค่ช่วยให้กำลังใจก็ได้ค่ะ ถ้าไม่ไปช่วยขาย ก็อย่าพูดบั่นทอนจิตใจของพนักงานเลย 

ถามว่าลาออกไปมีผลอะไรมั้ยกับชีวิต ตอบเลยว่าไม่มีแล้วค่ะ แต่อยากจะเป็นกระจกส่องให้รู้ว่าพนักงานอีกหลายๆ ท่าน 80% คิดเหมือนกัน แต่ไม่มีใครกล้าพูด เพราะอะไร เพราะกลัว กลัวว่าจะโดนย้ายบ้าง ถูกเพ่งเล็งบ้าง พูดไปทุกๆ อย่างก็อาจจะบอกว่าเป็นการแก้ตัว แต่ทั้งหมดมันคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น แต่แค่ไม่มีใครสะท้อนกลับให้เห็นค่ะ 

ขอลาออกนะคะเพื่อชีวิตใหม่ที่ดี และไม่ทุกข์ใจ

จากคนสาขา.2559 มีนาคม
 

o4yovux8aEGrWZ9v9oi-o

 


ขอบคุณข้อมูลจาก สมาชิกหมายเลข 2639858 เว็บไซต์http://pantip.com/topic/34986820
เรียบเรียงใหม่โดย Thaijobsgov

 

[ads=center]

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: