หมอเจ้าของเพจดังชี้แนะ อุบัติเหตุเข้าเฝือก หากพบสิ่งผิดปกติควรแจ้งแพทย์ด่วน!!





จากที่มีการแชร์อุทาหรณ์หนุ่มเข้าเฝือกจนต้องตัดขาทิ้ง ซึ่งเป็นโพสต์ของคุณวรพัทธ์ สุพลนพนันท์ ใจความดังนี้

 

ฝากแชร์เป็นอุทาหรณ์นะครับ
‪#‎ตกบันได1ขั้นขาแพลงเชื่อมั๊ย รพ.เอกชนชื่อดังระดับต้นๆ ของประเทศรักษาจนต้องตัดขา
1.ที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังย่านถนนเพชรบุรี
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2558 ผมได้เดินทางมารักษาที่ โรงพยาบาลเอกชนเกรดเอชื่อดัง วันที่ไปให้การรักษาจากทางโรงพยาบาลว่าตกบันไดเจ็บเท้าซ้าย ได้ขับรถมารับการรักษาด้วยตนเอง ทางแพทย์ได้ตรวจและ X-RAY วินิจฉัยว่าไม่เป็นอะไรปกติดี น่าจะกล้ามเนื้ออักเสบ หลังจากนั้นทางแพทย์เลยทำการใส่เฝือกให้ และให้ Admid ในคืนนั้นเลย 

 

‪#‎เช้าวันที่27ตุลาคม2558‬ ทางผมเองเกิดอาการเจ็บเท้ามากกว่าเดิมจึงแจ้งทางคุณพยาบาล ซึ่งแพทย์จากโรงพยาบาลดังกล่าว จึงมาดูที่เฝือกและทำการขยายเฝือกออกให้ ซึ่งในขณะนั้นนิ้วเท้าของผมเริ่มมีสีเขียวช้ำและคล้ำเป็นจุดๆ หลังจากนั้นทางโรงพยาบาลได้เปลี่ยนแพทย์คนใหม่มาทำการดูแล และนำผมไป X-RAYและ MRI วินิจฉัยออกมาว่าเอ็นฉีกพร้อมกับทำการรักษาอีกครั้งโดยการเข้าเฝือกให้ใหม่และแน่นกว่าเดิม ในคืนนั้นทั้งคืนผมบ่นว่าปวดตลอดเวลาซึ่งผมปวดจนน้ำตาไหลและนอนไม่ได้เลย พยาบาลเองก็ฉีดยาแก้ปวดให้ตลอดทั้งคืนแต่ก็ยังไม่ทุเลาลงเลย และผมเริ่มรู้สึกว่านิ้วเท้าข้างซ้ายเริ่มชาและมีรอยเขียวช้ำมากกว่าเดิม และแพทย์ก็ได้ทำการขยายเฝือกอีกรอบ ในวันนั้นทางแพทย์ก็สั่งให้ผมกลับบ้านได้ทั้งๆ ที่ผมบ่นว่าเจ็บเท้าอยู่และนัดมาผ่าเฝือกออกและนัดให้วันที่ 16 พฤศจิกายน 2558 (แพทย์ให้กลับบ้านได้ในคืนวันที่ 4 ของการรักษา) ‪#‎คือผมนอนโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังอยู่3คืน เสียค่าใช่จ่าย94,000 ซึ่งไม่น้อยเลยสำหรับผมกับการรักษาของอาการขาแพลงจากการตกบันไดขั้นเดียว
 

ผมได้กลับไปนอนรักษาตัวที่บ้านคืนแรกผมมีอาการเจ็บเท้ามากและคิดเอาเองเลยคิดเอาว่าเอ็นฉีกน่าจะเจ็บแบบนี้ พอมาคืนที่ 2 เริ่มไม่ไหวก็เลยรีบมาโรงพยาบาลดังกล่าวอีกครั้ง เพราะผมเจ็บมากทนไม่ไหวแล้ว
 

‪#‎วันที่31ตุลาคม2558‬
ผมได้แจ้งอาการกับทางโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังนั้น ทางแพทย์ได้ทำการผ่าเฝือกดู แล้วแพทย์เจ้าของไข้ก็มอบหมายให้แพทย์เกี่ยวกับเส้นเลือดโดยตรงมาตรวจอาการ แพทย์ได้สั่งให้ไปฉีดสีซึ่งมีค่าใช้จ่ายอีก20,000บาท และผลของการฉีดสีแพทย์ได้วินิจฉัยแล้วได้แจ้งกับผมว่าเลือดที่ปลายเท้าได้แข็งตัวไปแล้วซึ่งทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงปลายเท้าและต้องทำการผ่าตัดด่วน ภายใน4ชั่วโมง ทางโรงพยาบาลเอกชนแห่งนั้นแจ้งมาให้ผมทราบ และมีค่าใช้จ่ายประมาณ 4 แสนบาท ผมจึงโทรหาญาติว่ามีค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดจำนวนนั้น และได้เล่ารายละเอียดของการรักษาของโรงพยาบาลแห่งนี้ให้บรรดาญาติๆ ฟังได้ไตร่ตรองการรักษาของที่นี่อย่างถ้วนถี่แล้วว่าน่าจะเกี่ยวกับการเข้าเฝือกแน่นเกินไปของทางโรงพยาบาล ซึ่งทางรพ.ก็จะให้ชำระค่าใช้จ่ายของการผ่าตัด ณ เวลานั้น ขณะที่ต้องตัดสินใจทำการผ่าตัดนั้นตรงกับวันอาทิตย์พอดี ซึ่งรพ.แห่งนั้นคงคิดว่าผมคงหาแพทย์และโรงพยาบาลไม่ได้มั้ง

 

ทางผมและญาติจึงขอแจ้งย้ายโรงพยาบาลเพื่อจะนำไปทำการผ่าตัดที่โรงพยาบาลอื่นเพราะค่าใช้จ่ายแพงเกินไปและได้ดำเนินการหารพ.ใหม่และไปได้ที่ โรงพยาบาลศิริราชและติดต่อกับโรงพยาบาลศิริราชไว้เรียบร้อยแล้ว ทางโรงพยาบาลชื่อดังกลับบอกว่าทางโรงพยาบาลจะขอทำการรักษาและผ่าตัดเอง ส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมดทางโรงพยาบาลจะรับผิดชอบไม่คิดค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด400,000 บาท และได้ผ่าตัดเวลา 23.00 น.ของวันนั้น [งงเหมือนกันว่าไหนบอกผ่าตัดด่วนภายใน4ชั่วโมง] ผมและญาติเลยตัดสินใจให้ทางโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังทำการผ่าตัด เพราะทางแพทย์แจ้งว่าผ่าตัดแล้วใช้เวลาแค่ 1 อาทิตย์ก็จะหายทาง ซึ่งรพ.เป็นผู้แจ้งกับผมเอง
 

พอเช้าวันรุ่งหลังการผ่าตัดคุณหมอเข้ามาคุยกับผมว่าต้องทำการตัดขาทิ้งเซลล์ตรงเนื้อเท้าเสีย ผมร้องไห้หนักมากเพราะไม่คิดว่าจะได้รับชะตากรรมแบบนี้ ผมโทรมาหาญาติบอกว่าทางโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังจะให้ตัดขาเพราะเลือดไม่ไปเลี้ยงที่เท้า ทำไมแพทย์ถึงบอกคนไข้ตรง ณ เดี๋ยวนั้นโดยที่ยังไม่บอกญาติ ทางญาติเลยจะขอย้ายโรงพยาบาลอีกครั้งติดต่อทำเรื่องตั้งแต่ 09.00 น.เช้าวันนั้น แต่ทางโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังยื้อเวลาไว้ไม่ยอมทำเรื่องให้ย้ายจนทางญาติต้องโวยวายเพื่อขอย้าย เพราะทางญาติไม่มั่นใจในวิธีการรักษาของโรงพยาบาล จนวันนั้นได้ย้ายโรงพยาบาลเวลา 17.00 น.(ทำเรื่องนานมาก ไม่ยอมส่งเรื่องให้โรงพยาบาลศิริราช) 
 

‪#‎วันอาทิตย์ที่1พฤศจิกายน2558‬
2.ที่โรงพยาบาลศิริราช
ได้ทำการรักษาเบื้องต้นรอทำการผ่าตัดในวันพรุ่งนี้ (วันที่ 2 พฤศจิกายน 2558 )ทำการผ่าตัดครั้งที่ 1 เวลา 09.00 -17.00 น.แล้วรอดูอาการ 
หลังจากนั่นประมาณ 2-3 วันอาการไม่ดีขึ้น นัดผ่าตัดครั้งที่ 2 เพื่อตัดเท้าที่เสียออกครึ่งหนึ่ง แล้วรอดูอาการ [ขอบอกเลยเจ็บมากเกือบตาย]

 

เนื่องจากแพทย์ที่นี่ยังไม่อยากให้ตัดถึงขาเลยพยายามตัดทีละน้อยเผื่อมีส่วนที่ใช้ได้อยู่ หลังจากนั้นประมาณ 1-2 วันอาการยังไม่ดีขึ้น จึงผ่าตัดครั้งที่ 3 เพื่อตัดเท้าออกส่วนที่เหลือและเหลือตรงส้นเท้าไว้นิดเดียว แล้วรอดูอาการ
 

หลังจากนั้นอาการไม่ดีขึ้น 1-2 วัน จึงผ่าตัดครั้งที่ 4เพื่อตัดชิ้นเนื้อที่เสียออกอีก แล้วรอดูอาการ ตอนนี้ผมนอนดูอาการยังไม่แน่ใจว่าจะหายเมื่อไหร่ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2558 นัดผ่าตัดอีกรอบ เพราะตอนนี้ผมมีไข้สูงทุกวันและเป็นไข้ตลอดเวลาประมาน39-40องศาคือต้มไข่สุกเลยนะ
 

สุดท้ายทางโรงพยาบาลศิริราชได้ตัดแค่ครึ่งเท้าครับ [ซึ่งทางโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแจ้งว่าตัดขา] จากนั้นวันที่26 พฤศจิกายน 2558. ทางรพ. ศิริราชจึงให้กลับไปพักรักษาตัวที่บ้านแล้วก็ต้องล้างแผลทุกวัน. นัดตรวจเป็นประจำ
 

‪#‎หมายเหตุ : เมื่อประมาณวันที่ 13 พฤศจิกายน ทีทางโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังได้โทรมาแจ้งคนไข้ให้ไปผ่าเฝือกวันที่ 16 นี้ ไม่ทราบว่าระบบของทางโรงพยาบาลเอกชนจะห่วยขนาดนั้นเลยเหรอถึงไม่รู้ว่าคนไข้อยู่ในอาการขั้นไหนแล้ว
 

****ซึ่งทางโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังไม่ติดต่อมาสอบถามอาการเลยจนถึงปัจจุบัน ซึ่งอยู่ดีๆ ผมกลายเป็นคนที่ต้องถูกตัดเท้าทิ้งไม่ใช่พิการก็เหมือน สูญเสียงานและอนาคตที่ต้องดูแลครอบครัว โดยที่ทาง รพ.ได้เรียกผมไปคุยวันนี้ ซึ่งผมคิดว่าทาง รพ.เอกชนจะแสดงความเสียใจที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้แต่เปล่าเลย กลับบอกว่า เค้าไม่ผิด และที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้คือความจริง มีหลักฐานและพยานรู้เห็นเพียบ ผมทำอะไรผิด 
‪#‎เพื่อนๆคิดว่าควรทำไงดีครับครับ‬!!

 

12804862_1064084903629884_575327855843843336_n
 

12670353_1064084920296549_9121961452860282779_n


10271473_1064084983629876_4346024622277038433_n
 

12814232_1064085193629855_1206030621583745417_n


(หมายเหตุ : ภาพในThaijobsgov เป็นเพียงภาพบางส่วนที่ยกตัวอย่างเท่านั้น เพราะยังมีอีกหลายภาพที่น่ากลัว ชมเต็มอัลบั้ม คลิก >>> วรพัทธ์ สุพลนพนันท์ )
 

ล่าสุด เพจDrama-Addict ซึ่งเจ้าของเพจเป็นคุณหมอนิรนามท่านหนึ่ง ได้ชี้แจงถึงความผิดปกตินี้ว่า ควรบอกแพทย์โดยด่วนเพื่อให้แพทย์ผ่าตัดระบายความดันออก ลดความเสี่ยงโดนตัดขาทิ้ง งดออกความเห็นว่าใครผิดใครถูก เพราะต้องการชี้แจงความรู้ในการดูแลสุขภาพที่ถูกต้องเป็นสำคัญ

12801687_10154129593173291_523237040577489776_n

มีหลังไมค์เข้ามาถามเกี่ยวกับที่แชร์ๆ กันในเฟซว่ามีชายหนุ่มคนนึงประสบอุบัติเหตุ เข้ารักษาที่ รพ หมอบอกว่าเอ็นฉีกเลยให้คนไข้ใส่เฝือก ปรากฏว่าตอนหลังเกิดปัญหาเลือดไม่ไปเลี้ยงที่เท้าจนต้องตัดขาทิ้ง 

คนก็หลังไมค์มาถามจ่าว่าแค่ใส่เฝือกมันเป็นได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ

สำหรับเคสที่ว่านี่ออกตัวก่อนว่า ไม่ทราบรายละเอียด จึงไม่ขอให้ความเห็นนะคนับ 

แต่สำหรับคนที่มีปัญหากระดูกหักแล้วต้องใส่เฝือก ควรระวังภาวะ "compartment syndrome" ให้ดี

ภาวะนี้อธิบายง่ายๆ ก็ประมาณว่า พอกระดูกหักแล้วหลังจากนั้นซักระยะ เนื้อเยื่อมันจะบวมขึ้น ถ้ามีการใส่เฝือกในช่วงที่เนื้อเยื่อบวม มันจะทำให้เกิดการกดรัด จนความดันในเนื้อเยื่อสูงขึ้น พอความดันสูงมากๆเข้า มันจะทำให้เลือดไม่สามารถไหลไปเลี้ยงอวัยวะส่วนนั้นได้ จนเนื้อเยื่อขาดเลือดและตายในที่สุด

นอกจากกระดูกหักแล้วสามารถพบปัญหานี้จากสาเหตุอื่นๆ ได้เหมือนกัน เช่น การบาดเจ็บจากไฟไหม้ การได้รับบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ เส้นเลือด การกดทับ งูกัด แมลงกัดต่อย บลาๆ สารพัด

อาการที่สำคัญคือ ปวดมาก ปวดสุดๆ อาจสังเกตเห็นว่าปลายอวัยวะส่วนที่เกิดอาการ เช่น ปลายนิ้ว มีสีซีดลง หรือกลายเป็นสีเขียว สีม่วง ชา ไม่มีความรู้สึก

หากพบอาการที่ว่าหลังใส่เฝือก ควรรีบแจ้งแพทย์ทันที โดยแพทย์จะให้การรักษาด้วยการถอดเฝือก หรืออาจมีการผ่าตัด เพื่อลดความดันในอวัยวะส่วนนั้นให้เลือดกลับไปเลี้ยงเนื้อเยื่ออีกครั้ง

เดบิทภาพจาก http://www.slideshare.net/praezaa/compartment-syndrome-anatomy-and-operation

 


 

ขอบคุณข้อมูลจาก
เฟซบุ๊กวรพัทธ์ สุพลนพนันท์
เพจ Drama-addict
เรียบเรียงใหม่โดย Thaijobsgov

 

 

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: