อดีตพยาบาลและสามีใจบุญ เปิดบ้านรับเลี้ยงคนชราเป็นเวลา17ปี





คงจะพอคุ้นหูคุ้นตากันบ้างสำหรับ 2สามีภรรยา ในภาพนี้ เพราะพวกเขาเคยออกรายการโทรทัศน์ต่างๆ มาบ้างแล้วในนามของ "บ้านศิริวัฒนธรรม" บ้านที่รับอุปการะคนชราในย่านดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่ทราบถึงที่มาที่ไปของบ้านหลังนี้และประวัติของพวกเขา Thaijobsgovจึงขออาสานำข้อมูลมาบอกบุญอีกครั้ง
 

12802723_1686086028337986_6770558808947398524_n

โดยจากข่าวPosttoday 21 สิงหาคม 2553 เวลา 18:41 น. ได้ระบุไว้ว่า

พบครอบครัวใจบุญชุบเลี้ยงคนแก่20ชีวิต
สองผัวเมียใจดีเมืองราชบุรีรับอุปการะคนชราไร้ญาติมาดูแล เกือบ 20 ชีวิต ทำมานานถึง 10 ปีแล้ว

ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีสองผัวเมียผู้ใจบุญนำคนป่วยและชราภาพที่ไม่มีญาติมาดูแลตามโรงพยาบาลนำมาดูแลเองที่บ้านศิริวัฒนธรรม เลขที่ 66 หมู่ 6 ต.ดอนกรวย อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี เกือบ 20 คน ทำมานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่ขณะนี้กำลังขาดแคลนอุปกรณ์หลายอย่าง ในการดูแล และวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือด่วน 
 

ดังนั้นผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปบ้านดังกล่าว พบว่าสภาพบ้านเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูง มีเตียงนอนเรียงรายเกือบ 20 เตียง แต่ละเตียงจะมีคนชรานอนอยู่เต็มทุกเตียง นอกจากนี้ยังได้พบกับนางสาวนารี นีสันเทียะ อายุ 38 ปี และนายกล้า ศิริวัฒนธรรม อายุ 30 ปี สองผัวเมียที่เป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว กำลังทำการดูแลและพยาบาลคนชราที่นอนอยู่บนเตียงนอน 
 

นายกล้า ได้เล่าให้ฟังถึงความเป็นที่นำคนชราและคนป่วยมาดูแลว่า ในอดีตนั้น น.ส.นารี ซึ่งเป็นภรรยามีอาชีพรับจ้างดูแลคนป่วยที่โรงพยาบาลดำเนินสะดวก อ.ดำเนินสะดวก โดยคิดค่าเฝ้าดูแลวันละ 300 บาท ทำมาเป็นเวลา 4 ปี ส่วนนายกล้าประกอบอาชีพทำไก่สดส่งขายตามตลาด 
 

ทั้งนี้ผู้ป่วยที่ภรรยาไปดูแลแต่ละรายส่วนใหญ่เป็นคนชรา บางคนเป็นแผลเรื้อรัง และเมื่อดูแลไปนานวันญาติผู้ป่วยก็หายไปและไม่มาเยี่ยมผู้ป่วยเลย เมื่อไม่ได้รับค่าจ้างและคนป่วยเองก็ไม่มีใครดูแลด้วยความสงสารจึงได้มาปรึกษาว่าจะนำมาดูแลเองที่บ้าน โดยได้ประสานกับทางโรงพยาบาลดำเนินสะดวก เนื่องจากเกรงว่าจะมีญาติมาติดต่อก็จะได้ติดตามไปรับผู้ป่วยได้ที่บ้าน 
 

นอกจากนี้ยังเป็นการลดภาระของโรงพยาบาลด้วย เริ่มแรกก็ลงทุนซื้อเตียงนอนให้เพียงแค่ไม่กี่คนต่อมามีคนทราบข่าวว่า มีสถานที่รับดูแลผู้ป่วยที่เป็นคนชรา จึงมีคนนำมาให้ดูแลเพิ่มอีกบางรายที่นำมาให้ช่วยดูแล เมื่อมีอาการดีขึ้นก็จะมารับกลับไป ซึ่งจะหมุนเวียนมาอย่างนี้ แต่ก็จะมีบางรายที่ในช่วงแรกๆญาติก็จะมาเยี่ยมเยียนและส่งข้าวของและเงินทองให้บ้างต่อมาก็หายเงียบไป 
 

นายกล้า กล่าวอีกว่า แม้ว่าจะมีผู้เสียชีวิตไปบ้างแล้วแต่ก็ไม่มีญาติมาติดต่อ จนถึงตอนนี้เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วที่ทำหน้าที่ดูแลบุคคลเหล่านี้มา ทำให้ต้องเลิกอาชีพทำไก่สดส่งขายและมาช่วยภรรยาดูแลคนชราเหล่านี้ โดยทุกวันนี้มีสมาชิกที่เป็นคนชราเพิ่มเกือบ 20 คนแล้ว แม้ว่าจะมีญาติของบุคคลเหล่านี้ที่คอยส่งเสียให้บ้างเหมือนกัน แต่ก็ไม่เพียงพอต่อค่าอาหาร ค่าอุปกรณ์ในการทำแผลเนื่องจากหลายคนช่วยเหลือไม่สามารถดูแลตัวเองได้ต้องนอนซมอยู่บนเตียงทำให้เกิดแผลกดทับ จึงต้องคอยทำความสะอาดแผลให้ตลอดเพื่อไม่ให้ลามไปที่อื่น 
 

"ทุกวันนี้เงินทองที่สะสมเอาไว้ก็หมดลงเพราะต้องใช้จ่ายดูแลคนชราจนหมด จะกลับไปทำอาชีพเดิมก็ไม่ได้ เพราะเราทิ้งเขาไม่ได้ เราต้องดูแลอย่างไกล้ชิดและสังเกตอาการเกือบทุกชั่วโมง ต้องวัดความดัน ต้องให้อาหาร น้ำดื่ม ดูเลทำความสะอาดเมื่อผู้ป่วยขับถ่าย หรือเมื่อมีอาการผิดปกติต้องเรียกหมอที่อนามัยใกล้บ้านมาดูแล หากบางรายอาการไม่ดีต้องรีบส่งโรงพยาบาล" นายกล้ากล่าว 
 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่นายกล้าและภรรยาทำไปนั้นไม่ได้ต้องการเรียกร้องอะไรกับญาติผู้ป่วยที่นำมาให้ดูแล แต่เป็นการช่วยเหลือสังคมในการดูแลผู้ป่วยด้อยโอกาสและไม่มีญาติดูแลซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนชราที่ลูกหลานไม่สนใจปล่อยทิ้งดดยไม่ได้คำนึงความรู้สึกของคนเหล่านี้ อีกทั้งช่วยเหลือผู้ป่วยที่เจ็บป่วยระยะสุดท้ายของชีวิตที่มีความทุกข์ทั้งกายและใจ เพื่อให้ผู้ป่วยที่ชรามีความรู้สึกมั่นใจ อบอุ่นใจว่าไม่ถูกสังคมไทยทอดทิ้งและอยากเป็นคนต้นแบบ ที่มีแบบอย่างให้สังคมรับทราบและปฏิบัติตาม 
 

โดยเน้นชีวิตที่มีคุณค่า แต่เนื่องจากปัจจุบันหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล หรือ อบต.ได้ติดต่อที่จะนำคนชรามาให้ดูแลมากยิ่งขึ้น ส่วนทุนทรัพย์ที่ได้จากการบริจาคจากหน่วยงานต่างๆ ก็ยังไม่พอเพียงกับค่าใช้จ่าย เกี่ยวกับการดูแลคนชราที่ป่วยเป็นช่วงสุดท้ายของชีวิตให้ดีมีคุณภาพ ถึงแม้จะเหนื่อยยากลำบากเพียงใด ตนและครอบครอบครัวขออุทิศตนทำงานนี้เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคมต่อไป
 

หากท่านใดจะให้ความช่วยเหลือ หรือจะบริจาค ชื่อบัญชี นายกล้า ศิริวัฒนธรรม นางบุษยา แซ่อุ่น เลขบัญชี 707-0-13698-6 ธนาคารกรุงไทยสาขาดำเนินสะดวก หรือติดต่อสอบถาม นายกล้า โทร. 083-5590526
 

และล่าสุด เฟซบุ๊กจารุณี สินวาด ก็ได้มีการอัพเดทข้อมูลเมื่อวันที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมาดังนี้
 

บ้านศิริวัฒนธรรม
เป็นบ้าน 2 สามีภรรยา พี่ผู้หญิงเสื้อเขียวเป็นพยาบาลเก่า เปิดเป็นบ้านรับเลี้ยงและดูแลคนชรามาเป็นเวลา 17 ปี คนชราบางคนญาติทิ้ง พ่อกับแม่พี่เขาเสียไป พี่เขาเลยรับมาดูแล ตอนนี้มี 33คน มีเดินได้ แต่ไม่แข็งแรง แค่คนเดียว ที่เหลือ เดินไม่ได้ ตามภาพ มานี่ก็แจกขนม ตากับยาย บางคนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ก็ช่วยกันป้อนให้ ทั้งหมดคือ ลูกหลานทิ้ง เมียทิ้ง และมีที่เสียชีวิตไปแล้ว 76 คน อยากฝากแชร์บอกบุญกับทุกๆท่านถ้ามีโอกาสร่วมทำบุญได้ค่ะ

1512518_1686086108337978_4621818410813529735_n


10409536_1686086071671315_4111466075188395350_n


10629659_1686086011671321_702913345817587130_n


12799383_1686086125004643_6709501896946503596_n


12802723_1686086161671306_8061241634585247854_n


12802856_1686086191671303_8196779623458335251_n


12803127_1686086091671313_7519454538045007261_n


12804752_1686086048337984_6735489705883401264_n


12814563_1686086145004641_4880415428519239109_n


1044116_1054066014616417_1908391665750263290_n


siri_1


siri_2

อย่างไรก็ดี ใครที่สนใจสามารถร่วมทำบุญได้ตามแต่สะดวก เพราะถึงแม้บ้านพักดังกล่าวจะออกสื่อไปบ้างแล้ว ก็ยังต้องการความช่วยเหลือเป็นระยะ เพราะยังมีคนชราอีกมากที่ต้องกินต้องใช้ต่อไปจนกว่าจะสิ้นอายุขัย


คลิปจาก FCU CHANEL
[embedyt] http://www.youtube.com/watch?v=Wu5a14xm4wE[/embedyt]

คลิปจาก บุญนิยม ทีวี
[embedyt] http://www.youtube.com/watch?v=ANllc4OaE50[/embedyt]


ขอบคุณข้อมูลจาก
PostToday (เว็บไซต์ thaigold.info)
เฟซบุ๊ก จารุณี สินวาด
เรียบเรียงใหม่โดย Thaijobsgov

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: