ข้อคิดเตือนใจ…สำหรับผู้ที่คิดจะ”แต่งงาน”





  บรรพบุรุษของไทยชาญฉลาด ท่านผูกคำเอาไว้ดีมากคือคำว่า " แต่งงาน " สังเกตว่ามีสองคำรวมกันคือคำว่า " แต่ง " กับ " งาน " ช่วงกำลังรักใคร่ชอบพอกันเป็นช่วง " แต่ง " ต่างคนก็เสริมแต่งความสวยหล่อมาอวดเพื่อดึงดูดกันว่า ฉันดี ฉันสวย ฉันรับผิดชอบ ฉันรักเธอจริง  ฉันพร้อมจะดูแลเธอไปตลอดชีวิต สารพัดจะแต่งเติมเพื่อมัดใจอีกฝ่ายหนึ่ง

 

[ads]

 

  พอได้แต่งงานกันจริงๆ ก็จะเข้าสู่ภาวะที่ 2 คือภาวะของ " งาน " มันหมดเหตุจำเป็นที่ต้องเสริมแต่งโอ้อวดกัน เพราะตอนนี้กลายเป็นสามีภรรยากันแล้ว เข้าสู่ภาวะของงาน คือภาระในการครองคู่  อย่าไปคิดว่า ถ้าเราสองคนได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้วเราจะเป็นคู่รักเหมือนในละคร ที่ได้ไปฮันนีมูน ได้ท่องเที่ยวและมีคนมาคอยเอาใจ เราจะไม่เหงาแล้วเพราะมีคนคอยดูแลเราไปตลอดชีวิต หลังแต่งงานคนส่วนใหญ่คาดหวังแต่ด้านดีแล้วมักจะ " ผิดหวัง " เพราะว่า " หวังผิด " ต่างฝ่ายต่างหวังให้อีกฝ่ายดูแลเอาใจตนเองไปตลอดชีวิต พอเราเกิดความต้องการเรียกร้องอีกฝ่ายหนึ่ง เราก็มักไม่สมหวัง เพราะฉะนั้น ก่อนอื่นให้เราตระหนักถึงความจริง 2 ประการเป็นอย่างน้อยว่า…

wedding-plan

ภาพ:www.emyspot.com

   yes ประการแรกคนเราไม่ได้หนุ่มสาวไปตลอดชีวิต ไม่นานก็ต้องแก่เฒ่า ต้องเจ็บต้องตายกันไป ที่ดูสวยงามนั้นเพียงไม่กี่ปี อย่างมากก็ไม่เกิน 20 – 30 ปีพอคนเราอายุได้ 50 – 60 ปีไปแล้ว ความสวยหล่อก็หมดไป พุงพลุ้ยบ้าง ศีรษะล้านบ้าง สภาพร่างกายไม่เหมือนเก่า ดาราที่ว่าหล่อสวยพออายุมากเข้า 60 – 70 ปีก็ยังไม่หลงเหลือความสวยหล่อให้เห็น เราอย่าไปคิดว่าความสวย ความงาม หรือความหล่อที่เห็นๆกันอยู่นั้น จะคงอยู่กับเขากับเราไปตลอดชีวิตมันอยู่กับเราเพียงชั่วคราว แต่ที่ยั่งยืนคือคุณธรรมความดีที่อยู่ในใจต่างหาก  สำหรับฝ่ายหญิง เวลาที่เราดูใครก็อย่าไปดูที่มายาฉาบหน้าว่า เขาดูดี ดูหล่อ หรือเขาปากหวาน แต่ให้เราดูว่าเขามีคุณธรรมความดีในตัวแค่ไหน เขาจะสามารถรับผิดชอบครอบครัวได้ไหม เขาจะเป็นพ่อของลูกเราได้ไหม ส่วนฝ่ายชายก็ให้ดูว่าผู้หญิงคนนี้เหมาะจะเป็นแม่ของลูกเราไหม เธอจะดูแลลูก ดูแลครอบครัวเราได้ดีหรือไม่ให้ดูกันตรงนี้เป็นหลัก เพราะว่าของจริงที่เราต้องเผชิญคือภาวะเรื่อง " งาน " นี้เอง

   yes ประการที่สองให้ตระหนักว่า ชีวิตการครองเรือนนั้นมีภาระมากมาย คนเรารับผิดชอบตนเองก็หนักหนาอยู่แล้วพอมีครอบครัวความรับผิดชอบนั้นทวีคูณ ลองคิดดูว่า ขนาดตัวเราเองแท้ๆ มือของเรา เท้าของเรา ปากของเรา ทั้งตัวเป็นของเรา เราสั่งตนเองได้ แต่บางทีเรายังหงุดหงิดตนเองยังรู้สึกขัดใจตนเองเลย แล้วจะให้คนอื่นมาถูกใจเราไปหมดนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น พออยู่กันเป็นครอบครัว ความไม่ได้ดั่งใจจะมากกว่าอยู่คนเดียวหลายเท่าเราไม่ได้ดูแลตนเองเพียงอย่างเดียวแล้ว แต่ยังต้องคอยทำตัวให้ถูกใจเขา และคอยรองรับอารมณ์ตนเองเวลาที่เขาทำไม่ถูกใจเราด้วยเช่นกัน ดังนั้น ความผิดหวังย่อมมีมากกว่าความสมหวัง พึงรู้อีกอย่างว่า คนเรายังไม่หมดกิเลส มันเปลี่ยนได้ตลอดเวลา บางคนประพฤติดีมาโดยตลอด ทั้งขยันขันแข็งทำงานเก่ง รับผิดชอบครอบครัว เป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ แต่จู่ๆ กลับมาเสียคนตอนอายุ 60 เพราะเกิดเหงาแอบมีบ้านเล็กบ้านน้อยอย่างนี้ก็มี

    ขอฝากข้อคิดไว้ว่า ถึงแม้ว่าเราจะครองเรือน ก็ขอให้มีข้อมูลเบื้องต้นเพื่อตระหนักถึงสิ่งที่รอเราอยู่ข้างหน้าก่อนเราจะได้เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม หากประสงค์จะครองเรือนแล้ว ก็ให้ครองเรือนด้วยความมีสติ แล้วปฏิบัติตนให้ถูกต้อง เราจะสามารถมีชีวิตการครองเรือนที่พอจะมีความสุขได้ตามสมควรแก่อัตภาพคำว่า " สมรส " ปู่ย่าตายาย ท่านผูกคำแฝงนัยสำคัญไว้ว่า " สม " ภาษาบาลีแปลว่า " เสมอกัน " และ " รส " คือ " รสนิยมความชอบ "

ดังนั้น " สมรส " หมายถึง " คนมีรสนิยมหรือความชอบเสมอกันมาอยู่ด้วยกัน ถึงจะยั่งยืนและอยู่รอด 

 

 

[ads=center]

 

ขอบคุณเนื้อหาจาก: หนังสือ " The Lover รักเป็นจะเห็นใจ "พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: