นักวิทย์ชี้…เก็บมือถือในกระเป๋ากางเกง เสี่ยง! หมัน มะเร็ง ได้จริง





การเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋ากางเกงหรือกระโปรงเป็นเรื่องธรรมดามากๆสำหรับทุกคน เพราะเป็นบริเวณที่หยิบใช้ได้สะดวก และการเก็บไว้ในบริเวณนี้จะทำให้เราไม่พลาดการรับสายหรือการโต้ตอบข้อความกับเพื่อนของเราได้ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า  “ไม่ควรเลยที่จะเก็บเครื่องมือสื่อสารไว้ที่บริเวณนี้ เพราะมันอาจทำให้คุณได้รับอันตรายจากรังสี รวมถึงอันตรายอื่นๆได้”

 923.2

แม้ว่ามือถือและสมาร์ทโฟนต่างๆ จะเป็นอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาสำหรับการใส่หรือเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงหรือกระเป๋าต่างๆ แต่หากเราไม่จำเป็นต้องใช้มัน วางมันเอาไว้ห่างๆบ้างก็ดีนะ เพราะมีงานวิจัยชิ้นล่าสุดขอDr. Devra Davis ระบุออกมาแล้วว่า “การเก็บอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ใกล้กับผิวหนังของคุณมากเกินไป จะทำให้ผิวดูดซับรังสีจากตัวโทรศัพท์มากขึ้นในอัตราที่น่ากลัวกว่าปกติ” นั่นเอง

ในงานบรรยาย Australia’s National Institute of Environmental Health Sciences ทาง Dr. Devra Davis ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเน้นย้ำประเด็นหลักๆไว้ว่า “สาวๆ คนไหนที่ชอบเก็บมือถือไว้ในยกทรง จะเป็นการเพิ่มอัตราการเป็นมะเร็งและเนื้องอกในเต้านมได้มากกว่าปกติด้วย”

923.1

นอกจากนี้ ในต้นฉบับยังระบุหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ที่บ่งบอกว่ารังสีเหล่านี้สามารถสร้างความเสียหายให้แก่ DNA และความสามารถในการสืบพันธุ์ของท่านชายให้ลดลงได้อีกด้วย! เริ่มน่ากลัวมากขึ้นหรือยังค่ะ

[ads]

มากไปกว่านั้น หลายคนมักมีอาการแปลกๆ ที่มักจะรู้สึกว่า มือถือที่เก็บไว้ในกระเป๋าสั่นเนื่องจากมีคนโทรหา, มีข้อความเข้า หรือมีการแจ้งเตือนอื่นๆ แต่พอควักมือถือออกมาดูจริงๆ กลับพบว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยหากคุณเป็นเช่นนี้แสดงว่าคุณกำลังเจอกับอาการที่เรียกว่า “Phantom vibration” แล้วละ

Dr. Larry Rosen นักวิจัยด้านจิตวิทยาได้เคยทำการศึกษาเรื่องผลกระทบของเทคโนโลยีที่มีต่อจิตใจ ซึ่งพบคำตอบว่า  "มีบางอย่างในสมองของเราเริ่มสั่งการให้เราหันไปดูมือถือ ซึ่งถ้าเป็นเมื่อ 5 หรือ 10 ปีก่อน ถ้าเรารู้สึกคันตรงกระเป๋ากางเกงที่ใส่มือถือ สิ่งที่ทำก็คือก็เอื้อมมือลงไปเกา แต่ถ้าเป็นตอนนี้สมองจะสั่งให้ล้วงมือถือขึ้นมาดูหน้าจอก่อน นี่คือตัวอย่างว่ามือถือกำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการที่สมองของเราประมวลผลข้อมูล พฤติกรรมแบบนี้เหมือนการถูกครอบงำจากมือถือ หลายคนมักจะหยิบมือถือขึ้นมาดูบ่อยๆเหมือนมีอาการหมกมุ่นกับมันมากจนเกินไป ซึ่งคนเหล่านี้ไม่ต่างกับคนที่มีอาการ “ย้ำคิดย้ำทำ” ซึ่งเกิดได้มากขึ้นสำหรับคนสมัยนี้ยิ่งสมัยนี้"

923.3

หากคุณกำลังมีอาการของโรค “Phantom vibration” หรือกลัวว่าในอนาคตจะได้รับอันตรายจากรังสีจากโทรศัพท์จนกลายเป็นโรคที่น่ากลัว  วิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้นก็คงเป็น การพยายามลดการใช้งานของมือถือลงบ้าง พยายามสร้างสมดุลในการใช้งานมือถือและการใช้ชีวิตส่วนตัวให้พอดีกัน อย่าให้มือถือเข้ามาครอบงำชีวิตและอารมณ์ของเราตลอดเวลา โดยอาจเริ่มต้นง่ายๆจากการอยู่ห่างมือถือเป็นเวลาสั้นๆ วันละสักประมาณ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง ไม่รวมตอนนอนหลับ ….. ไม่แน่นะ ชีวิตของคุณอาจจะมีความสุขมากขึ้นก็เป็นได้

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก catdumb.com และ healthygamer.net

เรียบเรียงข้อมูลโดย ThaiJobsGov.com

[ads=center]

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: