ทำไม “เด็กบ้านนอก” คนนี้ถึงหานาฬิการาคาเป็นแสนของมหาเศรษฐีเจอ ทั้งที่ผู้เชี่ยวชาญกว่า 20 คนหาไม่เจอ





เศรษฐีกับพวกไปเที่ยวฟาร์มแห่งหนึ่ง ทุกคนสนุกสนานกับธรรมชาติ และกิจกรรมในฟาร์มมาก

 

แต่ขณะที่กำลังจะเดินออก เศรษฐีคนนั้นก็พบว่า”นาฬิกาพก”รุ่นเก่าที่ภรรยาซื้อให้ในวันเกิดหายไป

 

มันต้องตกอยู่ในคอกม้าอย่างแน่นอน

เขากับเพื่อนช่วยกันกระจายกันเดินหา”นาฬิกา”ทั่วคอกม้า

ระหว่างเดินหาเพื่อนก็พยายามพูดให้กำลังใจเศรษฐีคนนี้

เดินหาเท่าไรก็ไม่พบ

 

เขาไปแจ้งเจ้าของฟาร์มให้ช่วยเหลือ

เจ้าของก็แสนดีเกณฑ์คนที่ว่างงานอยู่เกือบ 20 คนไปค้นหา

มีทั้งคุณลุงที่ประจำอยู่คอกม้า ผู้หญิงที่ทำความสะอาด และเด็กชายคนหนึ่ง

 

ทุกคนกระจายกันค้นหา มีการตะโกนบอกกันเป็นระยะๆว่าค้นตรงนั้นแล้วไม่เจอ ให้คนนั้นไปหาตรงนี้

 

ใช้เวลาค้นหาประมาณ 1 ชั่วโมงก็หา”นาฬิกา”ไม่เจอ

เศรษฐีเริ่มสิ้นหวัง คิดว่าคงต้องสูญเสียนาฬิกาเรือนนี้ไปอย่างแน่นอน

 

[ads]

 

ขณะที่พนักงานของฟาร์มจะเดินจากไป เด็กชายคนนั้นเดินย้อนกลับมาหาเศรษฐีคนนี้อีกครั้ง

 

“ขอผมลองเข้าไปดูอีกครั้งนะครับ แต่ขอผมเข้าไปคอกม้าคนเดียว”

 

แม้จะรู้สึกว่าเสียเวลาเปล่า แต่เมื่อเด็กน้อยมีน้ำใจ เขาก็พยักหน้าทั้งที่ไม่มั่นใจว่าจะหาเจอ

พวกเพื่อนๆก็บ่นลับหลังว่าพวกเราและคนของฟาร์มตั้งเยอะยังหาไม่ได้

 

“ไปหาคนเดียวจะเจอได้อย่างไร”

 

แต่ไม่ถึง15 นาที เด็กชายคนนี้เดินออกมาด้วยรอยยิ้ม เขาชูนาฬิกา

 

“ใช่ เรือนนี้หรือเปล่าครับ”

 

เศรษฐีดีใจมาก เพราะนั่นคือ”นาฬิกาพก”แสนรักที่เขากำลังค้นหาอยู่

 

เขากล่าวขอบคุณและให้สินน้ำใจกับเด็กน้อย

แต่ยังคาใจ

 

“เธอหาเจอได้อย่างไร”

 

เด็กน้อยยิ้มแฉ่ง บอกว่าพอเข้าไปข้างในคนเดียว เขาก็เพียงแต่นั่งเงียบๆ แล้วค่อยๆเปลี่ยนจุดนั่งไปเรื่อยๆ

 

“แค่จุดที่ 3 ผมก็ได้ยินเสียงติ๊กต่อก ติ๊กต่อก”เขาเล่า

“ผมแค่เดินตามเสียงนั้นไปก็เจอนาฬิกาเรือนนี้”

 

ครับ การค้นหานาฬิกาเรือนนี้ทั้ง 2 ครั้ง ทุกคนคุยกันไปหากันไป

 

ทุกคนพยายามมองหาตัว”นาฬิกา”

 

แต่ไม่ได้คิดจะฟัง”เสียง”ของนาฬิกา

 

เสียงพูดคุยกลบเสียงดังของนาฬิกาไปสิ้น

 

เรื่องเล่าเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าการแก้ปัญหาไม่ได้มีเพียงหนทางเดียว

 

เราสามารถค้นหา”นาฬิกา”ได้ 2 แบบ

 

จะ”ดู”หรือจะ”ฟัง”

 

ทุกปัญหาก็เช่นกัน เราจะแก้ปัญหาแบบที่คนส่วนใหญ่ทำ

 

หรือเราจะมองปัญหาให้

ละเอียด มองให้ครบทุกองค์ประกอบ

 

บางทีการแก้ปัญหาอาจมีหลายหนทาง

 

และอีกเรื่องหนึ่งที่”เด็ก”คนนี้สอนเราก็คือในวิกฤติที่คิดว่าปัญหาหนักหนาสาหัส

 

บางครั้งเราต้องนิ่ง

ต้องมี”สติ” ทำใจให้สงบ

เมื่อมีสมาธิ จึงจะค้นพบ”ทางออก”

 

ค่ะต้องนิ่ง และเงียบเท่านั้น

เราจึงจะได้ยินเสียง”นาฬิกา

 

ขอบคุณที่มาจาก ดร. รสา คำ

 

[ads=center]

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: