จากเรื่องราวชีวิตจริงของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ผ่านคำพูดดูถูกคนกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิต ของน้องทราย วรรณา ปรานี เจ้าของเฟสบุค Wanna Pranee เด็กที่ครอบครัวบ้านแตกสาแหรกขาดพ่อไปทางแม่ไปทาง แต่ด้วยเป็นคนรักแม่ทิ้งแม่ไม่ได้ทำให้ ทรายเลือกที่จะไปใช้ชีวิตอย่างลำบากอดมื้อกินมื้อ ทั้งที่ครอบครัวฝ่ายพ่อก็พอมีฐานะแต่ด้วยกลัวแม่ลำบากทำให้ ทราย ยอมมาตกระกำลำบากกับแม่ แหมฟังแล้วไม่ต่างกับ “ละครทองเนื้อเก้า”
“ตอนเด็กๆ ทรายอยู่กับย่า บ้านย่าค่อนข้างมีเงิน ย่าเลี้ยงหนูแบบดีมาก แต่พอวันหนึ่งพ่อแม่แยกทางกัน แม่เลยต้องกลับมาอยู่บ้านยาย ซึ่งบ้านยายต่างกับบ้านย่าราวฟ้ากับเหว คือตอนแรกย่าไม่ยอมให้หนูมาอยู่กับแม่ เขากลัวว่าจะติดนิสัยไม่ดีจากทางแม่ แต่หนูรักแม่หนูทิ้งแม่ไม่ได้เลย แม้จะไม่มีเงินแต่เราไม่อยากสบายคนเดียว แล้วแม่หนูละจะอยู่ยังไง ทรายเลยยอมจากที่เคยไปโรงเรียนเอกชน แต่พอมาอยู่บ้านแม่ไม่มีเงิน เลยต้องออกมาเรียนโรงเรียนรัฐบาล ตอนจะจบ ป.6 หนูต้องขอทุนเรียนต่อเอาเพราะแม่ไม่มีเงินส่งเรียนแล้ว”
ถึงจะลำบากยากจนแค่ไหน ทรายไม่เคยทิ้งแม่ทั้งๆที่รู้ว่าแม่ก็อยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยโอเค ติดพนันเล่นไพ่อาจเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี แต่คำว่าทองเนื้อแท้ ยังไงก็เป็นทองแม้จะผ่านชีวิตที่เลวร้ายตั้งแต่เด็ก “โตขึ้นมาหน่อย หนูก็เริ่มหาตังค์ใช้เอง แล้ว เริ่มแรกจำได้ว่าเก็บขยะขาย พวกขวด กระป๋อง ของเก่า กระดาษ แต่ที่แบบจำฝังใจว่าชีวิตเราทำไมโชคร้ายจังคือ มีครั้งหนึ่งแม่พาทรายไปซื้อดอกกุหลาบทำพวกพวงมาลัยขาย ทรายต้องนั่งรถซาเล้งแถวบ้านไปขาย แล้วเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำข้างทาง ดอกไม้พังหมด ทุนก็หายทั้งเจ็บตัว ชีวิตนี่แบบลำบากมากกว่าจะได้ตังค์มา”
“อย่างที่บอก หนูเติบโตมาในวงไพ่ แม่ของทรายชอบเล่นไพ่เล่นการพนันมากบางวันเล่นยันเช้า หนูก็ไปเป็นเด็กรับใช้ในวงไพ่คอยไปซื้อนั่นซื้อนี่ ได้ตาละ 1-2 บาท บางวันอดหลับอดนอนเป็นวันๆ ก็เก็บออมไว้ไม่ใช้ หนูเอาเงินไว้ให้แม่หมด แต่ตังค์ก็ไม่พอใช้ หนูเลยไปรับจ้างเขาซักผ้าต่อ ถ้าไม่ทำก็ไม่มีเงินซื้อข้าว ไม่มีเงินไปโรงเรียน”
“พอเข้าวัยรุ่นทรายก็ไปเรียนพาณิชย์ ก็ต้องหาเงินใช้เองขายของตามปั้มน้ำมัน ถึงมันจะเหนื่อยแต่ก็ต้องทำ เพราะทรายเองก็ดูแลแม่ หาเงินเรียนรับภาระหลายอย่าง เสร็จจากนั้นก็ไปเป็นเด็กเสริฟ์ ขายหมูสะเต๊ะ คือทำหมดที่มันได้ตังค์ พอเรียนจบก็ไปหนูสมัครงานเคเอฟซี เพราะตอนนั้นไม่รู้จะทำอะไร จนมีวันหนึ่งที่มีลูกค้าผู้ชายคนหนึ่งเขาพาลูกเขามานั่งกินในร้าน ทรายก็ไปเสิร์ฟที่โต๊ะเขา ทรายได้ยินเขาคุยกับลูกเขาว่า ดูพี่คนนั้นซิ เขาหมายถึงทราย โตขึ้นอย่าเป็นแบบพี่เขานะเพราะเขาเรียนมาน้อยหัวไม่ดี ถึงได้มาทำงานแบบนี้ ทรายได้ยินคำพูดนี้มันน้ำตาไหล แบบเจ็บจี๊ดเข้าไปในหัวใจ ทำไมเราขยัน เราสู้ เราทำเพื่อคนที่เรารักแต่ทำไมมีแต่คนดูถูกเรา จากคำพูดที่ได้ยินวันนั้นเป็นจุดเปลี่ยนว่าเราจะต้องรวย ชีวิตนี้จะให้ใครมาดูถูกแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ”
“จนสุดท้ายแล้วป้าของทรายก้อดึงไปขายของ ขายพวกอาหารเสริม ขายกับป้าได้สักพัก เราก็เริ่มเห็นช่องทาง เลยเริ่มหันมาจับค้าส่งจริงจังและทำเป็นของตัวเอง จำได้ว่าขายดีมากจน หนูมีเงินซื้อยาริส รถคันแรกในชีวิตไว้คอยส่งของ ตั้งใจทำงานมาก ขับรถไปส่งของคนเดียวที่สระบุรี คือของเต็มรถจนไม่มีที่ว่างต้องบุบลังกาแฟเอาห่อเล็กๆ มาวางตามศอกตามตัก หายใจแทบไม่ได้ ขับรถไปต้องกินข้าวไปเพราะขายดีจนไม่มีเวลา ยิ่งทำยิ่งชอบยิ่งทำตังค์ยิ่งเยอะ พอตังค์เยอะไปก็จะเอาตังค์ตรงนั้นมาต่อยอดเปิดร้านขายปลีก แล้วมาทำแบรนด์สินค้าของตัวเอง จนทุกวันนี้มีหมดทุกอย่าง ฐานะมั่นคง แม่ก็ไม่ต้องทำงานหนัก ทรายเลี้ยงแม่ดูแลครอบครัว อยากได้อะไร ทรายทำได้หมด”
นอกจากรวย สวย แล้วยังเป็นคนน้ำใจงามชอบช่วยเหลือแบ่งปัน “ไม่ว่าเราจะรวยหรือจน ถ้าเรามีจิตใจที่จะให้ เราก็มีความสุขหมด สำหรับทราย ตอนนี้พอเรามีกิจการงานที่มั่นคงทำ ทรายก็แจกแบ่งปันทั้งเงิน ทั้งความสวย ล่าสุดก็จัดกิจกรรมแบ่งปันจมูก พาผู้ที่ร่วมสนุกกับกิจกรรมที่เราทำขึ้นไปทำดั้งฟรี ออกค่าใช้จ่ายให้หมดทุกอย่าง และก็จับแจกดั้งฟรีแบบนี้เรื่อยๆ ในเร็วๆนี้ก็จะมีกิจกรรมพาสาวๆไปทำนม ทำสวยกันให้ทั้งตัว คือถามว่าที่ผ่านมาเราก็ให้คืนสังคมกลับไปเยอะ แต่ทรายค้นพบว่าความสุขที่แท้จริงของคนเราคือการที่เห็นคนอื่นมีความสุข นั่นคือเวลาที่เราทำให้ใครเปลี่ยนชีวิตได้ มีความมั่นใจขึ้น บุคลิกดีขึ้น เกิดไปตายไปกี่ชาติก็ติดตัวเราไป ทรายเชื่อแบบนี้ยิ่งช่วยให้คนมีความสุขที่ตัวเองสวยขึ้นหล่อขึ้นชีวิตเราก็จะยิ่งเจริญยิ่งขึ้น เพื่อนๆสามารถติดตามกิจกรรมแจกความสุขได้ที่เฟส Wanna Pranee”
ขอบคุณเนื้อหาและที่มาจาก เจ้าของเฟสบุค Wanna Pranee
[ads=center]
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ