เผยรพ.เอกชนไม่ยอมตรวจโควิด ทำพ่อ-แม่-น้อง ตาย มาเผาศพทั้งถังออกซิเจน





อุทาหรณ์โควิดพาติดทั้งครอบครัวคร่าชีวิตพ่อแม่ลูกชาย รวม 3 คน ลูกสาวติดเชื้อรักษาอยู่รพ. ขออนุญาตหมอมาเผาศพทั้งถังออกซิเจน สุดท้ายเป็นคนเดียวที่รอด ขอเปิดเผยเรื่องราวเพื่อเป็นอุทาหรณ์ อยากให้คนไทยเข้าถึงการตรวจรักษา

เรื่องราวสะเทือนใจของครอบครัวที่ติดโควิด-19 ยกครอบครัว 4 คน รวมเพื่อนลูกสาวและหลานสาว อีก 2 รวมเป็น 6 คน เสียชีวิต 3 คน คือ พ่อ แม่และลูกชาย โดยผู้เผยแพร่ต้องการให้เป็นอุทาหรณ์กับการเข้าถึงการตรวจและการรักษาโรคโควิด-19 มีการโพสต์ข้อความใน facebook ส่วนตัว “Fon Tbsb” เมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมาใจความว่า

ครอบครัวน้าที่สนิท เสียชีวิตถึง 3 คน จากสมาชิกครอบครัว 4 คน เพียงไม่ถึง 1 เดือนจากโควิด พ่อ แม่ ลูกชาย เหลือลูกสาวคนเดียวที่รักษาหาย แต่ปอดยังไม่ดี ไม่แข็งแรง (นอกจากนี้สมาชิกอื่นในบ้านก็ติดอีก2คน รวม6คน)

ไม่ทราบสัมผัสผู้ติดเชื้อยืนยันจากที่ไหน ไม่ได้ไปสถานที่เสี่ยง เป็นคนทำงานปกติทั้งที่ระวังตัวแล้ว

โปรดระมัดระวังตัว อย่าการ์ดตก แม้นรัฐผ่อนคลายมาตรการ ดูแลสุขภาพอย่างดีที่สุดกันนะคะ

ไม่ได้อยากลงโพสต์ใดๆ แต่ครอบครัวเราใจสลายหมดแล้ว ขอลงเพราะไม่อยากให้เกิดกับครอบครัวใคร

กราบวิงวอนภาครัฐเอื้อให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงการฉีดวัคซีนอย่างสะดวก และรวดเร็ว ใครไม่มีความเสี่ยงใดๆ พิจารณารับวัคซีนเถอะค่ะ

กราบวิงวอนรัฐให้คนที่อยากตรวจหาเชื้อเข้าถึงการตรวจได้สะดวกและไม่แพงหน่อยเถอะค่ะ ไม่ต้องรอไปตรวจฟรีตามหน่วยบริการเชิงรุกที่เพิ่งมามีช่วงหลัง

ตายจริง 3 คนในบ้าน จากการเข้าถึงการตรวจช้า การเข้าถึงการรักษาช้าช่วงสงกรานต์ ทั้งที่อยากตรวจ อยากรักษา

ขอบคุณทีมบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าทุกท่าน รวมถึงแพทย์ที่ทุ่มเทรักษา ที่เสียสละ อุทิศการทำงานเต็มที่แล้วจริงๆ ขอบคุณจากใจจริงๆ

ตนเองเป็นบุคลากรทางการแพทย์แท้ๆ ช่วยญาติที่รัก3คนไม่ได้เลย ขอเป็นเสียงเล็กๆส่วนหนึ่งวิงวอนให้อย่าให้มีการสูญเสียไปกว่านี้เลย”

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากญาติสนิทของครอบครัว ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า ขณะนี้ ลูกสาว อายุ 38 ปี ได้รับการรักษาโรคโควิด-19 อาการดีขึ้นแล้ว กลับมารักษาตัวได้ที่บ้านพักย่านวัชรพล แต่ยังมีอาการเหนื่อย ต้องหายใจผ่านเครื่องออกซิเจน ในฐานะญาติจึงได้รับอนุญาตให้เผยแพร่เพื่อเป็นอุทาหรณ์แทน

สำหรับเรื่องนี้เกิดขึ้น เริ่มจากลูกชายคนเล็กของครอบครัว อายุ 36 ปี ได้รับเชื้อโควิด-19 เมื่อช่วงประมาณต้นเดือนเมษายน จากการไปรับประทานอาหารกับเพื่อนที่ทำงาน แต่ไม่แน่ชัดว่าติดจากใคร โดยระหว่างนั้นตัวลูกชายยังมาทานข้าวเย็นกับครอบครัวมีซึ่งมีพ่อ แม่ พี่สาว หลานสาวแล้วญาติอีกคน รับประทานอาหารร่วมกันทุกเย็นเป็นประจำ

กระทั่งวันที่ 12 เม.ย. ลูกชายมีอาการเจ็บคอ และมีไข้ต่ำๆ วันที่ 15 เม.ย.ได้ไปรพ.เอกชนแห่งหนึ่ง แต่ทาง รพ.ไม่ได้ตรวจเชื้อคัดกรอง โควิด-19 ให้ โดยแพทย์ระบุว่าเป็นเพียงไข้หวัด ได้ให้ยา amoxy และยาแก้ปวดหัวมา วันที่ 16, 17 และ 18 เม.ย. ทางลูกชายมีอาการแย่ลง ทำให้วันที่ 18 เม.ย.จึงเดินทางกลับไปที่ รพ.เดิมอีกครั้ง โดยมีอาการเหนื่อย ขอให้หมอเอกซเรย์ปอดและตรวจ โควิด-19 แต่หมอบอกว่าสิทธิประกันสังคมไม่ครอบคลุม ลูกชายจึงใช้สิทธิประกันชีวิตของ AIA จึงตรวจให้ พร้อมให้แอดมิต เนื่องจากอาการไม่ค่อยดี กระทั่งวันเดียวกันได้รับแจ้งว่าติดเชื้อโควิด-19 ต่อมา วันที่ 23 เม.ย.อาการทรุดหนัก ญาติพยายามประสานทุกรพ.เพื่อขอส่งต่อ รวมถึงโทรสายด่วนที่รัฐเคยประชาสัมพันธ์เป็นร้อยครั้ง (ไม่ติด) ประสานรพ.ไหนก็ไม่สำเร็จ และลูกชายเสียชีวิต ในเย็นนั้น

ญาติสนิทของครอบครัวนี้ กล่าวอีกว่า ช่วงที่ลูกชายทราบว่าติดเชื้อ โควิด-19 ทางพ่อแม่พี่สาว หลาน และญาติที่มาร่วมรับประทานอาหารเย็นที่บ้านต่างตกใจ จึงได้ไปตรวจเชื้อที่รพ. พบว่าทั้ง 5 คนได้รับเชื้อโควิด-19 ทั้งหมด และขณะที่ลูกชายเสียชีวิตแม่และพ่อไม่ได้รับทราบข่าวดังกล่าว เนื่องจากต้องการปิด ไม่ให้ทราบ เกรงว่าอาการป่วยจะทรุด โดยงานศพของลูกชายไม่มีใครในครอบครัวสามารถมาร่วมงานได้ ตนต้องเป็นผู้ดำเนินการเผาศพที่วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต ซอยวัชรพล 53 ให้

กระทั่งวันที่ 15 พ.ค. แม่ได้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ลูกสาวได้ขออนุญาตคุณหมอไปเผาศพคุณแม่ที่วัดศิริพงษ์ฯ โดยมีถังออกซิเจนติดตัวไปด้วย

ต่อมาวันที่ 21 พ.ค. พ่อ ได้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ตามเป็นรายที่ 3 ลูกสาวต้องใช้เครื่องถังออกซิเจนช่วยหายใจได้เดินทางไปร่วมงานศพของพ่อ เป็นที่สะเทือนใจของคนใกล้ชิดและญาติมิตร โดยตนเป็นผู้จัดงานศพญาติสนิท ทั้ง 3 คน ใน 3 สัปดาห์

ส่วนการออกมาเปิดเผยครั้งนี้ ทางญาติและลูกสาวเห็นว่า หากเรื่องราวของครอบครัวเป็นประโยชน์กับใครอื่นได้ ก็ถือเป็นผลบุญกุศลให้แก่พ่อแม่และน้องชาย และขออุทิศความดีหากต่อชีวิตใครได้ ยกผลบุญให้ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 เพราะตอนนี้ต้องอยู่เพียงคนเดียวลำพัง จากครอบครัวทั้งหมด 4 คน

ทั้งนี้ หากลูกชายได้รับการตรวจโควิดอย่างรวดเร็วตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย.ที่เจ้าตัวต้องการไปตรวจ โควิด-19 หรือได้รับการรักษาเร็วกว่านี้ บิดาและมารดาอาจไม่ได้รับเชื้อ หรือต้องมาเสียชีวิตแบบนี้ ซึ่งในขณะนั้นการเข้าถึงการตรวจ หรือการรักษาเป็นเรื่องที่ยากมากจริงๆ กว่าจะได้รับการตรวจหรือมาทราบผลก็ล่วงเลยมา 4 วัน ทำให้พ่อแม่ได้รับเชื้อไปด้วย

“ลูกสาวและญาติมีความคิดขอแค่เพียงว่า ใครที่อยากตรวจ โควิด-19 ขอให้ได้รับการตรวจ ไม่ได้มีความประสงค์จะไปโจมตีใครทั้งสิ้น อยากกราบวิงวอน อยากขอให้ผู้ป่วยได้รับการตรวจ โควิด-19 เพราะที่ผ่านมาต้องคอยตามข่าวเรื่องการตรวจเชิงรุกที่จะประกาศว่าจะไปยังจุดไหน บางที่มีคนแออัดเสี่ยงต่อการรับเชื้อ ถ้าหากต้องไปรับการตรวจตาม รพ.เอกชนจะต้องเสียเงิน รัฐควรมีนโยบายให้ความช่วยเหลือครึ่งหนึ่ง หรือมีนโยบายที่ว่ารพ. ไม่จำเป็นต้องรับผู้ป่วยทุกคนที่พบเชื้อ เพราะนโยบายรัฐบอกว่าถ้าตรวจเจอแล้วรพ.ไม่รับผู้ป่วยนั้นมีความผิด ทำให้ รพ.ไม่อยากตรวจ เพราะจะได้ไม่ต้องรายงาน หรืออาจจะไม่พร้อม จึงปัดให้พ้นไป”

 

ข่าวจาก : Microsoft News

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: